ตอนที่ 539 ความโกรธ
นี่คือ… สารที่เขียนด้วยโลหิต !
ทว่าลายมือยังแฝงไว้ด้วยความงดงาม
“หม่อมฉัน สีฮวา สมควรตายเพคะ !
เซวี๋ยติ้งชานตบตาหม่อมฉันได้แนบเนียนมากยิ่งนัก กองทัพทหารจำนวน 300,000 นายที่จะเดินทางไปฝั่งตะวันตกเป็นเรื่องเท็จ ครึ่งหนึ่งเดินทางไปยังซีหรง พวกเขาปลอมตัวเป็นขอทาน และกองทัพอีก 100,000 นายของเซวี๋ยติ้งชานซุ่มอยู่ในหลินโจว
จือโจวแห่งเมืองหลินโจวนามหลี่ซุนและเจ้าเมืองใต้ปกครองทุกเมืองได้กลายเป็นคนของเซวี๋ยติ้งชานทั้งหมดแล้ว กองทัพ 150,000 นายได้กระจายไปทั่วและออกเดินทางในวันที่ยี่สิบห้าเดือนหนึ่ง ตอนนี้คาดว่าจะถึงเจี้ยนโจวและยึดด่านชีผานมาได้แล้วเพคะ !
ฝ่าบาทรีบบัญชาให้หยูชุนชิวถอนทัพกลับเถิดเพคะ มิเช่นนั้น เกรงว่าทัพของแม่ทัพหยูจะถูกล้อมและแตกพ่ายในที่สุด
หม่อมฉัน สีฮวา เขียนสารด้วยเลือดในวันที่สิบสองเดือนสอง”
…ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้ว อ่านเนื้อความนั้นซ้ำถึงสองคราด้วยกัน สถานการณ์ในตอนนี้มิสู้ดีเท่าใดนัก
เซวี๋ยติ้งชานฉลาดหลักแหลมมากยิ่งนัก แผนการนี้คาดว่าวางไว้เนิ่นนานแล้ว
ในเมื่อด่านชีผานตกอยู่ในเงื้อมมือของเซวี๋ยติ้งชานแล้ว ดังนั้นกองทัพม้าที่ประจำ ณ ด่านชีผานจะรอทหาร 150,000 นายตามมาผนึกกำลัง เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองฉ่านโจวและเมืองเปา ทางสายเก่าจินหนิว
หลังจากนี้ ก็น่ากังวลมากยิ่งนัก กลุ่มกบฏจะเดินทางอีก 800 ลี้เพื่อมายังเมืองชุนชวน
เมื่อถึงเมืองชุนชวน ก็จะเข้าใกล้กับเมืองหลวงของราชวงศ์หยูมากขึ้นทุกที พวกมันต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ไปเรื่อย ๆ เป็นแน่ จึงทำให้ยากที่จะคาดเดาได้ว่าพวกมันจะบุกมาถึงจินหลิงเมื่อใด
สารที่เขียนด้วยโลหิตนี้ถูกส่งมาเมื่อสามวันที่แล้ว ถ้าเป็นเยี่ยงที่คิด ทหาร 150,000 นายที่จะตามมาสมทบกับเซวี๋ยติ้งชานน่าจะถึงด่านชีผานในวันพรุ่งนี้
เดิมทีมั่นใจว่าเฟ่ยอันพร้อมทหาร 30,000 นายจะสามารถหยุดกบฏ 150,000 นายได้สำเร็จ แต่กลายเป็นว่ากองกำลังนั้นต่างหากที่ทิ้งห่างเฟ่ยอัน
ต่อให้สังเกตเห็นความผิดปกติก็สายเกินกว่าจะตามทันแล้ว
ถ้าเช่นนั้นจะจัดการกับสถานการณ์นี้เยี่ยงไรดี ?
