สรุปตอน ตอนที่ 470 มีคนจมน้ำตาย – จากเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
ตอน ตอนที่ 470 มีคนจมน้ำตาย ของนิยายทะลุมิติเรื่องดัง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 470 มีคนจมน้ำตาย
เทศกาลปีใหม่ใกล้จะมาถึงแล้ว บรรยากาศของเทศกาลในเมืองจินหลิงมองดูแล้วครึกครื้นมากยิ่งนัก
การก่อสร้างในหนานซานได้เริ่มขึ้นแล้ว ผู้คนกว่าสี่หมื่นคนทำงานกันอย่างคึกครื้น พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงสภาพลานกว้างของเรือนหนานซานไปอย่างสิ้นเชิง
ต่งชูหลานนำร่างที่อ่อนล้าของนางเดินฝ่าหิมะกลับไปยังจวนฟู่ แต่ทว่าใบหน้านั้นกลับแฝงไปด้วยความรื่นรมย์และยินดี
หลังจากสถานที่แห่งนี้ได้สร้างเสร็จแล้ว ก็จะสามารถจัดการกับปัญหาเรื่องสินค้าจากซีซานที่จัดส่งมายังเมืองจินหลิงได้เสียที
สินค้าที่ผลิตในซีซานจะได้นำส่งไปยังเมืองหลินเจียงและเมืองใกล้เคียงได้อย่างเต็มที่
และในปีหน้าเขตผิงหลิงและชวูอี้เองก็จะสร้างอุตสหกรรมที่สามารถผลิตสินค้าเองได้แล้ว อีกทั้งสามีของนางยังมีแผนการที่จะขยายโครงการให้ใหญ่โตขึ้นอีกด้วย
หากกล่าวถึงความเหนื่อยนั้นต้องเหนื่อยอย่างแน่นอน แต่นี่คือธุรกิจของครอบครัว !
ธุรกิจนี้ยิ่งขยายใหญ่เท่าใดก็ยิ่งดี ชื่อเสียงหน้าตาของตระกูลฟู่จึงจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
เวิ่นหวินกำลังตั้งครรภ์ นางอยู่ที่จวนเพื่อพักผ่อน เสี่ยวโหลวเองก็ต้องดูแลธนาคารซื่อทงและดูแลการก่อสร้างของหนานซานด้วย ส่วนสามีของนางนั้นกำลังวุ่นอยู่กับกรมการค้าและการผลักดันนโยบายใหม่ ดังนั้นเรื่องกิจการหรือเรื่องภายในจวนนางจึงต้องเป็นคนจัดการ
“ชูหลาน ลำบากเจ้าหน่อยนะ ! ” หยูเวิ่นหวินต้มซุปโสมให้ต่งชูหลานด้วยตนเอง นางนำมือลูบไปที่ท้องแล้วกล่าวว่า “ท่านพี่กล่าวว่าจะนำบุตรชายของหลี่จินโต้วทั้งสามคนโยกย้ายมายังจวนฟู่ ทั้งสามคนนั้นล้วนเป็นหลงจู๊ใหญ่ พวกเขามีประสบการณ์มากมาย รอให้พวกเขามาแล้วเจ้าจะได้พักผ่อนเสียบ้าง”
ต่งชูหลานยิ้มออกมาน้อย ๆ “มิเป็นไร…เหวิ่นหวิน ข้าอยากจะบอกเจ้าจากใจจริงว่า ข้าชอบที่เป็นอยู่เช่นนี้ เดิมทีข้าก็ชื่นชอบการค้า เพียงแต่เพราะถูกสายตาของคนนอกจ้องมอง จึงมิกล้าลงมือทำเท่าใดนัก บัดนี้ข้ามิสนใจแล้วและรู้สึกว่าที่เป็นอยู่เช่นนี้ช่างรู้สึกดีมากยิ่งนัก รู้สึกว่าชีวิตเช่นนี้ช่างมีความหมายกับข้าอย่างแท้จริง”
หยูเวิ่นหวินจ้องมองต่งชูหลานตาเขม็งแล้วเบะปากพลางเอ่ยว่า “เจ้านั้นชื่นชอบเงินทองมาตั้งแต่ยังเยาว์… รีบดื่มซุปเร็วเข้า ซุปร้อน ๆ ช่วยบำรุงร่างกาย… สตรีเราเมื่อแต่งงานแล้วมิควรจะออกไปพบปะกับผู้คนมากนัก”
“เจ้าอย่าได้กล่าวไป เมื่อก่อนนั้นเจ้าเองก็แข็งกระด้างราวกับเด็กผู้ชาย” ต่งชูหลานเหลือบมองหยูเวิ่นหวินแล้วยกถ้วยซุปขึ้นมาดื่ม ก่อนจะเอ่ยชมว่า “อืม ซุปของเจ้านี่เหมือนรสชาติที่ฮองเฮาซั่งทำมากขึ้นทุกที”
“หึ ๆ ! ” หยูเวิ่นหวินหัวเราะ “นาน ๆ ทีเจ้าจะเอ่ยชมข้า นี่… ข้าว่าปีใหม่ก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว พวกเราควรจะไปซื้อของใช้เตรียมไว้ดีหรือไม่ ? อีกอย่าง…หลังจากที่พวกเราแต่งงานออกมา นี่คือปีใหม่แรกที่จะได้ร่วมกันเฉลิมฉลองกับตระกูลฟู่ โอกาสเช่นนี้ ท่านพี่ควรจะนำของขวัญไปมอบให้แก่พ่อตาแม่ยายของเขาด้วยจริงหรือไม่”
ต่งชูหลานดื่มซุปจนหมดแล้วนำมือขึ้นเช็ดปากพลางกล่าวว่า “เมื่อตอนออกเรือน แคว้นอี๋ แคว้นฝาน และแคว้นอู๋ได้มอบของล้ำค่ามามิน้อย สิ่งของเหล่านั้นเอาตั้งไว้ก็มิมีประโยชน์อันใด นำไปมอบต่อคงจะดีกว่า แต่พวกเราควรจะไปซื้อพวกหยก แล้วส่งไปให้ยังจวนฟู่ที่หลินเจียงด้วย เนื่องจากพวกเรามิได้เดินทางกลับไปยังหลินเจียง ที่นั่นมีคนในครอบครัวอยู่มากโขเสียทีเดียว”
