ตอนที่ 560 ความลับของราชวงศ์ก่อน (1)
เผิงยวี๋เยี่ยนรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก มือข้างหนึ่งกำมีดเอาไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็กำด้ามปืนเอาไว้แน่นเช่นกัน แล้ววิ่งเข้าไปยังถนนฝั่งตรงข้าม
เนื่องจากมีฮูหยินท่านแม่ทัพใหญ่ติดตามไปแล้ว กวนเสี่ยวซีจึงมิได้เข้าไปข้องเกี่ยวอีก เขาต้องรีบไปจัดการเรื่องต่อไป
ขออย่าได้เกิดเรื่องมิคาดฝันหรืออุปสรรคขึ้นมาเลย มิเช่นนั้น ตนคงเสียเวลาเปล่า
……
กวนเสี่ยวซีทำการจุดดอกไม้ไฟขึ้น ณ ด่านชีผานจำนวน 1 ดอก เดิมทีด่านชีผานค่อนข้างสูงจึงทำให้ดอกไม้ไฟลอยสู่ท้องนภาได้สูงมากกว่าเดิม กองทหารของสีฮวาที่กำลังเร่งขบวนมายังด่านชีผาน อยู่ห่างจากด่านราวครึ่งวันหากเดินเท้า และแน่นอนว่าทหารเหล่านั้นได้เห็นดอกไม้ไฟที่เปล่งประกายท่ามกลางความมืดนี้
สีฮวาตื่นตระหนกขึ้นทันใด เนื่องจากกองทัพทหารตะวันตกมิมีสัญญาณเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่านี่คือสัญญาณที่ถูกส่งออกมาจากด่านชีผาน หรือว่าที่ด่านชีผานจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นมากัน ?
หากสูญเสียด่านชีผานไปแล้ว…
สีฮวาสูดหายใจเข้าลึก มิกล้าแม้แต่จะจินตนาการถึงผลที่ตามมา ดังนั้น นางจึงออกคำสั่งกับทหารส่งสารว่า “จงเดินหน้าด้วยความรวดเร็ว พวกเราจะต้องเดินทางไปถึงด่านชีผานก่อนสุริยาจะขึ้น ! ”
แสงจากคบเพลิงของกองทัพยาวเหยียดราวกับงูดำเนินไปบนทางสายเก่าจินหนิว ท่ามกลางขบวนที่ทอดยาวออกไป ทหารทุกนายพยายามดิ้นรนเดินหน้าให้เร็วที่สุด จึงมิมีผู้ใดสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ริมทาง เขาจ้องมองกองทัพนี้เคลื่อนตัวอยู่เนิ่นนาน พอผ่านไปชั่วครู่ถึงได้กระโดดลงจากต้นไม้แล้วหายตัวไปในความมืดมน
คนผู้นั้นคือซูเจวี๋ย ศิษย์น้องแปดนำกองทหารดาบเทวะไล่ตามมาถึงบัดนี้ กลับมิพบแม้แต่เงาของศัตรู !
ดังนั้น เขาจึงรุดหน้าขึ้นมา และได้เข้าใจว่าศัตรูได้เดินทางย้อนกลับไปแล้ว !
เหตุใดพวกเขาถึงย้อนกลับกัน ?
ซูเจวี๋ยยิ่งคิดก็ยิ่งมิเข้าใจ แต่เมื่อเห็นดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นจึงคาดเดาได้ว่า มีคนยึดด่านชีผานได้แล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
เรื่องนี้เขาต้องนำกลับไปรายงานโดยเร็วที่สุด เมื่อกองทัพศัตรูเดินทางไปถึงด่านชีผานในเช้าวันรุ่งขึ้น ผู้ที่ยึดด่านชีผานนั้นคาดว่าคงมีจำนวนคนอยู่มิมาก ยากที่จะป้องกันเอาไว้ได้ พวกเขาย่อมต้องการกองกำลังสนับสนุนอย่างแน่นอน
กองกำลังดาบเทวะที่สามตามหลังกองทัพของศัตรูอยู่ อย่างมาก 2 ชั่วยามก็คงไล่ตามทัน
แต่ซูเจวี๋ยมิรู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนและอีก 3 คนที่ใช้เส้นทางไป๋หม่าอี้ และบัดนี้ก็อยู่ห่างจากกองกำลังดาบเทวะเพียงระยะทางเท้าครึ่งวันเท่านั้น
ส่วนซูซูได้เดินทางเข้าไปในด่านชีผานเรียบร้อยแล้ว นางกำลังไล่ตามกองทัพของเซวี๋ยติ้งชานไปทางเจี้ยนเหมิน
กองทัพของเฟ่ยอัน หลังจากที่ต่อสู้กันที่ท่าชุนเฟิงแล้วก็ได้มุ่งหน้าไปทางเจี้ยนเหมินกันอย่างบ้าคลั่ง หากนับจากเวลา เขาจะไปถึงเจี้ยนเหมินก่อนหน้าเซวี๋ยติ้งชานอย่างน้อยหนึ่งวัน
ทางด้านกองทัพทหารชายแดนใต้ของหยูชุนชิวซึ่งเป็นกองกำลังหลัก ในที่สุดก็ได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่าเส้นทางชีหลี่ผิงมิพบศัตรู !