ฟู่เสี่ยวกวนเดินไปยังแผนที่ จดจ้องอยู่กับเส้นทางที่มายังเมืองจินหลิงทุกเส้นทาง ถ้าเดินทางจากด่านชีผานไปเมืองเปาโดยใช้ทางสายเก่าจินหนิวนั้นมีระยะทาง 1,000 ลี้ ไม่เหมาะกับการเดินทางมากเท่าใดนัก เพราะต้องใช้เวลาอย่างเร็วสุดคือสิบกว่าวัน
หากวางปืนใหญ่ดักเอาไว้ตรงทางที่เซวี๋ยติ้งชานต้องผ่าน ก็จะสามารทำให้กลุ่มกบฏติดกับดักที่วางเอาไว้ได้
เผิงยวี๋เยี่ยน มีปืนอยู่ 3,000 กระบอกในมือ กระสุนก็มากพอต่อความต้องการ หากวางแผนอย่างรอบคอบก็จะสามารถสังหารกลุ่มกบฏระหว่างเดินทางในป่าได้ ปัญหาในตอนนี้ก็คือ จะทำเยี่ยงไรดีถึงจะสามารถส่งแผนการนี้ให้กับหยูชุนชิวได้ทราบโดยเร็วที่สุด
ฟู่เสี่ยวกวนหันไปมองขันทีเจี่ย “เรื่องนี้ต้องรบกวนขันทีเจี่ยแล้ว”
ขันทีเจี่ยทำหน้าตกตะลึงงัน เหตุใดเรื่องนี้ถึงต้องเป็นกระหม่อมด้วยเล่า ?
แม้กระหม่อมจะเป็นขันทีระดับสูง แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถจัดการกับกองทัพนับหมื่นนับแสนคนได้เสียหน่อย !
“ข้ามิได้ให้ท่านไปออกรบหรอก ข้าเพียงแค่ให้ท่านนำสารไปแจ้งแก่องค์ชายใหญ่เท่านั้น เพราะนอกจากท่าน ข้าก็นึกมิออกแล้วว่ามีผู้ใดวิ่งเร็วเท่ากับท่านได้อีก”
ขันทีเจี่ยครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็โค้งคำนับแล้วกล่าวว่า “ได้โปรดชี้แนะ”
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรฟู่เสี่ยวกวน “ เจ้ามีแผนการอันใด ? ”
“โปรดรอสักครู่ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนเดินตรงไปทางโต๊ะทรงพระอักษร หยิบพู่กันจุ่มลงในหมึกที่ฝนไว้แล้ว เขียนบางอย่างลงในกระดาษ พอเขียนเสร็จก็เป่าหมึกให้แห้งแล้วยื่นไปทางฮ่องเต้ “ฝ่าบาท โปรดประทับตราพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ตกตะลึงงันขึ้นมาทันที !
“หนึ่ง ให้ถอยทัพอย่างรวดเร็วและไปที่หุบเขาต้าเยี่ยน !
สอง นำปืนใหญ่ 30 กระบอกวางไว้บนหน้าผาทั้งสองด้านของหุบเขาต้าเยี่ยน และวางอีก 40 กระบอกวางไว้ที่ทางเข้าหุบเขาต้าเยี่ยน
สาม หัวหน้าแต่ละหมู่มิต้องถอย ! ให้คอยถ่วงเวลาเซวี๋ยติ้งชานเอาไว้อย่างน้อยครึ่งวัน เพื่อที่จะใช้เวลานี้จัดวางปืนใหญ่ในแต่ละจุด
สี่ ถ้าหากหุบเขาต้าเยี่ยนถูกยึดครอง จงอย่าได้ลังเลที่จะระเบิดแนวหน้าผาของหุบเขาตลอดทั้งแนว
…ฟู่เสี่ยวกวน ! ”
ฮ่องเต้สูดลมหายใจเข้าลึก มิลังเลที่จะประทับตราลงไป เสร็จแล้วก็ส่งมอบให้ขันทีเจี่ยทันที
ขันทีเจี่ยหันหลังแล้วเดินจากไป ราวกับสามารถหายตัวได้ในชั่วพริบตา
ฮ่องเต้นั่งลงช้า ๆ รู้สึกกระวนกระวายใจยิ่ง
“หัวหน้าหมู่ของกองทัพหยูชุนชิวมิได้ทรงพลังถึงเพียงนั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)