นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 52

ตอนที่ 52 ความทุกข์ใจของหญิงสาว

ในที่สุดพายุฝนก็สงบลง ดวงอาทิตย์ที่ร้อนระอุลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่องแสงสีทองไปทั่วใต้หล้า

ผู้บาดเจ็บเล็กน้อยของหมู่บ้านหวังเจียชุนพากันกลับไป หนึ่งเพื่อจะทำความสะอาดคราบดินโคลน สองเพื่อช่วยค้นหาผู้ที่ถูกดินถล่ม

อากาศร้อนเช่นนี้หากไม่รีบค้นหาผู้เสียชีวิตและจัดการให้เรียบร้อย เกรงว่าอาจจะส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์อีกทั้งยังเกิดโรคภัยได้ง่ายขึ้น

ความจริงที่ว่าคุณชายจะปรับปรุงบ้านเรือนแก่พวกเขานั้นได้แพร่กระจายไปในหมู่คนเหล่านี้ ความสุขดังกล่าวได้ทำให้ความโศกเศร้าของภัยพิบัติลดลงบ้าง นี่คือความกรุณาที่ไม่อาจมีคำพูดใด ๆ แทนออกมาได้สำหรับพวกเขา แม้ว่าชาวบ้านมิได้เอ่ยขอบคุณเป็นคำพูด แต่ในก้นบึ้งของหัวใจพวกเขาจดจำความดีของคุณชายไว้อย่างดี

“คุณชายคือพระโพธิสัตว์กวนอิมที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา ครอบครัวของเรานั้นจะปลูกไร่นาที่ดีให้กับคุณชายไปชั่วลูกชั่วหลาน”

“เมื่อบ้านใหม่ปลูกได้สำเร็จแล้ว ข้าจะสร้างศาลให้แก่คุณชาย อวยพรให้คุณชายมีชีวิตที่ยืนยาว”

“ ชีวิตของข้านั้นยกให้คุณชาย ต่อไปคุณชายให้ข้าทำอะไรข้าก็จะทำตามที่เขาต้องการ”

“……”

ชาวบ้านเหล่านี้ชื่นชมฟู่เสี่ยวกวนมากเพียงไร เขาไม่อาจรับรู้ เนื่องจากตอนนี้เขากำลังวุ่นอยู่กับการจัดการปัญหาด้านการขนส่ง

“เฟิ๋งหล่าวซื่อ เจ้าจงนำกลุ่มช่างหินที่มีประสบการณ์ไปยังภูเขาเฟิ่งหลิน ข้าได้รับข่าวว่าที่นั่นมีแหล่งทำเหมืองแร่ขนาดใหญ่อยู่ จงนำผู้ที่มีความสามารถด้านการวาดรูปไปด้วย ข้าต้องการเห็นภาพพื้นที่ของที่นั่น”

“เรื่องของการขุดหินปูนเทานั้น ข้ามอบหมายให้ลูกชายเจ้าเฟิ๋งซีรับผิดชอบมาระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าเขาคงสามารถทำได้ดี”

“อีกอย่างหนึ่งข้าต้องการชายหนุ่มร่างกายกำยำอย่างน้อย 100 คน ต้องมีความรู้ด้านรถ……ผู้ดูแลจางจงส่งคนไปซื้อวัวและม้า ซื้อวัวจำนวนมากกว่าหน่อย ภัยพิบัติที่หมู่บ้านหวังเจียชุนในครั้งนี้ พวกเขาสูญเสียวัวสำหรับทำนาไปไม่น้อย นำไปชดเชยให้แก่เขา อีกส่วนหนึ่งใช้สำหรับทำรถม้าขนส่ง เรื่องนี้พวกเจ้าจงไปจัดการให้เร็วที่สุด ข้าให้เวลา 10 วัน ทั้งคน รถ ม้าและวัวจะต้องจัดเตรียมให้พร้อม”

“ข้ากล่าวจบแล้ว พวกเจ้ามีข้อสงสัยอันใดหรือไม่ ? ”

