นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 469

สรุปบท ตอนที่ 469 เรื่องในวันนี้น่ากลัดกลุ้มยิ่ง: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 469 เรื่องในวันนี้น่ากลัดกลุ้มยิ่ง – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

บท ตอนที่ 469 เรื่องในวันนี้น่ากลัดกลุ้มยิ่ง ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 469 เรื่องในวันนี้น่ากลัดกลุ้มยิ่ง

เมื่อทราบว่าซูเจวี๋ยกำลังจะกลับมา ฟู่เสี่ยวกวนก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก นั่นหมายความว่าบาดแผลของซูเจวี๋ยได้หายแล้ว เพียงแต่มิทราบว่าจะมีรอยแผลเป็นบนใบหน้านั้นหรือไม่

เจี่ยหนานซิงจับตามองฟู่เสี่ยวกวนมาโดยตลอด เขาชื่นชอบเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างมาก แน่นอนว่าในตัวตนที่เขาเป็นองค์ชาย

คนผู้นี้ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ราชวงศ์หยูในปัจจุบันหากบริหารตามนโยบายของเขาต่อไป อีกมิเกิน 2 ปี จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกดินเป็นแน่

แต่หากราชวงศ์หยูแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แล้วราชวงศ์อู๋จะทำเยี่ยงไร ?

สำหรับความกังวลใจนี้ เจี่ยหนานซิงยังมิได้คิดมากอันใด และมิได้แนะนำให้ฟู่เสี่ยวกวนกลับไปยังแคว้นอู๋

เขาเชื่อว่าเยี่ยงไรเสียในมิช้าฟู่เสี่ยวกวนก็ต้องกลับไปยังราชวงศ์อู๋ เพราะท้ายที่สุดแล้วในร่างกายของเขาก็ได้มีโลหิตของจักรพรรดิเหวินไหลเวียนอยู่

ทั้งสองสนทนากันเกี่ยวกับการจัดวางฝูงมดในเมืองหลวงโดยละเอียด ฟู่เสี่ยวกวนถึงได้ทราบว่าเครือข่ายสอดแนมของหอเทียนจีแข็งแกร่งกว่าหอซี่หยู่หลายเท่าตัว

“กระหม่อมคิดว่าพระองค์จะใส่ใจซีหรง ดังนั้นกระหม่อมจึงนำรายชื่อฝูงมดในซีหรงทั้งหมดมาด้วย หากมีเวลาว่างพระองค์โปรดอ่านอีกครา นอกจากนั้นยังมีรายงานจากซีหรงอีก 1 ฉบับ กระหม่อมคาดว่าพระองค์จะต้องสนใจเป็นแน่”

เจี่ยหนานซิงนำสาสน์และจดหมายอย่างละหนึ่งฉบับออกมาจากในแขนเสื้อ และส่งมอบให้กับฟู่เสี่ยวกวน

ฟู่เสี่ยวกวนรับสาสน์ฉบับนั้นมา เมื่อเปิดออก คิ้วของเขาก็ได้ขมวดเข้าหากันในทันที

“ยืนยันแล้วว่านามที่แท้จริงของหนานป้าเทียนคือเฉินจั่วจวิน ซึ่งเป็นนักบุญสาวของลัทธิจันทรา”

“ยืนยันได้แล้วว่าองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์หยูได้ติดต่อแม่ทัพใหญ่เซวี๋ยติ้งชานแห่งกองทัพชายแดนตะวันตก ทุกกองของเซวี๋ยติ้งชาน ในคืนวันที่สิบห้า เดือนสิบเอ็ด ได้แยกตัวออกมากองเล็ก ๆ กองละ 1,000 คนและมุ่งตรงไปยังเขตซีหรง มิทราบเป้าหมาย กำลังรอการตรวจสอบ”

“ด้านล่างเชิงเขายอดเมฆาของภูเขาหมิน พบรังลับของลัทธิจันทรา มีการป้องกันที่ซับซ้อน ศิษย์ทั้งสี่แห่งสำนักเต๋าตั้งใจจะบุกทะลวงเข้าไป แต่ก็มิสำเร็จ พวกเขาได้เข้าปะทะกับลัทธิจันทรา และได้สังหารคนของลัทธิจันทราไป 102 คน เกาหยวนหยวนและซูปิงปิงบาดเจ็บสาหัส ซูหยางหยางกับซูเตี่ยนเตี่ยนแบกทั้งสองฝ่าวงล้อมออกมา และได้กลับไปยังสำนักเต๋า”

