นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 640

ตอนที่ 640 โลงศพโลงหนึ่ง

“ท่านดื่มสุรามากเช่นนี้มิดีต่อสุขภาพเอาเสียเลย ! ”

เยี่ยนเสี่ยวโหลวเดินถือซุปแก้เมาค้างเข้ามาในศาลาเถาหรานหนึ่งถ้วย นางกล่าวกับฟู่เสี่ยวกวนที่นั่งอยู่ด้านในด้วยท่าทีจริงจัง

ฟู่เสี่ยวกวนจึงหัวเราะร่าออกมา “ฮูหยิน ข้ามิอาจทำได้ดั่งใจต้องการหรอก”

เยี่ยนเสี่ยวโหลวเบ้ปากแล้ววางถ้วยซุปไว้เบื้องหน้าฟู่เสี่ยวกวน “เช่นนั้นท่านก็ดื่มให้น้อยลงหน่อยมิได้หรือ ? บัดนี้ท่านอายุยังน้อยคงยังมิเป็นอันใดหรอก แต่ยามชรา…ท่านกล่าวไว้ว่าจะพาพวกเราไปท่องเที่ยวทั่วหล้ามิใช่หรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนเอื้อมมือไปจับมือของเยี่ยนเสี่ยวโหลวเอาไว้ แล้วดึงร่างนางเข้ามาไว้ในอ้อมอก “ข้าจำได้…รอให้เรือสร้างเสร็จเมื่อใด ข้าจะพาพวกเจ้าล่องเรือออกทะเล ! ให้พวกเจ้าได้พบเจอกับท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ! ”

เยี่ยนเสี่ยวโหลวรู้สึกเขินอายจนหน้าขึ้นสีแดง นางเอ่ยถามเบา ๆ ว่า “ทะเลอันกว้างใหญ่เป็นเยี่ยงไรหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “สุริยาจะอยู่ตรงสุดขอบอีกด้านหนึ่งของทะเล บางครามันก็ช่างเงียบสงบดุจกระจกเงา แต่บางคราก็ดุเดือดราวกับวันสิ้นโลกกำลังจะมาเยือน…”

ในขณะที่ฟู่เสี่ยวกวนกำลังกล่าวถึงท้องทะเลอันกว้างใหญ่อยู่นั้น เซวี๋ยเอ๋อร์ก็ได้วิ่งตรงเข้ามา

ท่าทางของนางดูรีบเร่งยิ่ง เมื่อมองเห็นภาพตรงหน้านางก็รีบก้มหน้าลงทันที แต่ก็ได้ขัดจังหวะของฟู่เสี่ยวกวนไปเสียแล้ว

เยี่ยนเสี่ยวโหลวลุกขึ้นยืน ฟู่เสี่ยวกวนยกซุปขึ้นดื่มสองสามอึกแล้วเอ่ยถามว่า “มีเรื่องอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“หลี่เจิ้งผู้เฝ้าประตูได้มอบจดหมายให้ข้าน้อยมาหนึ่งฉบับ กล่าวว่าจะต้องส่งให้ถึงมือคุณชายด้วยตนเอง ดูท่าทางเร่งรีบมากยิ่งนักเจ้าค่ะ”

ฟู่เสี่ยวกวนรับจดหมายมาเปิดอ่าน พบว่าด้านบนมีเพียงสามตัวอักษรเท่านั้น ‘หง ซิ่ว จาว ! ’

ที่มุมของจดหมายมีรูปมดอยู่หนึ่งตัว หมายความว่านี่คือจดหมายจากฝูงมด

เขาขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น มองขึ้นไปยังท้องนภาเห็นดวงดารากำลังส่องแสงเจิดจรัส บัดนี้เป็นยามห้ายแล้ว

เวลาเช่นนี้มาเรียกให้ข้าไปยังหงซิ่วจาว…มีเรื่องอันใดกันแน่ ?

