ตอนที่ 61 งานกวีเทศกาลไหว้พระจันทร์
เมื่อตอนที่โจวเทียนโย่วกำลังวิพากษ์วิจารณ์ถึงฟู่เสี่ยวกวนอยู่นั้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้นมาจากด้านนอกศาลาไม้ “เจ้าคงว่างสินะ? คำพูดที่คนผู้นี้กล้ากล่าวออกมา พวกเจ้ากล้าเชื่อด้วยเยี่ยงนั้นรึ นี่คือการทำลายความบริสุทธิ์และทำลายชื่อเสียงของตัวบุคคล!”
ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้น และได้พบกับหญิงสาวที่ในยามนี้มีสีหน้าเย็นชาจรดปลายคิ้ว นางคือองค์หญิงเก้าหยูเวิ่นหวิน
โจวเทียนโย่วใจกระตุก เยี่ยนซีเหวินและคนอื่น ๆ ต่างก็ยืนขึ้น และโค้งคำนับให้แก่หยูเวิ่นหวิน
หยูเวิ่นหวินสะบัดเสียงเหอะก่อนจะเดินเข้ามา นั่งลงข้างกันกับต่งชูหลาน ใบหน้าเย็นชาก็พลันละลาย และยิ้มขึ้นมาทันที
“พระองค์เสด็จกลับมาตั้งแต่เมื่อใดเพคะ ? ” ต่งชูหลานเอ่ยถาม
“วันที่สิบสอง แต่เดิมน่าจะกลับมาถึงปลายเดือนเจ็ดต้นเดือนแปด แต่คิดมิถึงว่าฝนจะตกหนักไปตลอดสายแม่น้ำแยงซี น้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นจนมิสามารถเดินเรือได้ จึงทำให้ล่าช้าไป”
หลังจากที่หยูเวิ่นหวินอธิบายกับต่งชูหลานแล้วก็หันมองทุกคน “ครานี้ข้าได้ติดตามเสด็จแม่ประพาสไปยังเมืองเกิด และได้พำนักชั่วคราวที่หลินเจียง คืนนั้นเสด็จแม่ได้เชิญผู้มีชื่อเสียงแห่งหลินเจียงมาร่วมงาน ที่หลินเจียงซ่างหลินโจว และได้เชิญฟู่เสี่ยวกวนมายังอาคารเล็กที่จวนเสียนชินอ๋อง ณ ซ่างหลินโจว เสด็จแม่ได้ให้โจทย์เขาแต่งกลอนตุ้ยเหลียนหนึ่งบทให้แก่อาคารใหม่ นี่ง่ายดายสินะ ให้ข้าทดสอบพวกเจ้าสิ”
ต่งชูหลานมองหยูเวิ่นหวินด้วยความประหลาดใจ ฟู่เสี่ยวกวนได้กล่าวถึงเรื่องที่ซ่างหลินโจวไว้ในจดหมายแล้ว แต่มิได้พูดถึงกลอนตุ้ยเหลียนเลยแม้แต่น้อย คิดว่าเขาต้องรู้สึกว่าเรื่องนี้มิสำคัญอันใด มาฟังว่าหยูเวิ่นหวินจะกล่าวถึงเยี่ยงไร
“เพียงฟู่เสี่ยวกวนจับพู่กันก็ประพันธ์กลอนตุ้ยเหลียนออกมาได้ มิมีผู้ใดกล้าลบล้างได้แม้แต่อักษรเดียว ข้าจะแสดงโคลงแรกให้เห็น และพวกเจ้าก็ต่อโคลงต่อไป”
“ฝ่าบาทโปรดแสดงโคลงแรกพ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยนซีเหวินคำนับและกล่าว
กลอนตุ้ยเหลียนเมื่อเทียบกับบทกวีแล้วง่ายดายกว่านัก เยี่ยนซีเหวินมิรู้สึกว่าเรื่องนี้จะยากถึงเพียงนั้น เมื่อได้ฟังความหมายขององค์หญิงเก้า ที่ชื่นชมฟู่เสี่ยวกวนอย่างถึงที่สุด เยี่ยงนั้นข้าจะต่อโคลงที่ดียิ่งกว่าให้ เพื่อจะได้หักหน้าฟู่เสี่ยวกวน
“ฟังให้ดี โคลงแรกมีอยู่ว่า มองดูเจียงโหลว มองดูแม่น้ำเจียง มองดูแม่น้ำเจียงไหลไปอยู่บนเจียงโหลว เจียงโหลวนิรันดร์ แม่น้ำเจียงนิรันดร์ เป็นคู่ครองกันนับพันปี และใช่ ให้เวลาพวกเจ้า 1 ก้านธูป ฟู่เสี่ยวกวนใช้เวลาคิดเพียง 7 ย่างก้าวในการต่อโคลงเท่านั้น หากพวกเจ้าสามารถต่อโคลงได้ภายในเวลา 1 ก้านธูป ข้าจะยอมรับว่าฟู่เสี่ยวกวนไร้ความสามารถ หากพวกเจ้าต่อไม่ได้ เจ้าที่กล่าวถึงผู้อื่นลับหลังเสีย ๆ หาย ๆ ต้องขอโทษฟู่เสี่ยวกวน”
หยูเวิ่นหวินชี้ไปทางโจวเทียนโย่ว โจวเทียนโย่วกลัวจนตัวสั่น เป็นเยี่ยงนี้ ข้ามิสามารถต่อโคลงนี้ได้ !
