นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 659

ตอนที่ 659 สัญญาจ้าง

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ วันที่สิบห้า เดือนห้า ยามซื่อ

ณ หอประชุมใหญ่ของสำนักศึกษาจี้เซี่ย

เหล่าปัญญาชนจำนวน 1,200 คนที่ได้รับคัดเลือกจากการสอบเอินเคอกำลังนั่งประหม่าอยู่เต็มพื้นที่ วันนี้ติ้งอันป๋อได้นัดพวกเขามารับทราบและเซ็นหนังสือสัญญาจ้างงาน

ระบบของหนังสือสัญญาจ้างนั้นเหล่าปัญญาชนล้วนเข้าใจดีแล้ว มีปัญญาชนเพียงแค่เพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่เลือกจะถอยทัพเพราะรู้สึกว่าระบบเช่นนี้เหลวไหลสิ้นดี…

กว่าสิบปีที่ต้องตรากตรำร่ำเรียนก็เพื่อความสำเร็จในการถูกคัดเลือกเป็นขุนนาง !

การได้มาซึ่งตำแหน่งมิได้ง่ายดายเลย แล้วเหตุใจถึงต้องเลือกว่าผู้ใดจะอยู่หรือไปตามผลงานเล่า ?

มิเคยมีสิ่งนี้ปรากฏมาก่อนในตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา !

ที่ผ่านมานั้น แม้ว่ากรมขุนนางจะมีการเพิ่มคุณสมบัติของผู้ที่ผ่านการคัดเลือก แต่ก็แทบจะไม่มีขุนนางที่ได้ปลดออกจากตำแหน่งเลย

กฎเกณฑ์ใหม่ของติ้งอันป๋อมีบางอย่างที่มิสมเหตุสมผลซึ่งนั่นคือต้องมีการจัดสอบและประเมินผลปีละครา แต่วิธีในการประเมินผลนั้นแตกต่างกับกรมขุนนางโดยสิ้นเชิง !

วิธีประเมินผลนี้มีรายละเอียดแสนยิบย่อยและมีความยาวมากถึง 3 หน้ากระดาษ !

อีกทั้งผลการประเมินยังละเอียดยิบย่อยมากขึ้นไปอีกขั้น เขาใช้คะแนนมาเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง ทว่าไม่เหมือนการแบ่งในระดับเยี่ยมหรือดี เฉกเช่นที่กรมขุนนางปฏิบัติ

แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ยังมิใช่ประเด็นหลัก เพราะประเด็นสำคัญก็คือระบบการคัดคนที่ผลงานแย่ทิ้งไป…

ในช่วงปลายปีจะมีการตรวจวัดผลการดำเนินงานรอบด้านในว่อเฟิงเต้า จากนั้นก็จัดลำดับสิบคนที่รั้งท้ายแล้วทำการยกเลิกสัญญาจ้างเพื่อปล่อยให้กลับบ้านเกิดเมืองนอนตามเดิม !

ทุกคนเข้าใจในสิ่งนี้ดี แต่มิใช่ทุกคนที่จะสามารถยอมรับกฎเกณฑ์นี้ได้

หากถูกปลดออกจากตำแหน่งขุนนางแล้วกลับบ้านเกิด เช่นนี้ศักดิ์ศรีของผู้ที่ร่ำเรียนวิชามายาวนานจะยังคงหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ ?

บิดามารดาและสหายบ้านใกล้เรือนเคียงจะมองตนเยี่ยงไร ?