เขาเก็บจดหมายฉบับนั้นลงแล้วเอ่ยถามว่า “ฮูหยินต่งไปที่ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“เรียนคุณชาย ฮูหยินกลับไปที่จวนต่งคาดว่าจะกลับมาในอีกมิช้าเจ้าค่ะ”

“อืม…มีผู้ใดไปกับนางบ้าง ? ”

“แม่นางซูโหรวเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้นฟู่เสี่ยวกวนถึงได้วางใจลง จากนั้นก็มองไปทางเยี่ยนเสี่ยวโหลวแล้วกล่าวอย่างติดขัดว่า “ฮูหยิน ข้าต้องออกไปอีกแล้วแต่มิใช่ไปดื่มสุราหรอกนะ”

เรื่องที่ฟู่เสี่ยวกวนมีธุระมากมายให้ต้องจัดการนั้น เยี่ยนเสี่ยวโหลวรู้ดี นางจึงมิได้ทำตัวถ่วงเวลาของเขาอีกต่อไป เพียงแต่กล่าวออกมาหนึ่งประโยคว่า “รีบไปรีบกลับ ! ”

“อืม”

ฟู่เสี่ยวกวนดื่มซุปถ้วยนั้นจนหมด ฝ่าเท้าของเขาดูเบาหวิว ส่วนเซวี๋ยเอ๋อร์ก็ได้รีบวิ่งเข้าไปยังเรือนซีเซวี๋ยเพื่อเรียกสวี่ซินเหยียน ด้านฟู่เสี่ยวกวนเดินเข้าไปในจวนหลักเพื่อสนทนากับหยูเวิ่นหวินอีกสองสามประโยค จากนั้นก็นั่งรถม้าออกไปจากจวนฟู่ทันที

ขณะเดียวกันต่งชูหลานกำลังนั่งอยู่ในห้องอักษรของจวนต่ง นางกำลังต้มชาให้ต่งคังผิงผู้เป็นบิดา

“มองผ่านม่านครึ่งผืนเห็นไผ่เขียว มีเพียงหัวใจของข้าที่บริสุทธิ์ดุจสายน้ำ

ความมั่งคั่งเปรียบดั่งฝัน ทุกสิ่งล้วนเป็นภาพมายา มิว่าเยี่ยงไรโลกก็ยังไร้ความปรานี”

ต่งคังผิงยกมือขึ้นลูบเครายาวแล้วจ้องมองกระดาษที่อยู่ในมือเขม็ง “เจ้าอย่าได้คิดมากไปเลย คงเป็นเพราะเมื่อสองวันก่อนเจ้าหมอนั่นได้ทำเรื่องหนึ่งลงไป เกรงว่าจะขัดต่อพระประสงค์ของฝ่าบาท”

ต่งชูหลานตกตะลึงขึ้นมาทันพลัน “เรื่องอันใดหรือเจ้าคะ ? ”

“เขาต้องการช่วยนักโทษที่ต้องโทษประหารชีวิตออกมา”

“…” ต่งชูหลานคิดถึงผู้คนมากมายในเวลาเพียงชั่วอึดใจ นางสูดหายใจเข้าลึก คงลืมไปเสียแล้วว่าน้ำต้มชาเดือดเสียจนทำให้ชาเข้มข้นกว่าที่ควรแล้ว

“เรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเล็กก็เล็ก จากที่พ่อมองแล้ว เรื่องนี้มิใช่เรื่องใหญ่โตอันใด”

“แต่พวกเขาเป็นคนในตระกูลกบฏนะเจ้าคะ ! ”

“บุคคลที่ก่อเหตุนั้นจับได้แล้ว ส่วนพวกเขาเหล่านี้… นอกจากสีฉวินเหมยแล้ว เกรงว่าฝ่าบาทจะมิทรงเห็นอยู่ในสายพระเนตรเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างคือบัดนี้นโยบายใหม่ของราชวงศ์หยูได้มีการใช้อย่างแพร่หลายแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนในฐานะผู้รับผิดชอบหลัก หากเกิดอันใดขึ้นกับเขาเกรงว่านโยบายนี้จะหยุดชะงักลง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)