ฟู่เสี่ยวกวนและซูเจวี๋ยเดินขึ้นไปบนหงซิ่วจาว
หงซิ่วจาวในค่ำคืนนี้เงียบสงบเป็นอย่างมาก เพราะเปียนหรงเอ๋อได้จองเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
เปียนหรงเอ๋อสวมเสื้อคลุมผ้าแพรที่ถูกทอมาอย่างประณีตสวยงาม บนไหล่คลุมด้วยหางของจิ้งจอกสีแดงเพลิง จนทำให้ความงามของนางมีเสน่ห์เพิ่มมากขึ้น
บนใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ นางยืนอยู่ที่หน้าประตูชั้นสาม รอต้อนรับการมาถึงของฟู่เสี่ยวกวนอย่างมีความสุข
โต๊ะเก้าอี้บนชั้นสามถูกขนย้ายออกไปจนหมด เหลือไว้เพียงตัวเดียวเท่านั้น
ทั้งสามคนนั่งล้อมโต๊ะ มีสาวใช้นางหนึ่งนำสุราและอาหารเข้ามา เปียนหรงเอ๋อนั่งอยู่ด้านล่างของฟู่เสี่ยวกวน เปิดขวดสุราและรินให้กับทุกคน “ข้าได้ยินมาเนิ่นนานแล้วว่ามีสตรี 2 นางของหงซิ่วจาวแห่งนี้ที่ร้องเพลงได้ไพเราะยิ่ง ทั้งยังมากไปด้วยบทกวีของคุณชายฟู่ ข้านั้นอยากฟังมาเนิ่นนานแล้ว วันนี้สามารถเชิญคุณชายฟู่ที่มีธุระมากมายมาได้ ถือเป็นโชคดีของข้า ข้าขอดื่มให้ท่าน 1 จอก”
ฟู่เสี่ยวกวนยกจอกสุราขึ้นมาดม และกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “แม่นางเปียนจะเกรงใจกันเกินไปแล้ว ตามจริงแม่นางเปียนคือแขกจากแดนไกล ถึงแม้ข้าจะเป็นคนของหลินเจียง แต่บัดนี้ข้าได้พักอาศัยอยู่จวนที่จินหลิง ถือว่าเป็นเจ้าถิ่น นี่ควรจะเป็นหน้าที่ของเจ้าถิ่นถึงจะถูก แต่ข้ากลับทำให้แม่นางเปียนต้องออกเงินเองเสียแล้ว”
เปียนหรงเอ๋อลอบคิดว่าข้ามอบเงินให้เจ้าถึง 400,000 ตำลึง แต่แลกกลับมาด้วยอาหารของเจ้า 1 มื้อ คนผู้นี้…ตระหนี่ยิ่งนัก !
“คุณชายฟู่คือผู้มีเกียรติ เป็นเกียรติของข้ายิ่งที่สามารถเชิญชวนคุณชายฟู่มาร่วมดื่มด้วยกันได้ มาเจ้าค่ะ เริ่มด้วย 3 จอก”
หลังจากที่สุราสามจอกลงท้องไป ใบหน้าของนางก็ได้ขึ้นสีแดงระเรื่อ เมื่อเสริมกับพื้นหลังหางจิ้งจอกสีแดงเพลิงนางยิ่งดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
นางปรบมือหนึ่งครา หลิ่วเยียนเอ๋อร์ที่แบกฉินหนึ่งตัวและกระบี่หนึ่งเล่มก็ได้ขึ้นมาบนเวที
สายตาของหลิ่วเยียนเอ๋อร์กวาดมองไปยังใบหน้าของคนทั้งสามอย่างช้า ๆ สุดท้ายสายตาของนางก็ได้ตกไปอยู่ที่ใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวน เขาอายุยังมิครบ 18 ปีเลยด้วยซ้ำ ฟู่เสี่ยวกวนย่อมเป็นเขาอย่างแน่นอน !