เขาตกอยู่ในความงุนงงมากยิ่งนัก เขาได้ศึกษาตำราพิชัยสงครามมาอย่างมากมาย แต่บัดนี้กลับมิเข้าใจว่าเซวี๋ยติ้งชานกำลังวางแผนการใดอยู่ รู้สึกว่าเจ้านั่นช่างลึกล้ำมากขึ้นทุกที
หยูชุนชิวจึงหันไปมองจงสือจี้แล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าคิดว่าเซวี๋ยติ้งชานกำลังคิดทำอันใดอยู่ ? ”
แม้ว่าจงสือจี้จะเขียนคำตอบให้แก่ฟู่เสี่ยวกวนเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากเขาเป็นบุคคลที่ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกชื่นชอบ หยูชุนชิวจึงให้เขาอยู่ข้างกาย
จงสือจี้เมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบโค้งคำนับทันที แล้วรีบตอบกลับไปว่า “จากที่ข้าน้อยดูแล้ว กองกำลังทัพหลังของกบฏอาจจะพบปัญหาใหญ่ขึ้น จึงทำให้ทหารทัพหน้าถอยทัพกลับไปสนับสนุน ดังนั้นการที่กองทัพของพวกเราติดตามมาในทิศทางเดียวกันนี้จึงมิพบทหารฝ่ายศัตรูแม้แต่คนเดียว”
หยูชุนชิวขมวดคิ้วแล้วทำท่าครุ่นคิด จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย อืม… การคาดเดานี้สมเหตุสมผลกับเหตุการณ์ในตอนนี้ยิ่ง บางทีเฟ่ยอันได้กระทำการบางอย่างที่เมืองเจี้ยนเหมิน จึงส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการลำเลียงเสบียงของเซวี๋ยติ้งชานเยี่ยงนั้นหรือ ?
จากนั้นเขาจึงออกคำสั่งโดยมิรีรอ “หน่วยสอดแนมจงเดินหน้าสืบเรื่องต่อไป ส่วนกองทัพทั้งหมดนำเสบียงที่ชาวเหลียงโจวนำมามอบให้ออกลำเลียงไป แบ่งให้ทหารจำนวน 30,000 นายเพื่อออกเดินทางไปเคลื่อนย้ายปืนใหญ่หงอี ส่วนคนที่เหลือก็จงเร่งฝีเท้าไปยังเบื้องหน้าต่อไป ! ”
ณ ทางสายเก่าจินหนิว ท่ามกลางราตรีที่เงียบสงัด ได้ปรากฏกองทัพจำนวน 3 กองเคลื่อนพลบนเส้นทางนี้ แล้วค่อย ๆ แบ่งออกเป็น 4 กอง
กองทัพของสีฮวาอยู่ด้านหน้าสุดค่อนข้างตึงเครียด ส่วนกองกำลังทหารของซูม่อที่ตามหลังนั้นเปี่ยมไปด้วยความครึกครื้น สวรรค์มีตาเสียจริง ในที่สุดก็จะได้สู้รบกับศัตรูเสียที !
หยูชุนชิวนำกองกำลังหลักของทหารชายแดนใต้จำนวนกว่าหนึ่งแสนนายไล่ตามไปอย่างมุ่งมั่น เพื่อหวังว่าจะเดินทางไปถึงด่านชีผานให้เร็วที่สุด แล้วเข้าสนับสนุนกองกำลังของเฟ่ยอัน
ส่วนกองกำลังที่อยู่ท้ายสุดคือกองกำลังทหารชายแดนใต้ที่ลำเลียงปืนใหญ่นั่นเอง เส้นทางในภูเขานี้ช่างยากเข็ญเสียเหลือเกิน อีกทั้งพวกเขาต้องเคลื่อนย้ายปืนใหญ่หงอี แน่นอนว่ามิอาจเดินทางได้อย่างรวดเร็ว จากความเร็วนี้คาดว่าเมื่อเดินทางไปถึงด่านชีผาน ที่นั่นคงจะถูกตีจนแตกไปแล้ว พวกเขาคงมิมีผลงานแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)