ตอนที่ 603 ผู้เจนโลก
วันนี้มิใช่งานประชุมใหญ่ราชวงศ์ ซูชานเยวี่ยจึงยังมิทราบว่าฟู่เจวี๋ยเยได้เป็นติ้งอันป๋อแล้ว
นั่งลงด้านหน้าโต๊ะน้ำชาในห้องพัก ซูชานเยวี่ยต้มเปียวเซียงหยุนวู่หนึ่งกา
ฟู่เสี่ยวกวนมองสำรวจซูชานเยวี่ยผู้นี้ สำหรับผู้อาวุโสในราชสำนักตนรู้จักอยู่หลายคน แต่ก็มีอีกจำนวนมากที่ยังมิได้ใกล้ชิด อย่างเช่นขุนนางแห่งศาลต้าหลี่ผู้นี้
ซูชานเยวี่ยอายุราว 40 ปีเห็นจะได้ รูปหน้าบาง คิ้วได้รูปอย่างโดดเด่น โก่งยาวราวกับอักขระเลขแปด เหมือนกระบี่สองด้ามที่วางไขว่กัน เป็นรูปลักษณ์ที่ตรึงตราของผู้คน มองดูแล้วช่างน่าเกรงขามมากยิ่งนัก
แต่ทว่าใบหน้าของซูชานเยวี่ยในยามนี้กลับไร้ท่าทีเคร่งขรึมดังที่กล่าวมาแม้แต่น้อย
เขายิ้มบาง ๆ และสนทนาราวกับเป็นสหายเก่าที่มิได้พบพานกันมาอย่างยาวนาน อยู่ ๆ เขาก็กล่าวขึ้นมาว่า “หากจะให้กล่าว ข้าเป็นขุนนางร่วมราชสำนักกับเจวี๋ยเยมาก็ปีกว่าแล้ว เดิมทีข้ามีความตั้งใจที่จะเข้าจวนฟู่ไปทักทายเจวี๋ยเยเนิ่นนานแล้ว แต่คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่ามิค่อยเหมาะสมนัก”
“ตัวตนของเจวี๋ยเยนั้นสูงส่งยิ่ง ข้าใคร่ครวญว่าหากไปหาท่านที่จวนจริง ๆ ก็เลี่ยงที่จะเป็นขี้ปากของผู้อื่นมิได้ คงคิดว่าข้าอยากตีสนิทกับเจวี๋ยเย… แต่ความจริงแล้ว ข้าเพียงอยากดื่มชาและสนทนากับเจวี๋ยเยเท่านั้น”
นี่คือผู้เจนโลก !
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะร่า “ท่านซูนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ กล่าวไปก็เป็นเหตุผลเดียวกัน ศาลต้าหลี่มีหน้าที่ดูแลกฎหมายของแคว้น คุณธรรมลึกล้ำถ่องแท้ในกฎ สืบค้นก่อให้เกิดความยุติธรรม เพียงท่านขยับตัวก็มีผู้คนจำนวนมากคอยจับจ้องแล้ว โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของฝ่ายลงทัณฑ์ หากพวกเขาทราบว่าท่านและข้ามาสนทนากันตามลำพัง เกรงว่าจะเกิดการยื่นฎีกามิไว้วางใจขึ้นมาอีกครา”
ดวงตาของซูชานเยวี่ยเป็นประกาย มิได้สนใจคำเอ่ยในครึ่งหลังของฟู่เสี่ยวกวนแม้แต่น้อย เขาสนใจเฉพาะประโยคที่ว่าคุณธรรมลึกล้ำถ่องแท้ในกฎ สืบค้นก่อให้เกิดความยุติธรรม
เขายิ้มน้อย ๆ รินชาให้กับฟู่เสี่ยวกวนหนึ่งจอก “คุณธรรมลึกล้ำถ่องแท้ในกฎ สืบค้นก่อให้เกิดความยุติธรรม… ยอดเยี่ยมยิ่ง ถ้อยคำเรียบง่ายแต่มีความหมายกระชับและบ่งบอกถึงลักษณะพิเศษของศาลต้าหลี่ได้ ฟู่เจวี๋ยเย ข้าอยากนำสองประโยคนี้มาทำเป็นแผ่นป้ายคำขวัญและห้อยไว้ที่ห้องโถงใหญ่ในศาลต้าหลี่ จะได้หรือไม่ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนชะงักค้างทันพลัน คำเอ่ยนี้ราวกับเป็นคำขวัญของมหาวิทยาลัยสักแห่งหนึ่งในชาติก่อน ตนเพียงเอ่ยออกมาลอย ๆ เท่านั้น ย่อมมิมีสิ่งใดมิสะดวกอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า ยกชาขึ้นจิบก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านซู เยี่ยงนั้นท่านก็ทูลขอให้ฝ่าบาทลงลายพระหัตถ์แปดอักขระนี้ด้วยพระองค์เองสิ แบบนั้นก็จะสะดวกกับการทำงานในภายภาคหน้าของศาลต้าหลี่ด้วยใช่หรือไม่เล่า ? ”
ซูชานเยวี่ยรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง ราวกับทหารกำลังชูกระบี่ขึ้น
“ย่อมดียิ่ง แต่เรื่องนี้คงต้องขอรบกวนท่านฟู่เจวี๋ยเยแล้ว”
“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น รบกวนอันใดกัน” ฟู่เสี่ยวกวนดื่มชาอีกหนึ่งอึก ลิ้มรสอย่างลึกซึ้ง “อืม ! ของดี สินค้าจากราชวงศ์อู๋…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ฟู่เสี่ยวกวนก็ชะงักค้างและรีบกล่าวขึ้นมาว่า “เอ่ยถึงราชวงศ์อู๋ ข้าเองก็ได้เปิดร้านที่เมืองกวนหยุนแห่งราชวงศ์อู๋ไว้เช่นกัน ประเดี๋ยวหลังจากที่ข้ากลับไปถึงจวนจะเขียนจดหมาย 1 ฉบับ ให้หลงจู๊ที่เมืองกวนหยุนส่งเปียวเซียงหยุนวู่มาสักเล็กน้อย หนึ่งมอบให้เหล่าพ่อตาได้ลิ้มรส สองมอบให้กับท่านซู”
ซูชานเยวี่ยตื่นตกใจยิ่ง หรือว่าเจวี๋ยเยท่านนี้มีเรื่องอันใดที่ต้องการให้ข้าช่วยเหลือกัน ?
เขาคือเจวี๋ยเยผู้ยิ่งใหญ่ มิมีความจำเป็นที่ต้องประจบเขาแต่อย่างใด !
นอกจากนี้ ด้วยภูมิหลังของอีกฝ่าย ในราชวงศ์หยูยังมีเรื่องใดที่เขาทำมิได้อีกกัน ?
หรือว่ามีเรื่องอันใดที่เขามิสามารถออกหน้าจัดการด้วยตนเองได้ ?
เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ซูชานเยวี่ยก็คิดไปเสียมากมาย
สามารถดำรงตำแหน่งเป็นขุนนางอยู่ที่ศาลต้าหลี่นี้ตอนอายุ 40 ปีได้ ซูชานเยวี่ยย่อมมิใช่ผู้อาวุโสที่หัวรั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)