ตอนที่ 544 เส้นทางสายเก่า
ค่ำคืนอันมืดมิด
หมอกสีขาวนวลปกคลุมทั้งสองข้างทาง
เหล่าวิหคพากันบินสู่รังนอน เสือสิงห์ในภูเขาส่งเสียงร้องคำรามออกมาเป็นครั้งคราว
กองกำลังทหาร 3,000 นายนำโดยเผิงยวี๋เยี่ยน กำลังควบอาชาห้อตะบึงอยู่บนทางสายเก่าจินหนิว
ในขณะเดียวกัน หงเหนียงจื่อก็นำทหารแนวหน้าจำนวน 130,000 นาย มุ่งหน้าไปยังทางสายเก่าจินหนิวเช่นกัน เหลือไว้เพียง 20,000 นายเพื่อเฝ้ารอการมาถึงของทหารแนวหลัง 150,000 นายอยู่ที่ด่านชีผาน
เส้นทางสายเก่าเงียบเหงามาเป็นเวลาหลายร้อยปี คล้ายกับกำลังตื่นจากหลับใหล หมอกในป่าหนาตัวขึ้นเรื่อย ๆ จนแผ่ขยายมายังทางสายเก่า ดังนั้นถนนสายนี้จึงค่อย ๆ ถูกบดบัง หากมองลงมาจากท้องนภา คงยากคาดเดาได้ว่านี่คือถนนหรือหุบเหวลึกกันแน่
กองกำลังดาบเทวะกองพลสามเองก็กำลังเคลื่อนพลอย่างรวดเร็วอยู่บนทางสายเก่าจินหนิวแห่งนี้
บัดนี้พวกเขาได้เข้าสู่ฉินหลิงแล้ว เส้นทางบนภูเขาคับแคบมากยิ่งนัก ทำให้ยากต่อการเดินทางของอาชา ซูม่อจึงตัดสินใจทิ้งอาชาไว้ที่นี่ เนื่องจากทหารทุกนายล้วนมีความสามารถสูง การลอยตัวขึ้นไปคงง่ายกว่ามาก แม้จะสิ้นเปลืองกำลังภายใน แต่ก็เร็วกว่าในตอนนี้อย่างแน่นอน
นี่ได้สร้างความลำบากให้กับฟู่เสี่ยวกวนมากยิ่งนัก
ปกติแล้วฟู่เจวี๋ยเยมิค่อยขยันสักเท่าใด บัดนี้จึงรู้สึกเศร้าใจมากยิ่งนัก ตลอดการเดินทางนี้ตนแทบจะมิได้พักผ่อน แม้แต่มื้อเย็นก็ยังมิตกถึงท้อง
แน่นอนว่าสิ่งที่ซูม่อเอ่ยนั้นสมเหตุสมผลยิ่ง เขามิอาจจะโต้แย้งเพียงเพื่อประโยชน์ส่วนตนได้
ด้านหน้ามีชีวิตนับแสนรออยู่ หากพวกเขาสามารถเดินทางไปถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด และสังหารศัตรูไปได้บ้าง ก็จะสามารถลดแรงกดดันได้มิน้อย
ข้ายังทำอันใดได้อยู่อีกกัน ?
ให้ศิษย์พี่ใหญ่แบกไปเยี่ยงนั้นหรือ ? ฟู่เจวี๋ยเยทำได้เพียงใช้ฟันกัดแท่งธัญพืชไปลอยตัวไปเท่านั้น… ในกลุ่มคนพวกนี้ วิชาตัวเบาของเขาย่ำแย่ที่สุด แม้จะเป็นถึงอาจารย์ของศิษย์สำนักเต๋าเหล่านี้ก็ตาม
เพียงไม่นาน เขาก็กลายเป็นผู้รั้งท้ายขบวน คนอื่น ๆ กระโดดหนึ่งทีไปได้ไกลหลายจ้าง แต่ทว่าเขากระโดดแต่ละที… สวี่ซินเหยียนเห็นแล้วยังรู้สึกอายแทนจนใบหน้าขึ้นสีแดง เขามิได้ต่างจากกระต่ายกระโดดเลยสักนิด
ให้คนผู้นี้ออกรบ จะมิทำให้พรรคพวกย่ำแย่ไปด้วยหรือ ?
