สรุปเนื้อหา ตอนที่ 58 ความเด็ดขาดที่อ่อนโยน – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บท ตอนที่ 58 ความเด็ดขาดที่อ่อนโยน ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 58 ความเด็ดขาดที่อ่อนโยน
ภาพที่ปรากฏ ณ ลานหลังบ้านในจวนนั้นทำให้ซูม่อตกใจเป็นอย่างยิ่ง แม้ซูม่อเองจะเคยเห็นฟู่เสี่ยวกวนจงใจขู่ขวัญฝ่ายตรงข้ามเช่นนี้ที่เรือนซีซาน แต่ไม่คาดคิดว่าวันนี้เขาจะกล้าหยิบกระบี่ด้วยความตั้งใจที่จะฆ่าคนจริง ๆ
ทุกกระบวนท่าราบรื่นไม่มีหยุดชะงักหรือลังเลแต่ประการใด
ซูม่อเข้าใจดีว่าเหตุใดฟู่เสี่ยวกวนจึงได้ตัดสินใจฟันดาบนั้นลงไป เนื่องจากฟู่เสี่ยวกวนมิประสงค์ให้หลี่เอ้อหนิวเอ่ยชื่อฉีชื่อออกมา หากเป็นเช่นนั้นเรื่องราวต่าง ๆ อาจไม่ง่ายอย่างที่วางแผนการไว้ จึงรีบชิงลงมือก่อนที่ชื่อนั้นจะถูกเอ่ยออกมา
ส่วนเรื่องการทำให้หญิงสาวตกใจนั้น เขามิได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น เพียงแต่เป็นผลพลอยได้ที่ไม่เลวเสียทีเดียว
หากแต่ชุนซิ่วมิได้รู้เรื่องราวเหล่านี้ด้วย นางคงรู้สึกอกสั่นขวัญหายยิ่งนัก ฟู่เสี่ยวกวนปลอบใจนางอยู่นานเลยทีเดียว
“ซิ่วเอ๋อร์ เจ้าจงมองดู ข้าเป็นผู้มีนิสัยโหดเหี้ยมอย่างนั้นหรือ ? ”
“ซิ่วเอ๋อร์เอ๋ย เขาผู้นั้นมิใช่คนดี เขาขโมยสูตรการปรุงเหล้าและขั้นตอนกลั่นสุราจากข้าเพื่อนำไปขายให้กับผู้อื่น”
“หะ ! จริง จริงหรือเจ้าคะ ?”
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง เจ้ามิเห็นประกาศของชีชื่ออย่างงั้นหรือ ? ”
“ถ้าเช่นนั้น ชีชื่อก็ได้ผลประโยชน์จากเขาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนนำมือไปลูบหัวชุนซิ่วแล้วเอยว่า “คุณชายของเจ้าฉลาดปราดเปรื่องเพียงนี้ จะให้เขาทำการเช่นนั้นได้อย่างไร บัดนี้ชีชื่อเละเสียไม่เป็นท่า ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้แล้ว”
ฟู่เสี่ยวกวนให้ผู้ดูแลจวนคนหนึ่งเข้ามาเก็บกวาดสถานที่ให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องแขนข้างนั้น เขายิ้มแล้วโยนไปให้สุนัขกิน
……
……
ตรอกฉือปาหลี่ยังคงมีผู้คนพลุกพล่านมากมาย เนื่องจากวันนี้คือวันที่สิบห้าเดือนแปด คือวันที่ร้านสุราชีชื่อประกาศขายสุราชนิดใหม่ อีกทั้งยังกล่าวว่ารสดีเทียบกับสุราเซียงเฉวียนและเทียนฉุน แต่ราคาถูกกว่ามากนัก
แน่นอนว่าบรรดาปัญญาชนอีกทั้งร้านค้าใหญ่หลายรายต่างให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ยิ่งนัก พวกเขาพากันคิดว่าเมื่อสุราของชีชื่อวางขาย และถ้าร้านสุราหยู๋ฝูจี้ยังไม่ปรับราคาลง คงต้องพบกับจุดจบในไม่ช้า
ฉ้ายซีหลงจู๊ของร้านหยู๋ฝูจี้กังวลใจอย่างยิ่ง หากแต่บัดนี้คุณชายอยู่ที่เรือนซีซาน เขาไม่อาจนำเรื่องนี้ไปปรึกษาได้ ในเช้าวันนี้เขาเดินทางมาแต่เช้าตรู่ ก็พบผู้คนจำนวนมหาศาลยืนรอต่อแถว ทำให้ในใจรู้สึกไม่สบายใจเท่าใดนัก
หยู๋ฝูจี้เปิดร้านเช่นกัน แต่กลับไม่มีผู้ใดเข้ามาแม้แต่คนเดียว
บรรดาลูกค้าล้วนไปรวมตัวกันที่หน้าร้านสุราชีชื่อ ซึ่งบัดนี้ยังไม่มีแม้แต่วี่แววจะเปิดร้านเสียที
วันนี้คือเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ สุราเป็นสิ่งที่ขาดมิได้
หากในวันนี้ร้านสุราชีชื่อเปิดจำหน่ายสุรา คาดว่าคงขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอน
เวลาผ่านไปหลายยาม แต่ประตูนั้นก็ยังคงปิดสนิทไม่มีท่าทีว่าจะเปิดออกแม้แต่น้อย
บางคนไม่สามารถอดทนรอได้ต่อไป จึงไปซื้อสุราจากร้านหยู๋ฝูจี้ แต่ผู้คนส่วนมากยังคงยืนรอต่อแถว เนื่องจากพวกเขาได้ยินมาว่าราคาของชีชื่อนั้นถูกกว่าหยู๋ฝูจี้มากนัก
ผ่านไปอีกกว่าหนึ่งโมงยาม ประตูบานนั้นยังคงไม่เปิดออก
บรรดาผู้คนที่ยืนรอเริ่มส่งเสียงดังโวยวาย
“ให้ตายเถอะ ชีชื่อหลอกลวงพวกเรางั้นหรือ ?”
