ตอน ตอนที่ 638 ดื่มสุราและสนทนาการเกษตร จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 638 ดื่มสุราและสนทนาการเกษตร คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 638 ดื่มสุราและสนทนาการเกษตร
“สุรา สุรา… เอาสุรามาอีก เร็วเข้า…”
รสชาติเผ็ดร้อนในปากของซือหม่าเช่อแทบจะระเบิดออกมา ใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ หน้าผากเรียบเนียนมีเม็ดเหงื่อผุดซึมออกมา
มันมีอานุภาพราวกับไฟร้อนแรงที่แผดเผาตั้งแต่ลิ้นไปจนถึงกระเพาะอาหาร
เสี่ยวซิงเอ๋อร์รีบเข้ามารินสุราให้นางหนึ่งจอกทันที ซือหม่าเช่อดื่มมันลงไปรวดเดียวจนหมดจอกท่ามกลางสายตาตกตะลึงของฟู่เสี่ยวกวนและหยุนซีเหยียน
นางแลบลิ้นออกมาแล้วพ่นลมหายใจดัง แฮ่กแฮ่ก แต่ทว่าสีหน้ายังคงแสดงออกว่ามิยอมแพ้ “ก็แค่ ซี๊ด…กินเผ็ดมิใช่หรือเยี่ยงไร ? แค่กแค่กแค่ก…ข้าทำได้อยู่แล้ว ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างขบขัน ช่างเป็นสตรีที่มิยอมผู้ใดเลยจริง ๆ อืม… น่าสนใจ
เขาลุกขึ้นรินน้ำชาให้ซือหม่าเช่อหนึ่งถ้วย “ค่อย ๆ ดื่ม อย่าฝืนไปเลย”
“ขอบคุณท่านมากยิ่งนัก…แต่บางเรื่องก็จำเป็นต้องฝืน”
หยุนซีเหยียนปรบมือ “น้องซือหม่ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว คนมีคุณธรรมจะกระทำสิ่งที่พึงกระทำและละวางสิ่งที่พึงละวาง หากเพียงแค่หม้อไฟยังทนกินมิได้ แล้วจะไปทำอันใดเพื่อใต้หล้าได้กันเล่า ? มามามา ข้าขอดื่มให้น้องซือหม่าหนึ่งจอก ! ”
ซือหม่าเช่อเผ็ดเสียจนน้ำตาแทบไหล นางจึงรีบยกจอกสุราขึ้นอย่างมิเกรงใจ “สามจอก ! ”
“ช่างเด็ดขาดเสียจริง บัดนี้ข้าเชื่อมากยิ่งนัก ว่าท่านจะติดอยู่ในห้าอันดับแรกอย่างแน่นอน ! ”
ใบหน้าของซือหม่าเช่อแดงเรื่อขึ้นมาอีกครา โชคดีที่เดิมทีก็แดงอยู่แล้ว นางแอบส่งสายตาไปทางฟู่เสี่ยวกวนและเขาก็กำลังแอบหัวเราะเยาะนางอยู่
บทความนั้นมิแน่ว่าอาจจะได้เข้าไปถึงรอบห้าคนสุดท้าย
แต่หากแม่นางผู้นี้จะเป็นขุนนางก็ต้องขจัดความมิสะดวกให้นางเสียก่อน…การปลอมตัวเป็นชายเช่นนี้ในหนังสือนิยายก็มีให้เห็นถมเถไปมิใช่หรือ ? แต่ท้ายที่สุดแล้วก็มิอาจทำสิ่งใดได้สะดวก มองดูแล้วเขาคงจะต้องหาเวลาเข้าไปในพระราชวังเพื่อทูลฝ่าบาทว่าสตรีก็สามารถเป็นขุนนางได้เช่นกัน
เมื่อสุราสามจอกไหลลงกระเพาะ หยุนซีเหยียนก็เริ่มเอ่ยวาจาอย่างมีหลักการ
“หากจะว่าไปแล้วเรื่องที่มาของหม้อไฟนี้ แรกเริ่มถือกำเนิดขึ้นที่หยูโจวเป็นสิ่งที่คนลากเรือในแม่น้ำแยงซีคิดค้นขึ้นมาเนื่องจากค่อนข้างสะดวกในการกิน จากนั้นก็ค่อย ๆ แพร่ไปตามถนนสองสายของเจี้ยนหนานซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นอาหารขึ้นชื่อของเจี้ยนหนานไปแล้ว”
เขาหยุดลงชั่วครู่ คีบผ้าขี้ริ้วใส่จาน แล้วเอ่ยต่อว่า “จะว่าไปแล้วที่ว่อเฟิงเต้าก็เหมาะแก่การกินหม้อไฟมากยิ่งนัก สภาพอากาศที่นั่นมืดครึ้มและหนาวเย็น หากน้องซือหม่าสามารถไปยังว่อเฟิงเต้าได้จริง ๆ ข้าขอเอ่ยกับท่านตรงนี้เลยเลยว่า ของสิ่งนี้สามารถกำจัดความหนาวเย็นได้เป็นอย่างดี และยังมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อร่างกายอีกด้วย”
“พี่หยุนเคยไปว่อเฟิงเต้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยถามด้วยความสงสัย หยุนซีเหยียนส่ายศีรษะ
“ตระกูลข้าทำการค้าเกี่ยวกับงานเย็บปักถักร้อยที่มีชื่อเสียงในเขตเฉิงตู เคยมีพ่อค้ารังไหมมาจากว่อเฟิงเต้าคนหนึ่ง ข้าเองก็เพียงได้ยินเขาเล่าให้ฟังเท่านั้น”
“เย็บปักถักร้อยเยี่ยงนั้นหรือ ? หยุนเมิ่งจิ่นซิ่วเกี่ยวข้องกับตระกูลท่านหรือไม่ ? ” ซือหม่าเช่อเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ ฝ่ายหยุนซีเหยียนยิ้มออกมาเล็กน้อย “หยุนเมิ่งจิ่นซิ่วก็คือกิจการของตระกูลข้าเอง”
