ตอน ตอนที่ 658 สมญานามในแง่ร้าย จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 658 สมญานามในแง่ร้าย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 658 สมญานามในแง่ร้าย
หยุนซีเหยียนคาดมิถึงอย่างแท้จริง ว่าสหายฟู่ที่หวังจะชักชวนไปเลี้ยงหม้อไฟในเย็นวันนี้จะกลายเป็นติ้งอันป๋อไปเสียได้ !
เรื่องนี้ทำให้เขาตื่นตกใจเสียจนปัสสาวะแทบราด
ในวันนั้นเขาได้ทำเป็นเสี้ยมสอนติ้งอันป๋อโดยมิรู้สึกละอาย เขาได้ทำอวดเก่งต่อหน้านักปราชญ์เข้าเสียแล้ว !
หยุนซีเหยียนมั่นใจมาโดยตลอดว่าสายตาของตนมิเคยมองคนผิด แต่ทว่าเขากลับมองติ้งอันป๋อผิดไปมากโข
ทว่าจะโทษหยุนซีเหยียนฝ่ายเดียวก็มิได้เช่นกัน เพราะทุกสิ่งที่เขารับรู้เกี่ยวกับติ้งอันป๋อผู้เลื่องชื่อลือนามคือการสวมอาภรณ์หรูหราและมีผู้คนล้อมหน้าล้อมหลังมิใช่หรือ ?
มิได้เป็นดั่งดวงดาราที่สุกสกาวอยู่บนท้องนภา ที่สามารถทำได้เพียงแค่ทอดมองจากที่ไกลแสนไกลหรอกหรือ ?
มิใช่ว่าเป็นบุรุษที่มีความฮึกเหิมและมากความสามารถ ผู้ครองที่ดินกว่าพันจ้าง ผู้ที่มีความมุ่งมั่นปรารถนา และคนแปลกหน้ามิอาจเข้าถึงได้หรอกหรือ ?
ทันใดนั้นหยุนซีเหยียนก็หวนนึกถึงการพบพานโดยบังเอิญที่สำนักศึกษาในครานั้น บุรุษผู้นั้นยืนอยู่หน้าประตูสำนักศึกษา แต่งตัวแสนธรรมดา แต่ให้ความรู้สึกเป็นมิตรแผ่ซ่านออกมาจากเรือนร่าง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาคิดว่าบุรุษผู้นั้นทำข้อสอบได้มิดีเท่าที่ควร เขาจึงอยากผูกมิตรเอาไว้ เพื่อที่จะได้มีสหายไปร่วมกินหม้อไฟด้วยกันสักมื้อก็เท่านั้นเอง
คาดมิถึงเอาเสียเลย !
ก็อีกฝ่ายเป็นในแบบที่มิตรงกับติ้งอันป๋อในความคิดของตนเองเลยสักนิด !
หนังสือรวมบทกวีของฟู่เสี่ยวกวนก็ยังควักไปให้เจ้าของตัวจริงดูราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่าของตนเองเสียอย่างนั้น มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังเอ่ยชมความคิดที่จะใช้ชื่อเสียงของติ้งอันป๋อมาหารายได้จากหนังสือเหล่านั้นอีกด้วย…
จุดอ่อนของตนถูกติ้งอันป๋อกำอยู่ในมือเสียแล้ว ติ้งอันป๋อจะคิดว่าตนเป็นคนฉาบฉวยที่น่าดูแคลนหรือไม่ ?
จะคิดว่าตนนั้นเป็นคนตื้นเขินและไร้ความหนักแน่นจนมิคู่ควรที่จะรับภารกิจอันหนักหนาหรือไม่ ?
ทันใดนั้นหยุนซีเหยียนก็เริ่มจินตนาการถึงโทษที่ตนจะได้รับ และถึงขั้นรู้สึกเคลือบแคลงในตนเอง
ในยามนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มนั้นทำให้หยุนซีเหยียนเกิดความรู้สึกสั่นคลอน…ยิ้มเยาะหรือยิ้มเย้ยหยันกันแน่ ?
แต่ก็มิเหมือนเสียทีเดียว รอยยิ้มนั้นดูจริงใจอีกทั้งยังดูเป็นมิตรอีกด้วย
จริงสิ หากทบทวนให้ดีก็จะพบว่าคะแนนในการสอบครานี้ติ้งอันป๋อเป็นใหญ่ที่สุด ตอนจัดลำดับในการคัดเลือก เขามิได้ลบลำดับที่หนึ่งที่ตนครอบครองออกไป นั่นแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมิได้เก็บความสกปรกโสมมของตนมาใส่ใจ !
คนที่ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งใหญ่โตเยี่ยงติ้งอันป๋อคงมิอยากเอาเรื่องของเขาไปคิดเล็กคิดน้อย แต่ทว่าภายในใจของหยุนซีเหยียนก็ยังหวังว่าสิ่งที่ตนได้เอ่ยจะหายไปราวกับการผายลม
เมื่อคิดได้ดังนั้น ภายในใจของหยุนซีเหยียนจึงสงบลงเล็กน้อย ส่วนปัญญาชนที่เหลือก็กำลังจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยสายตาตกตะลึงเช่นกัน… นั่นเป็นเพราะว่าชายหนุ่มที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกับพวกตนก็คือติ้งอันป๋อผู้เลื่องชื่อ !