สวี่ซินเหยียนลดความเร็วลง แล้วมาอยู่ข้างกายเขา
ศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ยย้อนกลับมา ฟู่เสี่ยวกวนรีบโบกมือแล้วกล่าวว่า “พี่ใหญ่กับซูม่อล่วงหน้าไปก่อนเลย ข้ามิไหวแล้ว ข้าจะตามไปทีหลัง”
“ข้าจะอยู่กับเจ้า”
ฟู่เสี่ยวกวนนั่งลงอย่างเหนื่อยหอบ “มิได้ พี่ใหญ่ท่านเป็นปรมาจารย์เพียงหนึ่งเดียว ลัทธิจันทรามีผู้มีฝีมือระดับสูงอยู่ด้วยเป็นแน่ ถนนสายนี้คับแคบยิ่ง อีกทั้งด้านหน้ายังถูกบดบังเอาไว้ด้วยหมอก ข้าอยู่ข้างหลังปลอดภัยกว่า อีกทั้งยังมีสวี่ซินเหยียนอยู่ข้างกาย พี่ใหญ่อย่าได้กังวลไปเลย”
ซูเจวี๋ยเมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกงุนงงขึ้นมา นี่มันเหตุผลอันใดกัน ? แต่ทว่าก็มิได้ลังเลอีกต่อไป เขาจึงหันหลังแล้วกระโดดหายลับไปในพริบตา
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย เพียงแต่สัมผัสได้ว่ารู้สึกหนาวเย็นที่ก้น
“เห้อ…จากชีวิตที่สุขสบายต้องแปรเปลี่ยนมาเป็นลำบากนั้นช่างยากจะปรับตัว นึกถึงสมัยก่อน ข้าเคยบุกป่าฝ่าดงเข้าไปในหุบเขาเยี่ยงผู้กล้าหาญ กาลเวลาผ่านไปเพียง 2 ปี เหตุใดจึงกลายเป็นคนไร้ค่าได้ถึงเพียงนี้กัน ! ”
สวี่ซินเหยียนปรายตามองเขา ในใจของนางคิดไปว่า เจ้าน่ะหรือเคยบุกป่าฝ่าดงเยี่ยงผู้กล้าหาญ ?
เจ้าคงมิรู้ว่าผู้กล้าหาญบุกป่าฝ่าดงเป็นเยี่ยงไร !
“ข้าคิดว่า… ท่านต้องใช้เวลาฝึกฝนให้มากกว่านี้อีก”
ฟู่เสี่ยวกวนใช้มือบีบนวดต้นขาของตน ส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “หากเอ่ยถึงความขยัน ข้าคิดว่าตนเองขยันกว่าซูซูอยู่บ้าง ข้าตื่นขึ้นมานั่งสมาธิตั้งแต่ฟ้ายังมิสว่าง ซูซูเอาแต่กินแล้วก็กินทั้งวัน เหตุใดถึงเข้าสู่ขั้นสูงได้… หรือว่าข้าจะกินน้อยจนเกินไป ? ”
สวี่ซินเหยียนหัวเราะออกมา “แม่นางซูซูมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ท่านเห็นแต่ยามที่นางกิน มิเห็นตอนที่นางฝึกซ้อม… แต่ท่านก็มีเวลาว่างน้อยเสียเหลือเกิน เรื่องในราชสำนักสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ”
“ใช่ ! ข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่มากมาย เห้อ…ข้ามักจะคิดว่าในเมื่อมาแล้วก็ควรจะทำประโยชน์ให้กับราษฎรให้ได้มากที่สุด แต่สิ่งเหล่านี้ข้าก็ทำเพื่อตนเองด้วยเช่นกัน”
สวี่ซินเหยียนนั่งลงข้าง ๆ เขา นางมิได้สังเกตว่าฟู่เสี่ยวกวนสอดมือไว้ในแขนเสื้อแล้วกำปืนเอาไว้
นางมองไปยังเทือกเขาที่เรียงรายภายใต้ความมืด แล้วเอ่ยถามว่า “เพื่อให้ท่านได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“มิใช่หรอก ! ”
“ถ้าเยี่ยงนั้นเพื่อสิ่งใดกัน ? ” นางหันมามองทางฟู่เสี่ยวกวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)