ตอนที่ 503 ข้าพบตัวบุตรีของท่านแล้ว
หลังมื้ออาหาร แสงสุริยาในฤดูหนาวมิได้อบอุ่นเท่าใดนัก ฟู่เสี่ยวกวนได้เขียนจดหมายขึ้นมา 3 ฉบับ
ฉบับหนึ่ง ส่งถึงชุนซิ่วที่ขณะนี้ได้คอยจัดการอุตสาหกรรมทั้งหมดอยู่ ณ ซีซาน
เนื้อความกล่าวถึงการให้ชุนซิ่วนำปืนคาบศิลาและกระสุนทั้งหมดจำนวน 150,000 นัดจากสำนักอาวุธส่งไปยังชายแดนตะวันออกโดยขนส่งซีซานทันที และในขณะเดียวกันให้ส่งมอบให้แก่เผิงยวี๋เยี่ยนด้วย
ฉบับที่สอง ส่งถึงไป๋ยู่เหลียน เขาบอกเล่าถึงสถานการณ์ปัจจุบันของราชวงศ์หยูให้ทราบโดยละเอียด กล่าวว่าฝ่าบาททรงอนุญาตให้ขยายกองกำลังถึง 30,000 นาย หวังว่าไป๋ยู่เหลียนจะสามารถรับสมัครทหารให้ถึง 30,000 นายได้โดยเร็ว และให้พยายามลดเวลาในการฝึกซ้อมให้สั้นลงเท่าที่จะทำได้เนื่องจากเวลามิคอยผู้ใด
ฉบับสุดท้าย ส่งถึงเฉินป๋อซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพที่หนึ่งคนปัจจุบัน รับผิดชอบกองกำลังดาบเทวะที่ประจำการอยู่ที่ผิงหลิงและชวูอี้
แน่นอนว่ามีทหารใหม่รวมอยู่ถึงหนึ่งพันกว่าคน
ฟู่เสี่ยวกวนกำชับเฉินป๋อให้นำกำลังคนและอาชาจำนวน 5,000 นายพร้อมด้วยอาวุธครบมือตรงไปทางเมืองเปียนเฉิงและเข้าไปยังเส้นทางฉีซาน เพื่อฝึกทหารใหม่ เนื่องจากต้องตระหนักถึงความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในราชวงศ์อู๋
หากไทเฮาซีกุมอำนาจราชวงศ์อู๋อย่างแท้จริงและนำสงครามมาเยือนราชวงศ์หยู ฟู่เสี่ยวกวนคงจะรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เพราะคราหนึ่งบัลลังก์แห่งราชวงศ์อู๋เคยวางอยู่เบื้องหน้าของตน แต่ทว่าตนกลับมิได้คว้าเอาไว้
ยามที่ลูบไล้พระราชลัญจกรที่อยู่ในแขนเสื้อ ต้องถอนหายใจออกมาเสียทุกครา
หลังส่งจดหมายทั้งสามฉบับแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนจึงได้พาซูเจวี๋ยออกจากจวนฟู่และตรงไปยังจวนสวี่ทันที
……
……
ขณะที่ยืนอยู่หน้าประตูจวนสวี่ ฟู่เสี่ยวกวนได้ก้มหน้ามองถนนที่ถูกหิมะปกคลุม แล้วเงยหน้าขึ้นมองกำแพงสูงที่รายล้อม พลันนึกประหลาดใจขึ้นมา
ข้อความบนหลุมฝังศพของมารดา สวี่หยุนชิง ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อปกปิดความจริงระหว่างนางกับจักรพรรดิเหวิน
บิดาอ้วนของตนช่างมีความสามารถอย่างแท้จริง คาดมิถึงว่าเขาจะเขียนว่าศักราชไท่เหอปีที่ 43 ฤดูหนาว พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ คืนนั้น สายลมราวกับใบมีดที่แหลมคม หยุนชิงได้ปีนกำแพงออกมา ข้าและหยุนชิงอิงแอบกันไปตามทางเบื้องหน้า เมื่อหยุนชิงมองย้อนกลับไปอีกครา พบว่าจวนสวี่เริ่มเลือนหาย น้ำตาไหลอาบจนอาภรณ์เปียกชื้น
กำแพงสูงถึงเพียงนี้ สวี่หยุนชิงไร้วรยุทธ์ จะหลบหนีออกมาได้เยี่ยงไร ?