เขาเป็นผู้ตรวจข้อสอบหลักของเอินเคอในครานี้ จะว่าไปในตอนนี้พวกตนก็ถือว่าเป็นคนของติ้งอันป๋อแล้วนั่นเอง
แต่ทว่าเขากลับดูอ่อนเยาว์จนคาดคิดมิถึง ! อีกทั้งยังดูมีความสามารถและสง่างาม ! เขาถือเป็นตัวอย่างของชายหนุ่มในอุดมคติอย่างแท้จริง !
เหล่าปัญญาชนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างหาที่สุดมิได้ ขุนนางท่านนี้เป็นมิ่งขวัญของตน และในที่สุดก็ได้พบติ้งอันป๋อตัวจริงเสียงจริงเสียที !
คืนวันต่อจากนี้ไปพวกเขาทั้งหมดก็จะไปเป็นขุนนางที่ว่อเฟิงเต้า และขุนนางท่านนี้จะเป็นเจ้านายสูงสุด ภายใต้การชี้นำของขุนนางผู้สูงส่งเยี่ยงนี้ย่อมไร้ความกังวลเป็นแน่แท้ !
พวกข้าจะต้องประพันธ์เรื่องราวอันแสนงดงามและทำผลงานให้ประจักษ์ที่ว่อเฟิงเต้าให้จงได้ !
บัดนี้ภายในใจของเหล่าปัญญาชนทั้งหลายล้วนมีความทะเยอทะยานในการพุ่งไปไกลหลายหมื่นลี้ !
ส่วนฟู่เสี่ยวกวนได้หันไปหาเหล่าเสนาบดีแล้วก้มลงคารวะพร้อมรอยยิ้ม “ท่านทั้งหลายได้โปรดใจเย็นก่อนเถิด ! ”
เสียงแห่งความขุ่นเคืองและการปะทะกันค่อย ๆ เงียบลง เหล่าขุนนางล้วนหันไปทางฟู่เสี่ยวกวนโดยพร้อมเพรียงกัน
มิรู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่เหล่าขุนนางยอมขัดต่อพระประสงค์ แต่มิยอมที่จะเกิดความบาดหมางกับติ้งอันป๋อผู้นี้
เมื่อฟู่เสี่ยวกวนวางระเบิดขึ้นมาอย่างกะทันหันก็ทำให้เหล่าเสนาบดีรู้สึกไม่พอใจและยังมีขุนนางบางคนโกรธจนใบหน้าและใบหูแดงก่ำ มีบางคนรู้สึกขุ่นเคืองใจและแน่นอนว่ายังมีอีกหลายคนที่ก้มหนาก้มตาเพราะความละอายราวกับว่าระเบิดลูกนี้ยังไม่กระทบใส่ตนโดยตรง
ทว่าที่แห่งนี้ล้วนเป็นขุนนางระดับสี่ด้วยกันทั้งสิ้น !
เจ้ากล้าดีเยี่ยงไรมาบอกว่าข้าบริหารมิดีเท่าเด็กผู้หญิงโง่เง่านางหนึ่ง !
นี่คือการดูแคลนอย่างหาที่สุดมิได้ !
ทว่าก็ไร้ซึ่งผู้ใดออกมาเผชิญหน้า ต่อให้พวกเขาด่าทอบรรพบุรุษเจ็ดชั่วโคตรของฟู่เสี่ยวกวนในใจด้วยถ้อยคำหยาบคายเพียงใด ก็ยังไร้ซึ่งขุนนางที่จะออกมาตอบโต้กับฟู่เสี่ยวกวนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน… เพราะเห็นแก่ความปลอดภัยของตนเองมากกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงยอมทนเพื่อให้ความเคืองโกรธนี้หายไปเอง
นี่คือหลักการของการเป็นขุนนาง ฟู่เสี่ยวกวนบีบพวกเขาไว้ในมือแน่นเสียจนชีวาใกล้มลาย
เยี่ยนเป่ยซีเหลือบมองฟู่เสี่ยวกวนหนึ่งคราด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคำสรรเสริญ
ส่วนฮ่องเต้ได้ทอดพระเนตรด้วยสายตาลึกซึ้ง และมิอาจหยั่งรู้ได้ว่าพระองค์กำลังดำริสิ่งใดอยู่
“ทุกคนล้วนมีข้อดีและข้อด้อย ข้ารู้ว่าทุกท่านกำลังรู้สึกมิยอมจำนน เช่นนั้นรอให้ผ่านไปสักสองปี แล้วพวกเราค่อยมาดูกันอีกครา”
จิตใจของซือหม่าเช่อค่อย ๆ รู้สึกสงบนิ่งขึ้นมา นางเข้าใจในสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนหมายถึงดี…เขาต้องการให้นางไปทำงานที่ว่อเฟิงเต้าในสถานะของสตรีอย่างอาจหาญ !
เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่สตรีทั่วหล้า
หากนางทำหน้าที่ในว่อเฟิงเต้าได้ดีก็มิเพียงแต่จะสามารถปิดปากที่จ้องจะกัดของเหล่าขุนนางได้สนิท แต่นางยังสามารถทำให้เหล่าสตรีกล้าสลัดห่วงคำสอนขงจื้อที่เป็นดั่งโซ่ตรวนออกไปได้อีกด้วย
วันนี้ชะตาของนางและติ้งอันป๋อถูกผูกติดกันแล้ว หากนางทำทุกอย่างที่ว่อเฟิงเต้าพังทลายก็จะส่งผลให้ติ้งอันป๋อมิเหลือศักดิ์ศรีอีกต่อไป
จะยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมิได้เป็นอันขาด ดังนั้นนางต้องทำผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมาให้ประจักษ์สู่สายตาของสาธารณชนให้จงได้ !
ให้คนทั้งผืนปฐพีไร้ข้อกังขา !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)