เฟิ๋งหล่าวซื่อครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “ช่างหินเปิดหน้าหินได้ไม่มีปัญหา ข้าสามารถไปยังเขตเหยาเพื่อคัดสรรช่างตีเหล็กสักสองสามคนได้หรือไม่ ? ให้พวกเขาได้สังเกตสีของแร่ เช่นนี้คงจะสบายใจกว่า”

“ความคิดนี้ไม่เลวเลยทีเดียว หลังจากได้แร่มาแล้วเราต้องทำการถลุงแร่ พวกเขาเป็นผู้ชำนาญอีกทั้งรู้จักพวกพ้องอีกมากมาย ต่อไปพวกเราต้องการผู้มีความสามารถเช่นพวกเขานี้” ฟู่เสี่ยวกวนเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเฟิ๋งหล่าวซื่อ

จางเช่อกล่าวว่า “คุณชายขอรับ ในหมู่บ้านเซี่ยชุนมีตลาดวัวและม้าจำนวนไม่มาก เกรงว่าอาจหาได้ไม่เพียงพอตามความต้องการในเวลาอันสั้น พวกเราสามารถเดินทางไปซื้อที่เมืองหลินเจียงได้หรือไม่ ? ”

“ย่อมได้ สามารถจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยที่หลินเจียง แต่จงจำไว้ว่าต้องใช้คนของเราเท่านั้น จงไปประกาศหากำลังพลจากหมู่บ้านต่าง ๆ ให้พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้น……รถม้าที่ทำขึ้นใหม่ทั้งสองข้างจงสลักคำว่าขนส่งซีซาน สิ่งนี้สำคัญยิ่ง”

สิ่งนี้หมายความว่าอะไรกัน ?

ป้ายชื่องั้นหรือ ?

คาดว่าคงไม่ผิด คุณชายต้องการทำการค้าด้านขนส่งงั้นหรือ ?

ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยต่อว่า “หลังจากคนและรถม้าจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว จงไปยังเขตเหยาด้วยตนเอง ก่อนเดินทางไปจงมาพบข้าเสียก่อน ข้าจักบอกว่าควรทำอย่างไรต่อไป”

ร้านขนส่งแห่งแรกในราชวงศ์หยูก็กำเนิดขึ้น หลังจากนี้พวกเขาจะได้เดินทางไปยังทุกมุมของโลก

ฟู่เสี่ยวกวนจัดการเรื่องราวต่าง ๆ แล้วเสร็จจึงได้นั่งลงที่เก้าอี้ เขาทอดสายตามองไปยังท้องฟ้าอันแสนกว้างไกล ในใจคิดว่านี่เรากำลังทำผิดอยู่หรือเปล่า !

เรื่องราวเหล่านี้ค่อนข้างซับซ้อนและเขาดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากไม่มีผู้อื่นเข้าใจความคิดของเขาได้ ทำให้หนังสือความฝันในหอแดงของเขาต้องหยุดชะงักไปเสียหลายวัน คาดว่าจดหมายจากแม่นางต่งชูหลานคงตำหนิเขาเรื่องหนังสืออีกเช่นเคย

อีกทั้งคัมภีร์ฉุนหยางซินจิง สองสามวันมานี้เขาทำได้เพียงนั่งสมาธิก่อนนอนเท่านั้น บัดนี้ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลยแม้แต่น้อย อันที่จริงจะเอ่ยเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้องนัก เขารู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณของเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่เขาต้องการนั้นยังไม่สำเร็จ กล่าวคือเขายังไม่สามารถลอยตัวไปไหนมาไหนตามต้องการได้ เช่นไป๋ยู่เหลียนและซูม่อ

น่าเสียดายยิ่งนัก!

เมื่อนึกถึงไป๋ยู่เหลียน เขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าชายผู้นี้อยู่ที่ใดในโลก จวบจนบัดนี้เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนแล้ว เหตุใดจึงยังไม่กลับมา

รออีกสักสองสามวันให้ถนนแห้งเสียก่อน จึงจะนำเครื่องโม่หินและกังหันน้ำขนาดใหญ่ส่งขึ้นไปยังภูเขาได้ ไม่รู้ว่าประสิทธิภาพของเครื่องบดหินปูนเป็นอย่างไรบ้าง หรือจะวานช่างตีเหล็กจากเขตเหยาทำโม่หินสักสองอันดี ?