หากเป็นเช่นนี้ก็รอสอบเข้าเป็นขุนนางในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเสียดีกว่า

ด้วยเหตุนี้ ในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้จึงมีการรับคนเพิ่มเพื่อชดเชย และเหล่าปัญญาชนที่นั่งอยู่ในห้องประชุม ณ เวลานี้ก็เป็นปัญญาชนที่ยอมรับเงื่อนไขจากสัญญาจ้างสุดโหดนี้ได้

“จะยังต้องกลัวสิ่งใดอีกเล่า ? ว่อเฟิงเต้าถูกแบ่งเป็นเขตปกครองมากถึงสองร้อยยี่สิบกว่าเขต แน่นอนว่าข้าจะเป็นสิบคนสุดท้ายผู้เคราะห์ร้ายนั้นได้เยี่ยงไรกัน ! ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านหลี่กล่าวมีเหตุผล ข้ารู้สึกขอบคุณที่คนเหล่านั้นสละสิทธิ์ จะว่าไปก็น่าอับอายขายขี้หน้าเพราะข้าน้อยสอบได้ลำดับที่ 1,260 เดิมทีคิดว่าหมดหวังเสียแล้วแต่โชคดันมาหล่นทับอย่างกะทันหัน ข้าย่อมต้องคว้าเอาไว้สิ ! ”

“คนที่สละสิทธิ์ไปข้าได้ยินมาว่า บ้างก็ไร้ความมั่นใจ บ้างก็เกรงว่าจะเสียใจในภายหลัง ท่านหวางนี่เป็นการปฏิรูปที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ! ข้าและท่านรวมถึงทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ คือคนกลุ่มแรกของกระแสน้ำแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ พวกเราต้องมิทำให้ติ้งอันป๋อขายหน้าเป็นอันขาด ! ”

“ข้าน้อยจะพึงระลึกเอาไว้ในใจอยู่เสมอ และต้องคว้า 100 ลำดับแรกมาครองให้จงได้ ! ”

เหล่าปัญญาชนทั้งหลายส่งเสียงกระซิบกระซาบด้วยความกระตือรือร้น พวกเขาปรารถนาที่จะเดินตามรอยเท้าของติ้งอันป๋อและทำผลงานที่ว่อเฟิงเต้าให้เป็นที่ยอมรับ

ฟู่เสี่ยวกวนเดินนำขุนนางจากกั๋วจื่อเจี้ยนมาด้านบนของเวที และในมือของขุนนางเหล่านั้นก็ยังถือสัญญาจ้างแห่งว่อเฟิงเต้าเอาไว้ด้วย

ฟู่เสี่ยวกวนกวาดสายตามองเหล่าปัญญาชนที่นั่งอยู่ด้านล่าง เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นทุกคนในห้องประชุมก็ได้หยุดบทสนทนาแล้วหันหน้าไปมองเขาเช่นกัน

“ในส่วนของกฎเกณฑ์ต่าง ๆ นั้น ข้าคิดว่าทุกท่านเข้าใจดีแล้วจึงมิขอเอ่ยให้มากความ แต่ทว่า… ! ”

ทันใดนั้นเสียงของเขาก็แผดดังขึ้นมา “ข้าขอเตือนทุกท่านอีกคราว่าจงจำเอาไว้ให้ดี ! ว่อเฟิงเต้าจะมิยอมรับ…ผู้ที่เกียจคร้าน ! ”

“ภายหลังการจัดตั้งสำนักผู้ตรวจการ ฝ่ายผู้ตรวจการจะมีหน้าที่เพียงหนึ่งเดียวคือตรวจตราเหล่าขุนนางทั้งหมด ! หากมีผู้ใดติดสินบน ละเลยหน้าที่ หรือข่มเหงรังแกราษฎร ขุนนางเช่นนี้มิจำเป็นต้องรอผลประเมินในปลายปี เพราะข้าจะไล่ตะเพิดออกไปด้วยตนเอง ! ”

“หากมีการทำผิดกฎหมาย ข้าขอเอ่ยวาจาที่มิน่าฟังไว้ตรงนี้เลยว่า… ข้าขอรับประกันว่ามันผู้นั้นจะต้องได้รับโทษตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์จนถึงที่สุด ! ”

สิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก ชนิดที่ว่าสามารถแทรกซึมเข้าไปถึงส่วนลึกของจิตวิญญาณของเหล่าปัญญาชนทั้งหลาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)