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มแห้งพลางส่ายหน้า จากนั้นจึงเดินไปเบื้องหน้าแล้วเคาะประตูจวน
มาเยือนเมืองหลวงได้หนึ่งปีกว่าแล้ว ถือว่านี่เป็นคราแรกที่มาเหยียบถึงประตูจวนสวี่ เมื่อนึกไปว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของมารดา ส่วนท่านตาก็ออกจากราชการเพราะเรื่องของบุตรสาวแล้วขังตนเองอยู่แต่ในจวนเพื่อศึกษาพระธรรม ทันใดนั้น ส่วนหนึ่งในจิตใจก็รู้สึกเศร้าอยู่เล็กน้อย ก่อนหน้านี้ ได้ปักใจเชื่อว่าสิ่งที่สลักอยู่บนหลุมฝังศพเป็นเรื่องจริง จึงยากที่จะให้อภัยจวนสวี่ได้ แต่ทว่าบัดนี้ ได้ทราบว่าเป็นเรื่องเท็จ เมื่อนึกถึงคำกล่าวที่ท่านลุงสวี่หวยซู่เคยกล่าวกับตนเอาไว้ว่าท่านตาได้ชราภาพมากแล้วจึงปรารถนาจะได้พบหน้าหลานสักครา
การกลับมาครานี้ เรื่องในจินหลิงช่างยุ่งยากวุ่นวายยิ่ง… แท้จริงแล้วเป็นเพียงข้ออ้าง ขนาดว่าเรื่องของถงเหยียนยังเสียเวลาได้มิใช่หรือ ?
แต่การมาเยือนในครานี้ค่อนข้างจะฉุกละหุกไปเสียหน่อย มามือเปล่าเกรงจะถูกมองว่าเสียมารยาทเอาได้
ในจังหวะที่คิดว่าควรจะไปซื้อของขวัญติดไม้ติดมือมาสักเล็กน้อย ประตูจวนสวี่ก็ได้เปิดออก
ผู้เปิดประตูคือสวี่หวยซู่ !
ชายทั้งสองยืนห่างกันเพียงประตูกั้น มองตากันอย่างตกตะลึงงัน !
สองวันก่อนหน้านี้ สวี่หวยซู่ยังได้ร่วมฟ้องร้องฟู่เสี่ยวกวนอยู่ในท้องพระโรงอยู่เลย เนื่องจากราชทูตจากแคว้นอี๋มาเยือนกรมพิธีการพร้อมกับต้องการคำอธิบายเรื่องหนึ่ง ซึ่งตนดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมพิธีการแต่ทว่ากลับมิสามารถไขข้อข้องใจให้กับพวกเขาได้…
วันนั้น เจ้าฟู่เสี่ยวกวนได้ก่อความวุ่นวายที่สำนักงานของกรมพิธีการ มิใช่เรื่องล้อเล่น !
สวี่หวยซู่รู้จักนิสัยของหลานชายผู้นี้ดี และทราบดีว่าสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนได้กระทำไปย่อมมีเหตุผล แต่ทว่าเป็นตัวเขาเองที่ขี้ขลาด เกรงว่าคณะทูตจะทำให้เรื่องบานปลายจนกระทบถึงท้องพระโรง หากพวกเขาฟ้องร้องต่อพระพักตร์ฝ่าบาท ฟู่เสี่ยวกวนที่เป็นถึงราชบุตรเขยย่อมมิเดือดร้อนอันใด แต่ทว่าตนที่มีตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมพิธีการ และการรับรองเหล่าราชทูตย่อมเป็นหน้าที่ซึ่งมิอาจหลีกเลี่ยงได้
เขามิทราบว่าฟู่เสี่ยวกวนได้วางแผนกับฝ่าบาทเอาไว้แล้ว จึงกังวลว่าตนอาจจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง จึงร่วมฟ้องร้องฟู่เสี่ยวกวนเพื่อรักษาตำแหน่งของตนเอาไว้
ฟู่เสี่ยวกวนมาเยือนถึงหน้าประตูจวนเช่นนี้ ทั้งที่ในอดีตก็ได้เชิญมาหลายต่อหลายครา เกรงว่าครานี้คงมิได้มาเยือนด้วยจุดประสงค์ที่ดีเท่าใดนัก หรือว่าฝ่าบาททรงรับสั่งให้มาเล่นงานเขากัน ?
สวี่หวยซู่ค่อนข้างกังวลจึงนิ่งค้างไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ท่านเสี่ยวกวน มีธุระอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนเองก็ชะงักไปเช่นกัน นึกประหลาดใจว่ามิใช่เจ้าหรอกหรือที่เคยเชิญข้ามายังจวนสวี่ ?
มิใช่ว่าข้าก็มาแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)