นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 557

สรุปบท ตอนที่ 557 ยึดด่านชีผานอย่างแยบยล: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

ตอน ตอนที่ 557 ยึดด่านชีผานอย่างแยบยล จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 557 ยึดด่านชีผานอย่างแยบยล คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 557 ยึดด่านชีผานอย่างแยบยล

กวนเสี่ยวซีเดินเตร่อยู่ในย่านการค้าอยู่สองรอบ จนถึงขั้นไปเดินเล่นที่ค่ายทหารด่านชีผานอีกหนึ่งรอบ

มิได้พบเจอบรรยากาศตึงเครียดเยี่ยงที่คาดคิดเอาไว้ ตรงกันข้าม…สิ่งที่ได้เห็นบนใบหน้าของทหารเหล่านั้นกลับเป็นความลังเล

จิตวิญญาณในการต่อสู้ของทหารเหล่านี้มิสูงมากนัก แม้แต่ทหารที่คอยเฝ้าหน้าประตูก็มีท่าทีเกียจคร้านมากยิ่งนัก

เมื่อถึงเวลานี้ เขาจึงมั่นใจแล้วว่าสตรีคนเมื่อครู่มิได้หลอกลวง มีทหารประจำการอยู่ที่นี่อย่างมากสุดเพียงสองหมื่นกว่าคนเท่านั้น

พอนึกถึงสตรีนางนั้นขึ้นมา เขาก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ายังมิทราบแม้แต่ชื่อของนาง

เป็นเรื่องดี เพราะไม้ไผ่พวกเราจึงได้พบพานกัน ต่างฝ่ายก็มีช่วงเวลาที่ดี และได้แยกย้ายกันไปตามทางของตน

กวนเสี่ยวซีออกไปจากด่านชีผาน เมื่อกลับไปถึงค่ายทหารภูเขาในยามเว่ย ก็ได้ชี้แจงสถานการณ์ภายในด่านชีผานให้เผิงยวี๋เยี่ยนฟังโดยละเอียด

“กล่าวได้ว่า เซวี๋ยติ้งชานจะกลับไปยึดเจี้ยนเหมินเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“หากแม่ทัพเฟ่ยรุดหน้าไปยึดเจี้ยนเหมินก่อน ข้าคิดว่าเซวี๋ยติ้งชานจะต้องลงไปทางใต้เพื่อยึดหรงโจวของถนนเจี้ยนหนานซีเป็นแน่…”

กวนเสี่ยวซีหยิบแผนที่หนึ่งฉบับออกมาจากช่วงอกและวางมันลงกับพื้น “เจี้ยนเหมินเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีกำแพงเมืองแข็งแกร่งยิ่ง เดิมทีง่ายต่อการป้องกันยากต่อการโจมตี ในตอนนี้พวกเรายังมิแน่ใจว่าแม่ทัพเฟ่ยจะจัดการกับที่นี่เยี่ยงไร จึงต้องคิดเอาไว้สองรูปแบบ

รูปแบบที่หนึ่ง ย่อมเป็นการให้แม่ทัพเฟ่ยยึดเจี้ยนเหมิน หากเจี้ยนเหมินมีกองกำลังป้องกันถึง 30,000 นาย ร่วมด้วยความสามารถของแม่ทัพเฟ่ย นั่นก็มากพอที่จะสกัดกองทัพหนึ่งแสนกว่านายของเซวี๋ยติ้งชานเอาไว้นอกเมืองได้แล้ว เยี่ยงนั้นเซวี๋ยติ้งชานก็จะมิมีทางยึดเจี้ยนเหมินได้อีก เขาจะเลือกไปยังเส้นทางหวายอันเพื่อยึดตั้งแต่หรงโจวตลอดสายไปจนถึงหัวหยาง

รูปแบบที่สอง หากเซวี๋ยติ้งชานนำทัพไปยึดเจี้ยนเหมินได้ก่อน ย่อมเกิดการบาดเจ็บและล้มตายของทหาร ส่วนทหารที่เหลืออยู่ย่อมเหลือมิเกิน 100,000 นายอย่างแน่นอน เขาย่อมมิมีกำลังมากพอที่จะไปยึดกำแพงเมืองใดได้อีก ดังนั้นข้าจึงคิดว่า ทางที่ดีที่สุดคือปล่อยให้เขายึดเจี้ยนเหมิน เพราะสถานการณ์ในตอนนี้เป็นประโยชน์ต่อทัพของพวกเรา

ทัพกบฏถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน เพียงพวกเราสามารถยึดด่านชีผานเอาไว้ได้ ก็จะเป็นการตัดขาดทัพหน้าและทัพหลังของกบฏไปอย่างสิ้นเชิง หากพวกเรายึดด่านชีผานเอาไว้ได้ ทัพใหญ่ที่ตามมาก็จะกลืนกินทัพหลังฝ่ายกบฏได้

ทหารกบฏที่เฝ้าเจี้ยนเหมินก็จะกลายเป็นทัพที่โดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง และเมื่อถึงเวลานั้นก็จะถูกทัพของพวกเราเข่นฆ่า ! ”

กวนเสี่ยวซีกล่าวถึงสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกไปทั้งหมด เผิงยวี๋เยี่ยนมองเขา แล้วกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “สองปีมานี้เจ้าพัฒนามิน้อยเลย เช่นนั้น ข้าขอเอ่ยถามเจ้าว่า ด้วยกำลัง 3,000 คนของพวกเรา จะรักษาด่านชีผานไว้ได้เยี่ยงไร ? ”

