นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 534

ตอนที่ 534 ทำงานล่วงเวลา

ในวันนี้ ณ ห้องทรงพระอักษร ฟู่เสี่ยวกวนได้สอนฮ่องเต้และผู้อื่นกว่าครึ่งวัน

บทเรียนนี้ช่างยาวนานยิ่ง แม้แต่มื้อกลางวันยังต้องให้ขันทีเจี่ยแจ้งห้องเครื่องให้ส่งมายังห้องทรงพระอักษร

ฟู่เสี่ยวกวนยังมิอาจเอาชนะใจฝ่าบาทได้ ส่วนต่งคังผิงได้เข้าใจในความหมายที่เขาต้องการจะสื่อแล้ว

หลังจากนั้นก็มิได้เจรจากันอีก ฝ่าบาทตรัสว่าประสงค์จะอยู่เงียบ ๆ ตามลำพัง

หลังจากนั้นก็หยิบแผนที่ขึ้นมาหนึ่งแผ่น ว่อเฟิงเต้าถูกฟู่เสี่ยวกวนแบ่งออกเป็นสามเขต ประกอบไปด้วย ชิงโจว ว่อโจวและฉีโจว เขตเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของทั้งสามเขตก็ได้แตกต่างกันออกไป ฉีโจวมีขนาดใหญ่ที่สุด ส่วนว่อโจวมีขนาดเล็กสุดแต่ทว่ามั่งคั่งที่สุด

ส่วนศาลากลางของว่อเฟิงเต้าแน่นอนว่าต้องตั้งไว้ในว่อโจว โดยว่อโจวจะมิแต่งตั้งขุนนางระดับสูงจือโจว เต้าถายจะเป็นผู้ดูแลโดยตรง

บัดนี้ ฟู่เสี่ยวกวนรับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการเพียงคนเดียวเท่านั้น จึงจำเป็นต้องรับขุนนางเพิ่มอีกจำนวนมาก

เขาได้ปฏิเสธการคัดเลือกขุนนางจากราชวงศ์อีกครา และได้ขออนุญาตฝ่าบาทจัดการสอบคัดเลือกเจ้าหน้าที่ในวันที่สามเดือนห้า

สรุปโดยรวมก็คือ เรื่องนี้ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนเสียพลังงานไปมากเสียทีเดียว ทำให้เขารู้สึกว่าการเป็นปลาตากแห้งสบายกว่ามากโข

เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ เขาจึงเดินทางจากห้องทรงพระอักษรมาถึงหน้าประตูวังหลวง

สวี่ซินเหยียนมองไปที่ใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวน รู้สึกว่าเขาจะเหนื่อยล้าอย่างแท้จริง

เมื่ออยู่ที่จวนฟู่ นางใช้ช้อนคนซุปไก่ผสมโสมให้คลายความร้อนลง แต่มันก็ยังร้อนอยู่ นางจึงวางถ้วยซุปไว้บนโต๊ะน้ำชา ก้มลงเป่าแล้วเงยหน้าขึ้นมาเก็บปอยผมข้าง ๆ ไปทัดหู ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ข้าศึกษามาจากพี่…ชูหลาน เพิ่งลองทำคราแรก ท่านลองดื่มดูสิ”

สมองของฟู่เสี่ยวกวนกำลังคิดถึงเรื่องว่อเฟิงเต้า จึงมิทันได้สังเกตว่านางเรียกต่งชูหลานว่า พี่ชูหลาน

บัดนี้เขาเริ่มหิวขึ้นมาบ้างแล้ว จึงยิ้มแล้วเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะยกถ้วยซุปขึ้นดื่ม

สวี่ซินเหยียนมองไปที่เขาอย่างคาดหวัง ในใจรู้สึกกระวนกระวายยิ่ง

แม้ตอนที่อยู่ในภูเขา นางก็เคยต้มซุปเช่นนี้มาก่อน วัตถุดิบต่าง ๆ ล้วนหาได้ตามธรรมชาติ มีหวงจิงและหวงฉีเป็นส่วนประกอบ มิได้มีความละเอียดอ่อนเฉกเช่นซุปของพี่…ชูหลาน แต่ท่านอาจารย์ก็ชื่นชอบมันมากยิ่งนัก

ฟู่เสี่ยวกวนดื่มเข้าไปแล้วเอ่ยชม “ฝีมือมิเลว เทียบได้กับชูหลานเลยทีเดียว”

สวี่ซินเหยียนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่ง นัยน์ตาของนางเป็นประกายขึ้นทันใด “หากท่านชอบ ข้าจะตุ๋นให้ท่านดื่มทุกวัน…ท่านทำงานหนักถึงเพียงนี้เชียวหรือ ? ”

ตอนอยู่ในภูเขา นางได้ยินมาว่าพวกขุนนางนั้นสบายยิ่งกว่าอะไรดี แต่ฟู่เสี่ยวกวนหาได้เป็นเช่นนั้นไม่

กล่าวกันว่าเมื่อถึงเวลาเลิกงานพวกเขาก็จะรีบกลับกันทันที บ้างก็ไปดื่มสุรา บ้างก็ไปหอนางโลม โดยรวมแล้วมิได้ทำเรื่องใดเพื่อราษฎรเลย

แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับยุ่งอยู่กับงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ขุนนางเช่นเขาถือได้ว่าเป็นขุนนางที่ดี

“เจ้ายังมิรู้อันใด เกรงว่าพวกเราต้องย้ายจวนกันเร็ว ๆ นี้”

สวี่ซินเหยียนตกตะลึงขึ้นมาทันพลัน “ท่านไปทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองเข้าล่ะ ? ให้ข้าไปสังหารมันเลยหรือไม่ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนสำลักน้ำซุปที่กำลังดื่มเข้าไป โก่งคอไอเสียยกใหญ่จึงทำให้สวี่ซินเหยียนตกอกตกใจมากยิ่งนัก

“มิใช่ ! หลังจากนี้ พวกเราอย่าได้มัวแต่ฆ่าฟันกัน…” ฟู่เสี่ยวกวนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดปาก หลังจากนั้นจึงปิดปากไออีกสองสามครา “ข้ามิได้ทำให้ผู้ใดขุ่นเคือง เพียงแต่บัดนี้ข้าเป็นถึงเจวี๋ยเยแล้ว ในราชวงศ์หยูนอกจากองค์จักรพรรดิแล้ว ก็มิมีผู้ใดที่ข้าต้องเกรงกลัว”

“แล้วเหตุใดจึงต้องย้ายจวนด้วยเล่า ? ”

การย้ายจวนสำหรับสวี่ซินเหยียนถือเป็นเรื่องใหญ่เสียทีเดียว อีกทั้งโดยมากมักจะเป็นเรื่องมิดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)