“เป็นไปมิได้น่า! พวกเขาทุ่มเทป่าวประกาศมากกว่าสิบวันสิบคืนเชียวนะ”
“เช่นนั้นในเวลานี้เหตุใดถึงยังไม่เปิดร้านล่ะ นี่หมายความว่าอย่างไรกัน ?”
“หรือไม่……พวกเราไปซื้อที่หยู๋ฝูจี้กัน ?”
“พวกเจ้ารอต่อไปเถิด ข้ารอไม่ไหวแล้ว!”
“ข้าเห็นมากับตาว่าชีชื่อซื้อธัญพืชจำนวนมหาศาล หรือว่าสุราจะมีปัญหากัน ? ”
“หากเป็นเช่นนั้นก็ควรบอกตามตรงมิใช่หรือ เหตุใดจึงปิดประตูเงียบแล้วให้พวกเรายืนรอเช่นคนบ้าเยี่ยงนี่”
“……”
คนจำนวนไม่น้อยไปซื้อที่หยู๋ฝูจี้ เวลาต่อมาไม่นานสุราของร้านหยู๋ฝูจี้ก็ขายจนหมดสิ้น
ฉ้ายหลงจู๊นำเก้าอี้ออกมาตัวหนึ่งแล้วนั่งลงที่หน้าร้าน เขาไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่
จวบจนกระทั่งเวลาบ่าย บรรดาผู้คนที่ยืนรอจนไม่สามารถทนไหว พากันทุบประตูร้านสุราชีชื่อจนพัง พวกเขาพบว่าข้างในนั้นนอกจากสุราเหยาเซียงแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใดเลย
“คนโกหกหลอกลวง ! ”
“ทุบร้านนี้ทิ้งเสีย ! ”
“ข้าทนไม่ไหวจริง ๆ ! ”
ทำนองเพลงสายน้ำ
จันทร์สกาวเช่นนี้มีเมื่อใด ? ถือถ้วยสุราถามฟ้าคราม
ไม่ทราบว่าในวังสวรรค์คืนนี้เป็นปีใด
ข้าคิดจะเหินลมกลับไป แต่เกรงว่าวังงามดุจหยก สูงหนาวเสียจนทนมิได้
ไหนเลยจะเหมือนอยู่บนโลกมนุษย์
……
……
คนเรามีทุกข์ มีสุข มีพบ มีพราก จันทร์มีมืด มีสว่าง มีเต็ม มีเสี้ยว เป็นเช่นนี้มาแต่โบราณ มิอาจสมบูรณ์พร้อม
เพียงหวังผู้คนอายุยืนยาว แม้ห่างกันพันลี้ ร่วมกันชมจันทร์งาม
ต่งชูหลานร้องไห้ออกมา ทำให้เสี่ยวฉีตกใจยิ่ง และรีบเอ่ยว่า “คุณหนู เขาทำร้ายท่านหรือ ? ”
ต่งชูหลานกลั้นน้ำตาแล้วส่ายหน้า นางเงยขึ้นมองเสี่ยวฉีแล้วเอยว่า “เสี่ยวฉี บัดนี้ข้ามั่นใจว่าข้าชอบเขาเข้าเสียแล้วจริง ๆ ”
เขาเขียนเกี่ยวกับเรื่องอันใดกัน ?
เสี่ยวฉีกลืนน้ำลายแล้วกล่าวไปว่า “คุณหนูเจ้าคะ……งานกวีหลานถิง พวกเราควรออกเดินทางได้แล้ว”
“อย่าได้รีบร้อนไป ข้าขออ่านจดหมายฉบับนี้อีกเสียหน่อย”
ต่งชูหลานอ่านเนื้อความจดหมายอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ในสมองของนางนึกถึงเขาผู้นั้นขึ้นมา
เขากำลังทำปูนเพื่อช่วยสร้างบ้านให้แก่ชาวบ้าน เขาพยายามแก้ไขปัญหาผู้เดือดร้อนจากอุทกภัย จัดการปัญหาเกี่ยวกับธัญพืช เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจเช่นนี้ โดยไม่คำนึงถึงความสนุกสนานที่ชายหนุ่มวัยเดียวกันควรได้รับ
เมื่อตอนเขาเขียนจดหมายฉบับนี้คาดว่าคงเป็นเวลาดึกพอควร สามารถมองเห็นดวงจันทร์ส่องสว่างบนฟากฟ้า และเขียนจดหมายฉบับนี้แก่นางได้
เพียงหวังผู้คนอายุยืนยาว แม้ห่างกันพันลี้ ร่วมกันชมจันทร์งาม!
ข้าจะรอเจ้าเดินทางมายังเมืองหลวง หากไม่ได้ตามที่หวัง ข้าจะหนีตามเจ้าไป !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)