“เจ้าช่างคิดได้รอบคอบยิ่ง ไปกันเลยหรือไม่ ? ”
“ไป ! ”
สตรีทั้งสองพาบ่าวรับใช้และผู้ติดตามเดินออกจากจวนฟู่ไป พวกนางเดินไปบนถนนอันสวยงามท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา
บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนได้เดินทางออกมาจากกรมการค้าแล้วมุ่งหน้าไปยังธนาคารซื่อทง เขาพบหลี่จินโต้วนั่งอยู่ด้านใน
“คุณชาย”
“เชิญนั่งก่อน”
หลี่จินโต้วมองดูฟู่เสี่ยวกวนด้วยความชื่นชม เขารับตำแหน่งหลงจู๊ใหญ่มาเป็นเวลาสิบกว่าปี แต่เพิ่งจะมาอยู่ที่ธนาคารซื่อทงได้เพียงสิบกว่าวันเท่านั้น
แต่ในเวลาสิบกว่าวันนี้ เขาได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย และได้ลบล้างข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารรูปแบบเดิมที่เขามีอยู่
อย่าว่าแต่เรื่องหุ้นเลย บัดนี้ธนาคารซื่อทงนั้นมิใช่ทำหน้าที่เพียงรับฝากเงินเท่านั้น อีกทั้งยังเริ่มทำการให้กู้ยืม และจัดการประเมินสินทรัพย์อีกด้วย
นายหญิงเยี่ยนเสี่ยวโหลวกล่าวว่า ในปีนี้พอเท่านี้ก่อน เมื่อถึงปีหน้า คุณชายจะนำนิยามของหุ้นนี้เผยแพร่ไปทั่วทุกเขตการทดลองในเมืองหลวง เมื่อถึงเวลานั้นบรรดาพ่อค้าในเมืองหลวงก็จะนำทรัพย์สินของตนมาประเมิน หลังจากประเมินเรียบร้อยแล้วก็จะทำการแลกเปลี่ยนเป็นหุ้นกับธนาคารซื่อทงเพื่อลงทุนในจุดทดลองต่าง ๆ
“เจียฉายว่านก้วน ตระกูลมั่งคั่ง ท่านหลี่ ข้านั้นชื่นชมท่านในการให้กำเนิดและตั้งชื่อบุตรทั้งสี่ของท่านอย่างแท้จริง หากทั้ง เจีย ฉาย ว่าน ก้วน ทั้งสี่คนนี้มารวมตัวกันได้ คาดว่าคงจะดีมากยิ่งนัก”
เมื่อกล่าวจบเขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยต่อไปว่า “ท่านหลี่ เรื่องนี้เอาตามนี้ก็แล้วกัน ไว้ข้าจะหาเวลาเชิญทุกคนมาร่วมทานข้าวด้วยกัน เพื่อปรึกษาหารือกันเรื่องอนาคตอันยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมซีซาน ในปีหน้าบุตรชายทั้งสามของท่านจะรุ่งเรืองภายใต้การขัดเกลาของข้า ! ”
จากนั้นเขาก็หันหลังเดินจากไป หลี่จินโต้วจึงยื่นนิ้วหนึ่งออกมา “เห้อ เห้อ… ! ”
ตกลงตามนี้เยี่ยงนั้นหรือ ?
ข้ายังมิได้รับปากเลยด้วยซ้ำ !
แต่หลี่จินโต้วจะทำอันใดได้กันเล่า ?
เขาจะไปสู้กับฟู่เสี่ยวกวนได้เยี่ยงไร !
ตระกูลเขาทั้งตระกูลถูกซื้อโดยฟู่เสี่ยวกวนแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นแล้วอย่างแท้จริง สมาชิกในตระกูลทุกคนมารวมกันเป็นคนของจวนฟู่ ข้าจะไปหาผู้ใดมาช่วยได้อีกเล่า ?
ฟู่เสี่ยวกวนนั่งรถม้ากลับจวนอย่างมีความสุข เมื่อถึงหน้าประตูจวน เขาก็ได้พบว่ามีผู้คนจำนวนมากยืนส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปดู ที่นั่นคือทะเลสาบซวนอู่ และพบว่ามีคนตกน้ำ
ช่างน่าสงสารยิ่ง อากาศหนาวเย็นถึงเพียงนี้ ผู้ใดจะกล้ากระโดดลงไปช่วยกันเล่า อีกทั้งคนผู้นั้นก็มิขยับเขยื้อนใด ๆ คาดว่าคงจะเสียชีวิตแล้ว
อีกสองถึงสามวันคาดว่าทะเลสาบซวนอู่คงจะกลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อถึงเวลานั้นคงจะกลายเป็นอาหารปลาไปแล้ว
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจ เมื่อเขากลับเข้าไปยังจวนและได้เดินมายังศาลาเถาหราน ก็ได้พบว่าศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ยกำลังนั่งรอเขาอยู่ที่ันั่น…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)