“เรื่องที่สงสัยตอนนี้มีอยู่สองเรื่อง และได้จ้างวานสหายแนวร่วมไปตรวจสอบแล้ว ประการที่หนึ่ง แม่ทัพใหญ่เซวี๋ยติ้งชานแห่งกองทัพชายแดนตะวันตก ในฤดูใบไม้ผลิไท่เหอปีที่ห้าสิบเอ็ด ได้เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมของหลินจิงเลี่ยที่ตรอกหวู่อี้ในจินหลิง หลินจิงเลี่ยเป็นราชามดแห่งหอเทียนจี หอเทียนจีตรวจสอบเรื่องนี้มาโดยตลอด หากเป็นเรื่องจริง จะต้องลอบสังหารเซวี๋ยติ้งชานเสียเพื่อแก้แค้นให้กับสหายแนวร่วมของข้า”

“ประการที่สอง บัดนี้กำลังติดตามรองเสนาบดีฉินฮุ่ยจือแห่งสำนักอัครมหาเสนาบดีแห่งราชวงศ์หยูอย่างใกล้ชิด ข้ากำลังรอสกัดรายงานจากจินหลิงที่ส่งไปยังเขตซีหรง มีความเป็นไปได้อย่างมากที่คนผู้นี้จะถูกหยูเวิ่นชูซื้อไปแล้ว”

ฟู่เสี่ยวกวนอ่านอย่างถี่ถ้วนถึงสองรอบ แล้วจึงส่งให้เจี่ยหนานซิง “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าฝูงมดนี้ใส่ใจกับอันตรายในราชวงศ์หยูมากยิ่งนัก ? ”

“ทูลองค์ชาย เพราะฮ่องเต้เคยตรัสไว้ว่า ราชวงศ์หยูที่มั่นคงมีค่าสำหรับราชวงศ์อู๋เป็นอย่างมาก แน่นอนว่ายังมีเหตุผลอื่นที่นอกเหนือจากนั้น ถึงแม้ว่าลัทธิจันทราจะเป็นเศษเดนจากราชวงศ์ก่อน แต่หนวดของลัทธิจันทราแผ่ออกมายาวจนเกินไป คาดมิถึงว่าเกาเสี่ยนจะเป็นคนของลัทธิจันทรา เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องมิดีต่อราชวงศ์อู๋เป็นอย่างยิ่ง”

“หลินจิงเลี่ยเป็นคนแบบไหนกัน ? ”

“คราหนึ่งที่พักทางการของช่าวชิงศาลต้าหลี่แห่งราชวงศ์หยู ค่ำคืนหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ไท่เหอปีที่ 51 จวนหลินเกิดเพลิงไหม้ ผู้คนจำนวน 136 คนในจวนต่างสิ้นชีวิตทั้งหมด แน่นอนว่า นี่ดูเหมือนเป็นการจัดฉากขึ้นมา เพราะวรยุทธ์ของหลินจิงเลี่ยทะลวงไปถึงขั้นที่หนึ่งแล้ว แต่แท้จริงแล้วเขาถูกสังหารก่อนที่จะถูกวางเพลิง…”

ขันทีเจี่ยครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วกล่าวขึ้นมาว่า “ยังมีอีกข่าวคราวหนึ่ง กล่าวว่าจวนหลินมีผู้รอดชีวิตอยู่ 1 คน นั่นคือบุตรีของหลินจิงเลี่ย ในยามนั้นมีอายุเพียง 5 ปีเท่านั้น”

“ข่าวนี้เชื่อถือได้หรือไม่ ? ”

“ตามเอกสารในจวนผู้ว่าเขตจินหลิง ในยามนั้นพบเจอศพเพียง 135 คนเท่านั้น คิดดูแล้วก็มีความเป็นไปได้อย่างมาก”

หากลองคำนวณตามดู เด็กสาวผู้นั้นในปัจจุบันนี้น่าจะอายุได้ 15 ปีแล้ว แต่เยี่ยงไรแล้วเรื่องนี้ก็มิได้เกี่ยวข้องกับฟู่เสี่ยวกวนแต่อย่างใด เขาจึงมิได้ถามต่อ แต่กลับถามถึงเซวี๋ยติ้งชานแทน “เซวี๋ยติ้งชานบรรลุถึงขั้นใดแล้ว ? ”

ขันทีเจี่ยเงียบไปชั่วอึดใจ “กระหม่อมมิเคยพบเซวี๋ยติ้งชานมาก่อน เนื่องจากสิบปีก่อนหน้านี้เขาสามารถสังหารหลินจิงเลี่ยได้ เกรงว่าบัดนี้เขาน่าจะเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์แล้ว”

ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึงขึ้นมาทันพลัน เหตุใดยิ่งอยู่ปรมาจารย์ยิ่งเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ กัน

