สรุปตอน ตอนที่ 545 ภูเขาและสายฝน – จากเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
ตอน ตอนที่ 545 ภูเขาและสายฝน ของนิยายทะลุมิติเรื่องดัง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 545 ภูเขาและสายฝน
ซูซูนั่งกินขนมดอกกุ้ยฮวาอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
มีน้ำหยดหนึ่งลอดผ่านพุ่มไม้ที่หนาทึบตกกระทบกับใบหน้าของนาง รู้สึกเย็นเล็กน้อย
นางยกมือขึ้นเช็ด จากนั้นก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องนภาอันมืดมิด พลางคิดในใจว่าฝนจะตกอีกหรือไม่ ?
นางมาถึงชีหลี่ผิงแล้ว ที่นี่คือทุ่งโล่งกว้างผืนหนึ่งของทางสายเก่าจินหนิว อยู่ห่างจากด่านชีผานอีกสามถึงสี่ร้อยลี้
วันนี้นางตัดสินว่าจะนอนบนต้นไม้ ต้องฟื้นฟูพลังกายและกำลังภายในสักเล็กน้อย เพราะมิอาจรับรู้ได้ว่าจะได้พบกับเซวี๋ยติ้งชานเมื่อใด
หลังจากกินขนมดอกกุ้ยฮวาชิ้นสุดท้ายหมดแล้ว นางจึงปัดเศษขนมบนมือออก ลูบไล้ปืนที่อยู่ในอกเสื้อ ในจังหวะที่กำลังจะเอนกายเพื่อหลับอย่างสบายสักตื่น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาขึ้นบนเส้นทางสายเก่า…
มีคนมาเยี่ยงนั้นหรือ ?
นางพลิกกายลงจากต้นไม้ ทันทีที่ลงมาถึงพื้นก็ได้ไล่ตามติดไปจนทัน
คนผู้นี้วิ่งไปทางด่านชีผาน วรยุทธ์มิได้ด้อยเลย ซูซูยืนหราอยู่กลางเส้นทางสายเก่า แล้วตะโกนเสียงดังว่า “ชายผู้นั้น เจ้าคือคนฝ่ายใด ? รีบบอกมาประเดี๋ยวนี้ ! ”
ผู้สอดแนมผงะ และชะงักฝีเท้าลงทันที “ข้าคือผู้สอดแนมของกองทัพชายแดนตะวันตก แม่นางคือผู้ใดกัน ? ”
ซูซูหัวเราะคิกคักแล้วเปิดกล่องฉินในมือออก นางโอบกอดฉินเอาไว้แล้วตะโกนว่า “ท่านย่าของเจ้าดักปล้นอยู่ตรงนี้ จงมอบชีวิตมา ! ”
เสียงฉินดังขึ้น ผู้สอดแนมชักกระบี่ออกมาในชั่วพริบตา คมกระบี่พุ่งเข้ามาท่ามกลางความมืดมิด
เขาฟันเบี่ยงเสียงฉินไป แต่กลับต้องถอยหลังไปถึงสามก้าว จึงได้เอ่ยถามอย่างตกใจ “แม่นางมาจากที่ใด ? ข้าเป็นคนของภูเขาหมิน อย่าได้เข้าใจผิด ! ”
ซูซูที่ได้ยินชื่อภูเขาหมิน จึงคิดได้ว่าคนผู้นี้คือคนของลัทธิจันทราเยี่ยงนั้นหรือ ?
“พวกเจ้ามิรั้งรออยู่ที่ภูเขาหมิน แต่มาที่นี่เพื่อการใด ? ”
“พวกเราได้รับคำสั่งจากท่านผู้นำให้มุ่งหน้ามาเป็นกองกำลังให้แก่แม่ทัพเซวี๋ย หากแม่นางมิทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก ลัทธิจันทราย่อมรู้สึกซาบซึ้งใจต่อแม่นาง”
ดวงตาของซูซูทอประกายเยือกเย็น ดีดร่างทะยานขึ้นไปบนท้องนภา ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาปรอย ๆ จากนั้นนางก็ได้ดีดสายฉิน แสงกระบี่สองสายฟาดผ่านสายฝน และเฉือนไปทางผู้สอดแนม
อีกฝ่ายตื่นตระหนกขึ้นมาทันพลัน กระบี่เล่มยาวในมือพุ่งทะยานออกไป เขาสะบัดจนเกิดแสงกระบี่ออกมา แต่ทว่าแสงกระบี่จากอีกทางกลับตัดศีรษะเขาไปเสียแล้ว
ศีรษะร่วงหล่นลงมา ร่างของเขาก็ล้มลงไปกองกับพื้น
ซูซูโอบกอดฉินและครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ คนของลัทธิจันทราออกมาแล้ว ทั้งยังมาช่วยเซวี๋ยติ้งชาน… ข้างกายของเซวี๋ยติ้งชานต้องมีผู้มีฝีมือระดับสูงของลัทธิจันทราจำนวนมากเป็นแน่ การสังหารคนผู้นี้มิง่ายเลย
คงต้องคิดหาวิธีเสียใหม่ ฟู่เสี่ยวกวนเคยกล่าวเอาไว้ว่าสิ่งสำคัญในการสังหารคือการใช้สมอง… เยี่ยงนั้น ข้าจะปักหลักอยู่ ณ ที่แห่งนี้ คอยจัดการสังหารผู้สอดแนมของเซวี๋ยติ้งชานให้หมด เยี่ยงไรก็มิมีทางพลาดอยู่แล้ว