“เฮ้อ… ! ” กวนเสี่ยวซีถอนหายใจยาวออกมา “คงจะดีมิน้อยถ้าหากภูเขานี้สามารถรองรับผู้คนได้ถึง 20,000 คน”

“เยี่ยงนั้น เจ้าคิดว่าจะยึดหรือไม่ยึดด่านชีผานดี ? ”

“ยึด ! ข้าคิดว่าต้องยึดมาให้ได้ ด้วยพวกเรา 3,000 คน อย่างน้อยก็ตั้งมั่นอยู่ในด่านชีผานให้ได้ถึง 3 วัน ในสามวันนี้เพียงพอที่จะขัดขวางแผนการของเซวี๋ยติ้งชานได้แล้ว แม่ทัพเฟ่ยจะต้องลงมือเป็นแน่ เพียงเท่านั้นก็พอแล้ว”

เผิงยวี๋เยี่ยนฉีกยิ้ม “เช่นนั้นก็ยึด ! ”

ทหารภูเขา 3,000 นายหายเข้าไปในป่า และเข้าไปถึงเขาซีเฟิงในยามเย็น ด่านชีผานจึงอยู่แทบเท้าของพวกเขา

ทุกคนทานอาหารแห้งอย่างง่าย ๆ เผิงยวี๋เยี่ยนวางแผนทะลวงด่านชีผานขึ้นมา

เซี่ยเฟิง เซี่ยเชียนฮู่ นำทหารจำนวน 800 นายไปปิดล้อมทางเหนือของค่ายรักษาการณ์

ลู่ติ้งเจียง ลู่เชียนฮู่ นำทหาร 1,200 นายบุกค่ายรักษาการณ์จากทางด้านหน้า

ส่วน 700 นายที่เหลือนำโดยหวงลี่ หวงเชียนฮู่ คอยไหลไปตามสถานการณ์

พวกเจ้าลองไตร่ตรองดูเถิด ราชวงศ์หยูในตอนนี้มีเพียงแม่ทัพเผิงเพียงผู้เดียวที่ได้พระราชทานแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้เป็นติ้งกั๋วกง ที่เหมือนกันคือฮูหยินท่านแม่ทัพย่อมหวังให้สามีสามารถคว้ายศกั๋วกงมาครองได้ แต่ตอนนี้ผืนปฐพีถือว่ายังสงบสุข ยศกั๋วกงจึงมิอาจได้มาโดยง่าย ดังนั้นฮูหยินที่มักเป่าหูยามมีความสุขกันบนเตียง ย่อมทำให้ท่านแม่ทัพคล้อยตามอยู่แล้ว”

“ได้ยินมาว่าฟู่เสี่ยวกวนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์จึเจวี๋ยมิใช่หรือ ? ”

“จึเจวี๋ยแล้วเยี่ยงไร ? จึเจวี๋ยลำดับสี่จะเทียบกับกงเจวี๋ยลำดับหนึ่งได้เยี่ยงไร ? ”

“ดังนั้น พวกเรากำลังเดินบนเส้นทางที่มิอาจหวนกลับได้เยี่ยงหรือ ? ”

“ไอหยา… นี่ถือเป็นเส้นทางที่มิอาจหวนกลับได้อย่างแท้จริง พวกเราคือทหารในมือของแม่ทัพใหญ่ แต่วันนี้ท่านแม่ทัพกลับก่อกบฏ จนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หากสำเร็จพวกเราก็จะได้เป็นวีรบุรุษ”

“หากแพ้เล่า ? ”

“แพ้เยี่ยงนั้นหรือ ? หากแพ้ก็ถูกฝ่าบาทตัดหัวน่ะสิ ! ”

“…นี่คือการเดิมพันด้วยชีวิต ดูแล้วโอกาสชนะแทบจะมิมี”

กลุ่มทหารคุ้มกันกำลังจับกลุ่มสนทนากัน เพียงได้ฟังก็ค่อนข้างมิพอใจ

ดวงตาของกวนเสี่ยวซีกลิ้งกลอกไปมา ทันใดนั้นก็กล่าวร้ายขึ้นมาว่า “ไอหยา ! พวกเจ้าฟังข้าก่อน ศึกในครานี้ช่างน่าอึดอัดใจยิ่ง ข้าได้ยินมาว่าด้านหน้ามีทัพ 200,000 นายของแม่ทัพหยูชุนชิวขวางทางสายเก่าจินหนิวอยู่ ด้านหลังก็มีเฟ่ยอันแม่ทัพใหญ่ที่นำกองกำลังป้องกันเมืองนับแสนนายมาขวางทางที่แม่ทัพเซวี๋ยกำลังกระโดดเข้าไปอยู่… ถึงเยี่ยงไรก็คือกระดานที่บังคับให้แพ้แล้ว การที่พวกเราร่วมตายไปกับแม่ทัพใหญ่ ข้ารู้สึกว่ามิคุ้มค่าเอาเสียเลย”

พอกล่าวออกมาดังนั้น ทหารกลุ่มนี้ก็ได้เงียบลงไปอีกอึดใจ แต่แล้วก็มีทหารนายหนึ่งเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบาว่า “เจ้าคิดจะทำเยี่ยงไร ? ”

“หากข้ากล่าวออกมา พวกเจ้าอย่าได้บั่นคอข้าเชียว ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)