คนผู้นี้มีท่าทางของนักวรรณกรรมแฝงอยู่อย่างแท้จริง สุภาพเรียบร้อย เครื่องหน้าทั้งห้าที่ได้รูป บนใบหน้าไร้ร่องรอยอื่นใด ยังคงสดใสและสะอาดสะอ้าน
เป็นชายหนุ่มผู้นี้ที่ประพันธ์ผลงานชิ้นเอกอย่างความฝันในหอแดงขึ้นมา เขาคือชายหนุ่มผู้ที่กำลังจะปฏิรูปราชวงศ์หยูครายิ่งใหญ่ เขาทำให้เหล่าราษฎรที่ยากจนได้มองเห็นความหวังของอนาคต
ชายหนุ่มที่นั่งตัวตรงข้างกายของเขาย่อมเป็นศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ยแห่งสำนักเต๋า ดูเหมือนว่าที่ผู้สังเกตสำนักเต๋าได้รับฟู่เสี่ยวกวนเป็นศิษย์ก้นกุฏิจะมิใช่เพียงข่าวลือ
นางดึงสายตากลับมา วางฉินลง และคำนับอย่างนุ่มนวล “เยียนเอ๋อร์ขอบรรเลงบทเพลง ‘คิ้วแข็งโค้ง’ ให้แก่ทุกท่านได้รับฟัง”
ต่อจากนั้นมือของนางก็ได้วางทาบลงบนฉิน เสียงฉินดังขึ้นมา ทุกคน ณ ที่นั้นเงียบลงทันพลัน
จากนั้นนางก็ได้ขับร้องออกมา บทเพลงคิ้วแข็งโค้งได้ดังก้องเข้าไปถึงหูของผู้คนที่อยู่บนหงซิ่วจาว
และในเวลาเดียวกัน เรือลำเล็ก 6 ลำก็ได้แล่นเข้ามายามค่ำคืน และได้หยุดอยู่ที่ด้านข้างของหงซิ่วจาว
เหล่าคนนับสิบได้ปรี่ขึ้นมา ในมือถือดาบและกระบี่ฟาดฟันไปบนเรือหงซิ่วจาว กวัดแกว่งดาบและกระบี่ในมือไปมา สาวใช้จำนวนมากมิทันแม้แต่จะได้กรีดร้องออกมา ก็ได้เสียชีวิตไปในทันที
ใบหูของซูเจวี๋ยขยับ แต่สีหน้าของเขายังคงราบเรียบดังปกติ
เขามิได้ขยับแต่อย่างใด เพราะเขากังวลว่าผู้ที่มาจู่โจมจะใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำอีกครา
แต่แล้วเขาก็ได้กลิ่นน้ำมันอ่อน ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ ทั้งยังปะปนไปกับกลิ่นของสุราเทียนเซียง คิ้วของเขาพลันขมวดนิ่ว ศัตรูต้องการวางเพลิงเยี่ยงนั้นหรือ ?
เช่นนี้ก็ไร้หนทางที่จะนั่งนิ่งได้อีกต่อไปแล้ว
“มีมือสังหาร ! ”
ซูเจวี๋ยลุกขึ้นยืนตะโกนเสียงดังลั่น จนระงับเสียงร้องของถงเหยียน และเสียงฉินที่นางกำลังบรรเลง
ฟู่เสี่ยวกวนชะงักลงทันพลัน สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นแสงสีแดงปรากฏขึ้นมา ในชั่วพริบตาชั้นหนึ่งของหงซิ่วจาวก็ได้เกิดไฟลุกท่วม
ซูเจวี๋ยคว้าตัวฟู่เสี่ยวกวนในทันทีและโผออกไปด้านนอกเรือและได้ลอยอยู่บนอากาศ…
ในยามที่เขากำลังพาฟู่เสี่ยวกวนทะยานออกมา บนท้องนภาก็ได้มีตาข่ายขนาดใหญ่ลอยลงมา !
มุมทั้งแปดของตาข่ายนี้มีผู้มีฝีมือระดับสูงแปดคนจับเอาไว้อยู่ พวกเขาโผบินขึ้นมาจากเรือทั้งแปดบนน่านน้ำ เพื่อคลุมเหนือหัวของคนทั้งสองเอาไว้
ถงเหยียนเลิกคิ้วขึ้น ผู้ที่มาสังหารฟู่เสี่ยวกวนมิได้มีเพียงศิษย์พี่ไป๋จื่อของนางเยี่ยงนั้นหรือ ลัทธิจันทราได้ใช้กองกำลังลับ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)