ซือหม่าเช่ออ้าปากค้าง ส่วนฟู่เสี่ยวกวนมิเข้าใจถึงได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า “มีชื่อเสียงมากเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ซือหม่าเช่อพยักหน้า “งานเย็บปักถักร้อยที่เลื่องชื่อทั้งสี่แห่งราชวงศ์หยู หยุนเมิ่งจิ่นซิ่วนับว่าเป็นหนึ่งในนั้น…”
“อ่า…” ฟู่เสี่ยวกวนแสร้งพยักหน้าเสมือนเข้าใจ แล้วเอ่ยถามต่อว่า “การเลี้ยงหนอนไหมรุ่งเรืองยิ่งในเมืองสู่ อีกทั้งยังเป็นดินแดนแห่งการทอผ้าไหมซึ่งใกล้เคียงกับเจียงหนาน แต่เหตุใดถึงยังต้องหาซื้อวัตถุดิบจากว่อเฟิงเต้าอยู่อีกกัน ? ”
ด้วยวิธีการนี้จึงจะสามารถสร้างห่วงโซ่ผลผลิตตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายได้ ในฐานะนายอำเภอ ต่อให้วัน ๆ ข้าเอาแต่ดื่มชามิทำอันใดก็สามารถรับประกันความเจริญรุ่งเรืองของผู้คนและความพึงพอใจของพ่อค้าได้ ง่ายมากเลยใช่หรือไม่ ! ”
ซือหม่าเช่อเมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
“นี่นี่นี่ สิ่งที่ท่านกล่าวมาจะถือว่าเป็นความคิดของท่านคนเดียวมิได้ เดิมที…ข้าเองก็คิดเช่นนี้ ! ตระกูลข้ายึดอาชีพถักทอเป็นหลัก หากข้าได้เป็นนายอำเภอ กิจการของตระกูลก็จำเป็นต้องนำไปดำเนินการต่อยังเขตที่ข้าดูแลอยู่ด้วย ! ”
หยุนซีเหยียนหัวเราะ หึ ! แล้วหยิบขวดสุรารินให้แก่ทุกคน “ท่านเป็นเดือดเป็นร้อนอันใดกัน ? หากข้าถูกติ้งอันป๋อส่งไปยังฉีโจว ข้าคงมิเลือกทำการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเป็นอันดับแรกหรอกนะ”
“แล้วท่านคิดว่าจะลงมือทำเรื่องอันใดก่อนเล่า ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ช่างน่าสนใจยิ่ง แนวคิดของหยุนซีเหยียนมีความละเอียดชัดเจนเป็นระบบระเบียบ สิ่งที่เขากล่าวออกมานั้นมิใช่เพียงแค่การเอ่ยลอย ๆ เท่านั้น แต่สามารถนำไปใช้ได้จริง !
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เขาสามารถนำห่วงโซ่ทางอุตสาหกรรมมาเชื่อมโยงกันได้ ความคิดนี้ช่างมีค่ามากจริง ๆ
“ผ้าไหมนั้นมีราคาสูงจนเกินไป ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปมิอาจจับต้องได้ พวกเขายังคงใช้ผ้าลินินเป็นหลัก ที่ฉีโจวนั้นเป็นแหล่งผลิตลินิน เดิมทีก็เป็นสถานที่ผลิตผ้าลินินที่สำคัญที่สุดในแคว้นอี๋อยู่แล้ว”
เขาเดินหยิบขวดสุรากลับมาแล้วนั่งลงข้าง ๆ ฟู่เสี่ยวกวน “หากเป็นที่ฉีโจว ข้ามิจำเป็นต้องปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่ออกคำสั่งให้ชาวบ้านในเขตการปกครองปลูกและเก็บใยลินินก็สามารถดึงดูดพ่อค้าผ้ามากมายให้เดินทางมาร้องขอการก่อตั้งโรงงานได้แล้ว เพียงแค่นโยบายนี้ข้าก็สามารถร้องเพลงกินหม้อไฟใช้ชีวิตอย่างสำราญได้แล้ว”
“ท่าน… ! ” ซือหม่าเช่อจ้องมองหยุนซีเหยียนตาเขม็ง “หากมิทำการเพาะปลูกแล้วท่านจะให้ชาวบ้านกินอันใด ? ”
“ฮ่าฮ่า เพาะปลูกเยี่ยงนั้นหรือ ? ” หยุนซีเหยียนยกจอกสุราขึ้น “น้องซือหม่า หากมองจากสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ การทำนาหรือเพาะปลูก…เป็นเรื่องของว่อเฟิงเต้า ที่แห่งนั้นสามารถให้ผลผลิตได้มากกว่าที่อื่นถึงสองเท่า แล้วจะนำข้อด้อยของตนไปสู้กับข้อดีของผู้อื่นเนื่องด้วยเหตุอันใดกันเล่า ? ”
เมื่อกล่าวจบหยุนซีเหยียนก็ตบไปที่ไหล่ของฟู่เสี่ยวกวนเบา ๆ “พี่ฟู่ ที่ว่อเฟิงเต้านั้นเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมเสียทีเดียว ยังมีอันใดให้ทำอีกมากมาย ! ดังนั้นท่านจะต้องสอบชิวเหวยปีนี้ให้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็หาทางไปยังว่อเฟิงเต้าเสีย แล้วพวกเราจะดื่มฉลองความสำเร็จด้วยกันที่นั่นพร้อมกับวางแผนอนาคตอันงดงามด้วยกัน ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)