นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 538

ตอนที่ 538 เรื่องด่วน !

บรรยากาศในห้องทรงพระอักษรน่าอึดอัดมากยิ่งนัก

ฮ่องเต้อยู่ในชุดลำลอง ใช้สองพระหัตถ์ไพล่หลังแล้วทอดพระเนตรไปยังแผนที่ขนาดใหญ่ พระขนงขมวดมุ่น จดจ่ออยู่ตรงตำแหน่งของเจี้ยนหนานตงเต้า

เยี่ยนเป่ยซี เยี่ยนซือเต้า เยี่ยนฮ่าวชู ต่งคังผิง และหนิงไท่ฟู่ ยืนอยู่ด้านหลัง ล้วนมองไปยังแผนที่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ไร้วาจาใดหลุดออกมา มีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังขึ้นมาบางคราเท่านั้น

ฟู่เสี่ยวกวนก้าวเข้ามาในห้องทรงพระอักษร โดยไร้การคำนับใด ๆ จากนั้นก็กล่าวออกมาว่า “ข้าต้องการทราบข้อมูลทุกอย่าง”

ฮ่องเต้หันไปทอดพระเนตรแล้วเสด็จไปนั่งบนเก้าอี้ จากนั้นก็ยื่นสารลับให้กับฟู่เสี่ยวกวนได้ดู “มีสารด่วนส่งมาจาก 300 ลี้ ในระหว่างการส่งสารมานั้นมีฝนตกปรอย ๆ ยังมีสารด่วนจากเจี้ยนหนานตงเต้าอีกด้วย”

พอฟู่เสี่ยวกวนได้รับสารมาแล้ว เขาก็ค่อย ๆ นั่งลงที่โต๊ะน้ำชาแล้วอ่านเนื้อความในนั้นอย่างตั้งใจ จึงได้พบว่าเซวี๋ยติ้งชานเป็นเดรัจฉานอย่างแท้จริง !

รัชสมัยเซวียนลี่ที่เก้า วันที่ยี่สิบหก เดือนสิบสอง ฝ่าบาทมีราชโองการให้เซวี๋ยติ้งซานไปปราบกบฏที่ซีหรง

ราชโองการฉบับนี้ส่งถึงชายแดนตะวันตกเมื่อต้นเดือนหนึ่งวันที่ 15 เซวี๋ยติ้งซานจึงจัดทัพทหารม้าให้ติดตามไปด้วย ในขณะเดียวกัน ฮั่วตงหลิน ก็ได้รับพระราชโองการ ในฐานะผู้นำทัพบกจึงนำทหาร 3,000 นายเดินทางไปยังกองพันทหารชายแดนตะวันตก

ที่นั่นฮั่วตงหลินรวบรวมกำลังพลจนมีกว่า 300,000 นาย แล้วเคลื่อนทัพไปยังซีฮวงตั้งแต่วันที่สิบเจ็ด

หลังผ่านไปสี่วัน เดือนหนึ่งวันที่ยี่สิบเอ็ด ก็ได้เดินทางมาถึงบริเวณทิศตะวันตกของภูเขาซีหรง ถ้าไปทางใต้ก็จะเข้าสู่ถนนเจี้ยนหนาน

ในคืนนั้น เซวี๋ยติ้งชานเชิญฮั่วตงหลินร่วมปรึกษากลยุทธ์ทางการทหาร ฮั่วตงหลินไม่ทันระวังตัวจึงถูกลอบสังหาร

สีฮวาภรรยาของเซวี๋ยติ้งชานแสร้งแพร่ข่าวออกไปว่า ฮั่วตงหลินถูกลัทธิจันทราตัดศีรษะทิ้ง !

องค์ชายสี่นาม หยูเวิ่นชู ในคืนนั้น ได้เสด็จไปยังเรือนของเซวี๋ยติ้งชานเพื่อประกาศความแตกหัก !

เซวี๋ยติ้งชานนำทัพทหารม้าบางส่วนมุ่งหน้าออกจากค่าย โดยให้ทหาร 150,000 นายตามมาสมทบทีหลัง วันที่ยี่สิบสาม เดือนหนึ่ง ก็ได้เข้ายึดเจี้ยนหนานตงเต้าได้เป็นอันดับแรก

กองทัพยังมิทันได้หยุดพักก็ได้เดินทางต่อ และไปถึงเมืองผู่โจววันที่ยี่สิบห้าเดือนหนึ่ง ฝ่ายเมืองผู่โจวต้านอยู่สองวันสุดท้ายก็พ่ายในวันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนหนึ่ง

กลุ่มกบฏทำเพียงแค่ปล้นเสบียงและม้าเท่านั้นมิได้ยึดครองเมืองแต่อย่างใด ตลอดทางต้องเผชิญกับลมและฝน เมื่อไปถึงเมืองหรงโจวก็นับว่าเป็นคราแรกที่ได้เผชิญหน้ากับกองทัพอันน่าเกรงขาม

วันที่หนึ่ง เดือนสอง เฟ่ยอันรวบรวมกำลังพลกว่า 30,000 นายขึ้นในหรงโจว เพื่อเป็นกำแพงป้องกันการถูกโจมตีเอาไว้ และสามารถต้านทานไว้ได้ถึง 3 วัน ทางฝ่ายกบฏก็ยังมิสามารถเอาชนะได้ จึงเลิกโจมตีเมืองหรงโจวแล้วมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลินโจวแทน

นี่คือสถานการณ์ทั้งหมดในขณะนี้

การรบครานี้ เฟ่ยอันทำผลงานได้น่าพึงพอใจมากยิ่งนัก ฟู่เสี่ยวกวนจึงโล่งใจได้ในระดับหนึ่ง

ทันใดนั้น เขาก็ได้นำใบชาและน้ำใส่กาทิ้งไว้ ระหว่างที่รอน้ำเดือด เขาก็ได้กล่าวกับฝ่าบาทและคนอื่น ๆ ว่า “มิต้องกังวล มาดื่มชากันเถอะ”

ฝ่าบาทจ้องมองมาด้วยสายพระเนตรที่ขุ่นเคือง พลางคิดไปว่าข้ากังวลจนจะตายอยู่แล้ว เจ้ายังมีอารมณ์มาดื่มชาอยู่อีก !

เมื่ออัครมหาเสนาบดีเยี่ยนเห็นว่าสีหน้าของฟู่เสี่ยวกวนมิได้มีความกังวลใด ๆ ในใจของเขาก็พลันสงบขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ตนซึ่งเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี ได้ไว้วางใจเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างสุดหัวใจ

หลังจากความกังวลได้หมดไปเขาจึงทูลต่อฝ่าบาทว่า “มิต้องกังวล มิต้องรีบร้อน เสวยน้ำชาก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ประทับลงฝั่งตรงข้ามกับฟู่เสี่ยวกวน แล้วกวักพระหัตถ์เรียกคนอื่น ๆ มาร่วมวงด้วย เมื่อต่งคังผิงนั่งลงก็ได้จ้องมองไปที่ฟู่เสี่ยวกวน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)