ตอนที่ 648 สตรีในฐานะข้าราชการ
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ วันที่สิบสาม เดือนห้า
การให้คะแนนของกั๋วจื่อเจี้ยนเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ฟู่เสี่ยวกวนใช้เวลา 3 วันเต็ม ๆ ในการอ่านแบบทดสอบราว 3,000 ฉบับที่กั๋วจื่อเจี้ยน เพื่อเลือกแบบทดสอบที่ได้คะแนนสูงออกมา
เขาคัดออกไปอีก 1.800 ฉบับ แล้วเลือกจากในนั้นมา 1,200 ฉบับ
ในบรรดาทฤษฎีนโยบายกว่า 1,200 ฉบับนั้น พบว่าบทความของซือหม่าเช่อได้คะแนนอยู่ในอันดับที่สี่ !
เมื่อเปิดดูรายชื่อ ฟู่เสี่ยวกวนก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าหยุนซีเหยียนได้อันดับที่หนึ่ง !
เจ้าหมอนี่มีพรสวรรค์อย่างน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะด้านความรู้ทางการค้าอันเป็นเอกลักษณ์ ฟู่เสี่ยวกวนจึงตัดสินใจให้เขาคอยติดตามอยู่ข้างกาย หลังจากมีการจัดตั้งสำนักงานเลขาธิการขึ้นที่ว่อเฟิงเต้าแล้ว ก็จะให้เขาดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการคนแรกโดยมีชืออีหมิงและพรรคพวกเป็นผู้ช่วย
ปัญหาตอนนี้คือซือหม่าเช่อ
นางเป็นสตรี มิใช่ว่าฟู่เสี่ยวกวนมีความลำเอียงต่อสตรีแต่อย่างใด แต่ทว่าใต้หล้านี้อาจจะมิยอมรับนาง
การปลอมตัวเป็นผู้บุรุษนั้นใช่ว่าจะทำมิได้ แต่นั่นมิใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีในระยะยาว ดังนั้น…เรื่องนี้สมควรหารือกับฝ่าบาท
“ลำบากพวกท่านมาหลายวันแล้ว ในวันพรุ่งนี้ข้าจะนำรายชื่อเหล่านี้ขึ้นทูลต่อฝ่าบาท รอให้ได้รับราชโองการแล้วค่อยเรียบเรียงรายชื่อและตำแหน่งกันอีกที”
ฟู่เสี่ยวกวนทำความเคารพต่อขุนนางที่กั๋วจื่อเจี้ยนเหล่านี้ ฝ่ายซ่างกวนเหวินซิ่วและขุนนางท่านอื่นตอบกลับว่า
“ติ้งอันป๋อเกรงใจกันเกินไปแล้ว นี่คือการเลือกคนเพื่อราชสำนัก ย่อมเป็นสิ่งที่ข้าพึงกระทำ”
หลังจากกล่าวลากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ออกจากกั๋วจื่อเจี้ยน บัดนี้ท้องนภาเริ่มมืดแล้วจึงได้ปรากฏจันทราลอยเด่นอยู่ทางทิศตะวันออก
……
……
ณ วังเตี๋ยอี๋
ตะเกียงไฟถูกจุดจนสว่างขึ้นแล้ว
ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางมาอย่างกะทันหัน คาดมิถึงว่าองค์หญิงสามและพระสนมหนิง เสด็จแม่ของนางก็ประทับอยู่ที่นี่ด้วย
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปทางฟู่เสี่ยวกวน “วันนี้ฮองเฮาซั่งลงมือปรุงอาหารด้วยตนเอง จมูกของเจ้าช่างไวเสียจริง”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะแล้วทำความเคารพฮ่องเต้กับพระสนมหนิง “ช่วงนี้ปากของกระหม่อมมักอยากลิ้มรสอาหารฝีมือฮองเฮาอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าก็มิมีโอกาสได้มาเข้าเฝ้าฮองเฮาเลย มินึกเลยว่าวันนี้จะมาถูกเวลา นี่เป็นลาภปากของกระหม่อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปที่เขาแล้วตรัสถามว่า “จัดการเรื่องสอบเอินเคอเสร็จแล้วหรือ ? ”
“เสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ รายชื่อจะถูกเรียบเรียงหลังจากที่ฝ่าบาทได้ตรวจสอบในวันพรุ่งนี้เสร็จแล้ว”
“อืม…” ฝ่าบาทขยับพระพักตร์ว่าเข้าพระทัยแล้ว “เมื่อวานนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในเมืองหลวง ซูชานเยวี่ยผู้นำแห่งศาลต้าหลี่ออกคำสั่งให้จับกุมตัวขุนนางฝ่ายลงทัณฑ์ราว 10 คน” เมื่อตรัสจบก็เงยพระพัตร์ขึ้น พบว่าฟู่เสี่ยวกวนมีอารามประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
“โดยการนำของหวงจ้งส่งผลให้ข่าวลือเกี่ยวกับเจ้าแพร่กระจายไปทั่วทั้งราชสำนัก”
ฟู่เสี่ยวกวนแบมือออก “กระหม่อมขังตนเองอยู่ที่กั๋วจื่อเจี้ยน 3 วันเต็มจึงมิทราบเรื่องนี้อย่างแท้จริง… ตาเฒ่าหวงจ้งใส่ความกระหม่อมว่าเยี่ยงไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ ? ”
ฝ่าบาทแย้มพระสรวล “เขากล่าวว่าหากอำนาจอยู่ในมือข้าราชการ แผ่นดินก็จะมิใช่แผ่นดิน”
ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วสงสัย “ถ้าเช่นนั้นสิ่งที่ซูชานเยวี่ยกระทำก็ถูกต้องแล้ว ฝ่าบาทเห็นว่าเป็นเยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“แน่นอนว่าข้านั้นมั่นใจในตัวเจ้า ทว่าตั้งแต่มีการก่อตั้งฝ่ายลงทัณฑ์ขึ้นมา ก็ดูเหมือนว่าหน้าที่หลักของพวกเขาคือกระจายข่าวเล่าลือไปเสียแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องเล็กน้อยไร้ภัยอันตราย ในวันพรุ่งเจ้าก็ไปที่ศาลต้าหลี่แล้วให้ซูชานเยวี่ยปล่อยตัวพวกเขาเสีย พวกเขาย่อมสำนึกถึงหนี้บุญคุณของเจ้าในครานี้และจะมิสร้างปัญหาให้กับเจ้าอีกในภายหลัง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)