ใช่แล้ว สิ่งนี้น่าจะเหมาะสมยิ่ง ขนาดไม่ใหญ่เกินไป ขนส่งไปยังภูเขาแล้วค่อยประกอบ……รอจางเช่อเดินทางไปยังเขตเหยาค่อยให้เขาเดินทางไปสอบถาม

ปัญหาเรื่องกำลังไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ไข ใบพัดที่อยู่ข้างถ้ำนั้นไม่ใหญ่พอ การขับเคลื่อนกังหันน้ำอาจไม่มีปัญหา แต่คาดว่ากังหันน้ำจะไม่มีพลังเพียงพอที่จะขับเคลื่อนลูกหินให้กลิ้งได้ คงต้องเพิ่มใบพัดขนาดเล็กอีกสองเท่า

ผลลัพธ์ที่ได้ตามมาคาดว่าคงมากเกินจินตนาการ

ฟู่เสี่ยวกวนเก็บเรื่องปวดหัวเหล่านี้ไว้ในใจ เขานึกอยากพูดคุยกับหวางเฉียงขึ้นมา ดังนั้นจึงเดินไปทางเรือนตะวันตกปรากฏว่าไม่พบผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว คาดว่าคงอยู่ที่ท้องนา

เขาส่องสายตาไปยังชั้นสอง มองเห็นซูม่อยืนอยู่ที่นั่น

“ได้โปรดให้ข้าหยิบยืมกระบี่ของท่านอีกครั้งเถิด”

ซูม่อโยนกระบี่มาให้ฟู่เสี่ยวกวน เขารับมันเอาไว้ กระบี่นั้นเจียระไนเป็นมันวาว

สิบสามกระบี่ฉวนเจิน !

ฟู่เสี่ยวกวนรำกระบี่ ซูม่อมองดูเขาจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แน่นอนว่าเขาทนดูไม่ได้ หากดูต่อไปคาดว่าคงต้องโมโหเป็นแน่ !

ฟู่เสี่ยวกวนมีเรื่องต้องทำมากมายนัก เขาไม่เหมาะสมที่จะฝึกการต่อสู้ นี่คือบทสรุปที่ซูม่อมีให้ฟู่เสี่ยวกวน หลังจากที่เขาได้เฝ้ามองมาหลายวัน

หากฟู่เสี่ยวกวนมีความประสงค์ที่จะฝึกซ้อม ก็ให้เขาฝึกซ้อมไปเถิด

เรื่องสายลับในโรงกลั่นสุรานั้นฟู่เสี่ยวกวนมิได้จัดการทันทีหลังจากมาถึง แต่กลับเดินทางไปยังโรงกลั่นสุราและเอ่ยคำทักทายอย่างเป็นมิตรกับอาจารย์หลิว

คน ๆ นี้ ช่างเก็บสีหน้าเก่งเสียจริง

……

……

แต่จางเพ่ยเอ๋อมิเป็นเช่นนั้น นางไม่สามารถเก็บความรู้สึกได้ จึงปัดกวาดทำลายข้าวของในห้องหนังสือเสียจนกระจัดกระจาย

ชิงเหมยบ่าวรับใช้ของนางทำได้เพียงก้มหน้ามองพื้นอยู่ข้างกำแพง แม้แต่หายใจแรง ๆ ก็ยังมิกล้า

คุณหนูเป็นอะไรไปงั้นหรือ ?

แต่ไหนแต่ไรมาชิงเหมยหาได้เคยเห็นคุณหนูเป็นเช่นนี้ไม่ นางอยู่รับใช้จางเพ่ยเอ๋อมาเป็นเวลา 8 ปีแล้ว แปดปีมานี้คุณหนูเป็นคนที่เรียบร้อยและอบอุ่นเสมอ แต่นับจากคุณหนูได้พบเจอกับฟู่เสี่ยวกวนนางก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

หนังสือความรักในหอแดงตีพิมพ์ใหม่นางก็รีบสั่งให้คนไปซื้อ จากนั้นเมื่อนางอ่านจบหนึ่งแผ่นก็จะฉีกทิ้งและเผาไฟทุกหน้า