ดังนั้น ซูซูจึงนั่งลงข้างเส้นทางสายเก่าแล้วโอบฉินเอาไว้
ฝนของฤดูใบไม้ผลิหนาวเหน็บเป็นพิเศษ แต่ทว่านางกลับมิสนใจแม้แต่น้อย
ในค่ำคืนนี้ รวมแล้วนางสังหารผู้สอดแนมที่หงเหนียงจื่อสีฮวาส่งมาทั้งสิ้น 20 คน ทั้งยังได้เค้นเอาความจริงมาจากปากของหนึ่งในนั้น จึงได้ทราบว่าหงเหนียงจื่อพร้อมกองทัพอีก 130,000 นายอยู่ห่างจากชีหลี่ผิงเพียงหนึ่งร้อยกว่าลี้เท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ก็ได้ทราบว่าด้านหลังของนางมีเผิงยวี๋เยี่ยนกำลังพากองทหารภูเขา 3,000 นายมาทางนี้ และยังคงห่างจากชีหลี่ผิงอีกหนึ่งร้อยห้าสิบกว่าลี้
เมื่อคำนวณดูแล้ว กองทัพ 130,000 นายของสีฮวาจะมาถึงที่นี่เร็วกว่าเผิงยวี๋เยี่ยน
เป็นคราแรกที่ซูซูใช้สมองวิเคราะห์ปัญหา แถบนี้เป็นพื้นที่ทุ่งโล่งแจ้ง เหมาะสำหรับการทะยานไปด้านหน้าของทหารม้า เผิงยวี๋เยี่ยนมีกำลังพลเพียง 3,000 นายเท่านั้น หากสีฮวาวางกับดักไว้ ณ ที่แห่งนี้ หากทหาร 3,000 นายของเผิงยวี๋เยี่ยนผ่าละอองน้ำออกไปมิได้ก็จะถูกกวาดล้างทั้งกองทัพ
ข้าสามารถช่วยอันใดได้บ้าง ?
เยี่ยงนั้นก็สังหารผู้สอดแนมเหล่านี้เสียให้หมด !
ซูซูมิทราบเลยว่าในหมู่คนที่นางสังหารนั้น มิได้มีเพียงผู้สอดแนมของสีฮวาเท่านั้น แต่ยังสังหารผู้สอดแนมของเผิงยวี๋เยี่ยนอีกด้วย
ผู้สอดแนมของทั้งสองฝ่ายจึงมิมีผู้ใดได้กลับไปรายงาน จึงทำให้แม่ทัพทั้งสองกลายเป็นคนตาบอดในทันที
สีหน้าของหงเหนียงจื่อสีฮวาดูสับสน คิ้วของนางขมวดมุ่น พร้อมกับสั่งให้กองทัพทั้งหมดหยุดทัพ
จะต้องเกิดปัญหาขึ้นเป็นแน่ ผู้สอดแนมที่ส่งออกไปเมื่อวาน มิมีผู้ใดกลับมาแม้แต่คนเดียว หรือว่าทัพของหยูชุนชิวจะซ่อนตัวอยู่ที่ชีหลี่ผิงกัน หากผลีผลามเข้าไปมิใช่ว่าจะตกอยู่ในแผนการของหยูชุนชิวหรอกหรือ ?
สายตาของซูซูยังคงแน่วแน่ นางเงยหน้ามองไปทางดาบนั้น ยกฉินในมือขึ้นมา ยามที่ยกฉิน โหนกแก้มก็ได้ยกขึ้นด้วย จัดการใช้ฉินทุบลงบนดาบนั้นอย่างดุดัน
ในขณะเดียวกัน มือขวาของนางก็ดึงปืนออกมา
“ปัง… ! ”
จังหวะที่ดาบและฉินใกล้ปะทะกัน ซึ่งอยู่ห่างกันเพียงมิกี่ก้าวเท่านั้น ซูซูก็ได้ยิงปืนออกไปแล้วหนึ่งนัด
“ตูม… ! ”
ดาบยาวฟันลงไปบนฉิน พลังมหาศาลถูกส่งผ่านจากตัวฉินจนแขนของซูซูสั่นสะท้าน นางกระอักเลือดออกมา ถูกฟันเสียจนตกลงสู่พื้น
และทันใดนั้นเอง มู่หรงเจียนก็รู้สึกเจ็บที่ช่วงท้องขึ้นมา เขาก้มหน้ามอง พบว่าช่วงท้องของตนเองมีเลือดไหลออกมาเป็นทางยาว
ดวงตาของเขาเบิกโพลง ร่างร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศทันที
เขาลูบท้องของตนเอง ยกมือขึ้นมามองจึงเห็นว่าเต็มไปด้วยเลือด มั่นใจแล้วว่าตนเองได้รับบาดเจ็บ…
ได้รับบาดเจ็บได้เยี่ยงไร ?
เขานึกถึงเสียงปังที่ดังขึ้นมา หรือสตรีสมควรตายนางนี้จะใช้อาวุธลับบางชนิดกัน ?
ซูซูวางฉินลงเนิ่นนานแล้ว นางรีบเติมกระสุนลูกที่สองเข้าไป ขบกรามแน่นอย่างสุดกำลัง กล้ำกลืนก้อนเลือดที่ติดอยู่ในลำคอให้กลับลงไป
ขณะนั้น มู่หรงเจียนก็ได้ตกลงมาถึงพื้นแล้ว ลากดาบยาวเข้าไปหาซูซูทีละก้าว “ตายเสียเถิด ! ”
ซูซูยืนอยู่บนพื้น มองมู่หรงเจียนถีบตัวขึ้น มองดาบยาวที่แผ่ความเหน็บหนาวออกมา แล้วยกปืนขึ้น
“จงตายเพื่อข้าเสียเถิด ! ”
“ปัง… ! ”
เสียงปืนดังสะท้อนกลางสายฝนในหุบเขา…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)