ต่งชูหลานเหลือบมองหยูเวิ่นหวินโดยตั้งใจและมิตั้งใจ นางทราบว่าหยูเวิ่นหวินอยากจะแต่งตั้งให้ฟู่เสี่ยวกวนเป็นราชบุตรเขย แน่นอนว่านั่นย่อมมิมีทางเกิดขึ้นเป็นแน่ หากฟู่เสี่ยวกวนได้เป็นพระราชบุตรเขย เขาก็มิสามารถจะตบแต่งได้แม้แต่อนุ แล้วตนเองจะต้องทำเยี่ยงไร?
โชคดีนักที่ฟู่เสี่ยวกวนชอบพอข้า เพียงแต่คู่ต่อสู้นี้ จะต้องต่อกรเยี่ยงไร ?
เยี่ยนซีเหวินเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
เขาที่ได้ยินโคลงนี้ก็ตกตะลึง โคลงแรกมีทั้งหมด 21 ตัวอักษร เขียนรวมอาคารและแม่น้ำเข้าด้วยกัน คิดตามได้ว่าอาคารเล็กนั้นมีนามว่าหอวั่งเจียงโหลว ยืนบนอาคารนั้นสามารถมองเห็นสายน้ำไหลของแม่น้ำได้
และเจียงโหลวนิรันดร์ แม่น้ำเจียงนิรันดร์ เป็นคู่ครองกันนับพันปีนั้นก็หมายความว่าอาคารนี้จะคงอยู่ตลอดไป เหมือนกับสายน้ำที่ไหลในแม่น้ำแยงซี
นิ่งสงบและเคลื่อนไหว มีทั้งฉากและอารมณ์ ทั้งยังมีการใช้คำซ้ำ ชายผู้นั้นสามารถประพันธ์กลอนตุ้ยเหลียนได้ภายใน 7 ย่างก้าว เขาประพันธ์โคลงแรกขึ้นมาได้เยี่ยงไรกัน?
ภายในศาลาไม้ยามนี้ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตก นอกจากหยูเวิ่นหวิน คนอื่น ๆ ก็ยังคงครุ่นคิดด้วยคิ้วที่ขมวดนิ่ว
แต่สิ่งที่จางเหวินฮั่นกำลังนึกถึงกลับเป็นชายผู้นั้น ชาติชั่ว หากรู้แต่เนิ่น ๆ จะมิกล่าวถึงคนผู้นี้
เวลา 1 ก้านธูปจึงผ่านไปทั้งเยี่ยงนี้ มิมีผู้ใดสามารถต่อออกมาได้
“ยามนี้ เจ้าต้องขอโทษฟู่เสี่ยวกวนต่อหน้าพวกข้าทุกคน !”
โจวเทียนโย่วก้มหน้าและยืนขึ้น ใบหน้าแดงก่ำ ละอายแก่ใจอย่างยิ่ง
“ข้า โจวเทียนโย่ว ได้กล่าวให้ร้ายฟู่เสี่ยวกวนลับหลัง ซึ่ง… มิให้ความเคารพอย่างยิ่ง คุณชายฟู่มีพรสวรรค์ยิ่ง โจวเทียนโย่วละอายใจยิ่งนัก!”
“เจ้ากล่าวได้จริงใจนัก เรื่องนี้ข้าจะปล่อยผ่านเจ้าไป คราวหลังก็จดจำไว้ให้ดี”
หยูเวิ่นหวินพึงพอใจอย่างยิ่ง เยี่ยนซีเหวินเอ่ยถามขึ้นมา “ขอบังอาจทูลฝ่าบาท เขาประพันธ์โคลงต่อไว้เยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ?”
“พวกเจ้าต้องคิดเอาเอง ! ”
“ชูหลาน พวกเราไปกันเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)