เมื่อหลายวันที่ผ่านมานางกับคุณหนูเดินทางไปพบลูกพี่ลูกน้องที่จวนจือโจว ลูกพี่ลูกน้องผู้นั้นเอ่ยว่าฟู่เสี่ยวกวนต้องการหนังสือขออนุญาตทำเหมือง คุณหนูจึงได้เอ่ยกับลูกพี่ลูกน้องถึงเรื่องที่ฟู่เสี่ยวกวนทำให้นางอับอายขายหน้า จึงทำให้หนังสือขออนุญาตนั้นถูกยกเลิก คุณหนูอารมณ์ดีอยู่หลายวัน หากแต่ข่าวคราวล่าสุดที่ได้ยินมานั้น ฟู่เสี่ยวกวนมิเพียงได้หนังสืออนุญาตทำเหมือง อีกทั้งยังมิต้องเสียเงินอีกด้วย หลิวจือโจวเป็นผู้นำส่งหนังสือนี้ด้วยตนเอง !

คุณหนูโมโหยิ่งนัก

เพียงแต่ชิงเหมยรู้สึกว่าคุณหนูของนางนั้นถูกมนต์ดำครอบงำหรือไม่ ?

ก่อนหน้านี้คุณหนูเป็นผู้ชื่นชอบในการเรียนอีกทั้งรูปร่างหน้าตาก็งดงาม หากต้องการชายผู้มีความสามารถ มิใช่ว่าเป็นเรื่องง่ายดายหรอกหรือ ? เหตุใดจึงต้องนำฟู่เสี่ยวกวนมาใส่ใจเพื่อให้ตนเองเจ็บแค้นกัน ?

“ที่จริง……ข้านั้นชอบฟู่เสี่ยวกวนมานานแล้ว นั่นเป็นเรื่องตอนที่ข้าอายุ 11 ปี”

จางเพ่ยเอ๋อเหนื่อยกับการขว้างปาของ จึงได้นั่งลงและเอ่ยออกมา

“ที่จริงข้าเคยพบกับฟู่เสี่ยวกวน ในฤดูใบไม้ผลิเมื่อตอนที่ข้าอายุแค่ 11 ปี ณ สำนักศึกษาป้านชาน บริเวณใกล้กับโขดหิน ข้าเห็นเขาเป็นครั้งแรก เขามีชื่อเสียงไม่ดีนัก แต่หน้าตาดูดี……ชนิดว่าหล่อแต่เจ้าเล่ห์ หากแต่ข้ากลับชอบเขายิ่งนัก”

“ข้ามองเขาจากไกล ๆ มองดูเขากลั่นแกล้งพวกเด็กผู้หญิง ข้ากลับรู้สึกว่าคนผู้นี้น่าสนใจนัก เมื่อมองเห็นเขาโต้เถียงกับผู้อื่นกลับคิดว่านี่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขา”

“ทุกคราที่พี่ชายเอ่ยถึงเขาในเรื่องไม่ดีงาม ข้ามิเคยนำมันมาใส่ใจ ข้าเพียงแค่คิดว่าหากข้ารู้สึกดีกับเขา เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”

“ข้ารอวันที่ตนเองเติบใหญ่ เพื่อที่จะได้แต่งงานกับเขา”

“บัดนี้ข้าเติบใหญ่แล้ว แต่เขากลับเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเป็นคนดีมีความรู้ แน่นอนว่าข้ายิ่งชอบเขา ข้าแค่เกรงว่าจะมีสตรีนางใดชิงแต่งงานกับเขาเสียก่อน จึงได้ส่งคนไปเจรจาแต่กลับถูกเขาปฏิเสธ ข้าเดินทางไปหาเขาด้วยตนเอง เจรจาต่าง ๆ นานา ขาดเพียงถอดเสื้อผ้าอาภรณ์เท่านั้น แต่เขาก็ยังปฏิเสธข้า”

“ข้ารู้สึกในวินาทีนั้น……”จางเพ่ยเอ๋อชายตามองไปนอกหน้าต่าง “คล้ายกับท้องฟ้าจะถล่มลงมา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)