ฮั่วหวยจิ่นกล่าวว่ากำลังรบของกองทัพชายแดนตะวันตกเกรงว่าจะเกินกว่าจินตนาการของใครหลาย ๆ คนแล้ว คนผู้นี้ซุกซ่อนไว้ลึกถึงเพียงใดกัน ? หากเขามีปัญหากับองค์ชายสี่ขึ้นมาอย่างแท้จริง นั่นย่อมมิใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน

บัดนี้เขาได้มองเห็นถึงความกังวลของฟู่เสี่ยวกวน ขันทีเจี่ยจึงกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ฝ่าบาททราบถึงวรยุทธ์ของเซวี๋ยติ้งชานแล้ว”

“ฝ่าบาทมีการเตรียมการป้องกันเยี่ยงไร ? ”

“ภรรยาของเซวี๋ยติ้งชาน คือสีฮวาน้องสาวของสีฉวินเหมยและเป็นบุตรีของประมุขตระกูลสี…สีจื้อ”

หนวดของลัทธิจันทรายืดยาวเสียยิ่งกว่าที่เขาได้คาดการณ์เอาไว้

อำนาจของลัทธิจันทราได้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทั้งยังตัดสินใจที่จะคร่าชีวิตของเขา !

องค์ชายสี่ได้ตัดสินใจแล้วที่จะก่อกบฏ !

ปืนคาบศิลาจำต้องส่งไปยังกองทัพชายแดนตะวันออกให้เร็วมากยิ่งขึ้น และกองกำลังดาบเทวะก็ต้องเติบโตให้เร็วที่สุดด้วยเช่นกัน

ดังนั้นคุณชายเศรษฐีที่ดินในปัจจุบันนี้จึงมิมีอิสระในชีวิตอีกต่อไป

นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนทุกข์ใจมากยิ่งนัก อยากจะใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญ เยี่ยงนั้นก็จำต้องกำจัดลัทธิจันทรา กำราบองค์ชายสี่ และสยบซีหรงให้จงได้… เกรงว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถหลุดพ้นได้

เฉกเช่นฟู่เสี่ยวกวน องค์รัชทายาทเยียนเหลียงเจ๋อแห่งแคว้นอี๋ก็ได้พบคน 2 คนในค่ำคืนนี้เช่นกัน

ผู้หนึ่งคืออาสามขององค์ชายสี่ เซวี๋ยไคเหลียนผู้ประสานงานในราชวังแห่งสำนักตรวจสอบพระราชโองการ อีกผู้หนึ่งกลับเป็นผู้อาวุโสที่สาม ถงเหยียนแห่งลัทธิจันทรา

เซวี๋ยไคเหลียนเพียงกล่าวกับเยียนเหลียงเจ๋อหนึ่งประโยคเท่านั้นว่า หากต้องการยึดเมืองยุทธศาสตร์หลานหลิงให้ได้ ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าแคว้นอี๋ต้องรุกที่ราบสีหม่าอีกครา

ส่วนผู้อาวุโสที่สาม ถงเหยียนแห่งลัทธิจันทรา ก็ได้มาเสนอแก้ปัญหาที่ใหญ่หลวงและน่ารำคาญในปัจจุบันของเยียนเหลียงเจ๋อ ซึ่งก็คือฟู่เสี่ยวกวน

“ข้าจะสังหารฟู่เสี่ยวกวน หลังจากเสร็จเรื่อง แคว้นอี๋จะต้องจ่ายเงินจำนวน 30 ล้านตำลึงให้กับข้า ! ”

เยียนเหลียงเจ๋อจ้องมองใบหน้าที่อยู่เบื้องหน้านี้อยู่เนิ่นนาน คาดมิถึงว่านางจะคือหลิ่วเยียนเอ๋อร์แห่งหงซิ่วจาว

ในช่วงหลายวันมานี้เยียนเหลียงเจ๋อมิแม้แต่จะได้พบเห็นหน้าของฟู่เสี่ยวกวน เขาเคยไปหงซิ่วจาว และเคยพบเจอกับหลิ่วเยียนเอ๋อร์มาก่อน เพียงแค่เขามิเข้าใจว่านักร้องแห่งหงซิ่วจาวจะมีความสามารถอันใดไปสังหารฟู่เสี่ยวกวนได้กัน

“เขาจะมาหงซิ่วจาวอย่างแน่นอน องค์ชายสี่เพียงเตรียมตั๋วเงินเอาไว้ให้พร้อมก็พอเพคะ”

นางคือถงเหยียน แต่ในปัจจุบัน นางได้กลายเป็นหลิ่วเยียนเอ๋อร์ และมิมีผู้ใดที่มองเห็นข้อพิรุธนี้เลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)