ตอนที่ 662 คิดคำนึงในคืนสงบ ( 3 )
“ทูลองค์ชาย มีอีกหนึ่งเรื่องคือมดงานได้ส่งจดหมายนกพิราบมาหนึ่งฉบับพ่ะย่ะค่ะ”
“แจ้งว่าเมื่อวันที่หกเดือนห้า หลังจากลัทธิจันทราถูกกวาดล้างจนสิ้นซากแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ยก็ได้เร่งรีบเดินทางมายังเมืองหลวงโดยมิได้พักผ่อน เกรงว่าจะมาถึงภายในสองวันนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนวางพู่กันลงแล้วขมวดคิ้วมุ่น “รู้หรือไม่ว่าเกิดอันใดขึ้น ? ”
ขันทีเจี่ยส่ายศีรษะ “คาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับลัทธิจันทราพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบไปพักใหญ่แล้วก้มลงจรดพู่กันเขียนข้อความส่งถึงซูม่อ “พรุ่งนี้ระเบิดจากซีซานจะมาถึงวัดฟูจื่อ จงสั่งให้กลุ่มมดงานดูแลรักษาให้ดีและอย่าให้เกิดสิ่งที่มิคาดคิดขึ้นมาเป็นอันขาด”
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา…แต่ทว่าขุมทรัพย์นั้นถูกเก็บไว้ที่วัดฟูจื่อจริงเยี่ยงนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“ย่อมมิผิดเป็นแน่ ประเดี๋ยวพอระเบิดเสร็จก็จะรู้เอง”
“…กระหม่อมเข้าใจแล้ว เช่นนั้นขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ขันทีเจี่ยหยิบจดหมายทั้งสองฉบับแล้วจากไป เหลือทิ้งไว้เพียงฟู่เสี่ยวกวนที่นั่งต้มชาแต่เพียงลำพัง เขาจิบชาช้า ๆ แล้วหวนนึกขึ้นมาได้ว่าแท้จริงแล้วเงินที่บิดานำไปที่ซื้อที่ดินจำนวนมากมายมหาศาลนั้นมาจากที่ใดก็ยังมิได้คำตอบเลย
เขายิ้มแล้วส่ายศีรษะพลางคิดในใจว่าหากกลับไปยังราชวงศ์อู๋ทั้งผืนปฐพีนั้นต้องตกเป็นของตนอยู่แล้ว เนื่องจากบิดาอ้วนได้ใช้เงินมากกว่าร้อยล้านตำลึงเพื่อกว้านซื้อที่ดิน…ตนสมควรเป็นกังวลเพราะเงินจำนวนมากมายมหาศาลนี้หรือไม่ ?
ตั้ง 100 ล้านตำลึงเชียวนะ !
เงินมากมายมหาศาลถึงเพียงนี้ สามารถเอาไปทำสิ่งอื่นได้ตั้งมากมายมิใช่หรือ ?
เฮ้อ…เอาเถิด ขอเพียงแค่ตาอ้วนคนนั้นมีความสุขก็เพียงพอแล้ว
เขามิได้บอกขันทีเจี่ยด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วให้ไป๋ยู่เหลียนไปทำสิ่งใดที่ราชวงศ์อู๋ ณ เวลานี้มีเพียงบิดาอ้วนเท่านั้นที่รู้ความจริง
เมื่อไป๋ยู่เหลียนเดินทางถึงเมืองกวนหยุน เขาก็จะกลายเป็นแม่ทัพสูงสุดแห่งกองทัพองครักษ์ชุดแดงทันที
ฟู่เสี่ยวกวนให้เวลาถึงเดือนสามของปีหน้าเช่นกัน ดังนั้นไป๋ยู่เหลียนมีเวลาเพียงแค่ 10 เดือนในการฝึกฝนพิเศษให้กับกองกำลังที่มีมากถึง 100,000 นาย
แต่ทว่านี่ยังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไป๋ยู่เหลียนได้นำพาความสำเร็จของศูนย์วิจัยซีซานติดไปด้วย สิ่งเหล่านั้นประกอบไปด้วยปืนคาบศิลา และไป๋ยู่เหลียนยังได้พาอีกหนึ่งบุคคลไปเยือนยังราชวงศ์อู๋ด้วยเช่นกัน เขาก็คือช่างตีเหล็กแห่งผิงหลิงนามโจวเถียเจี้ยงนั่นเอง !
ทั้งสองบุคคลนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เหล็กมีอิทธิพลต่อการพัฒนาของอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก และมีความสำคัญต่อการสร้างยุทโธปกรณ์ทางทหารด้วยเช่นกัน คนเช่นนี้ ฟู่เสี่ยวกวนมิกล้าให้อยู่ในราชวงศ์หยูอีกต่อไป
ทางราชวงศ์อู๋ก็ได้ส่งช่างฝีมือมายังศูนย์วิจัยซีซานแล้วเช่นกัน แน่นอนว่าหนีมิพ้นการรับรู้ของฮ่องเต้ แต่ทว่าการที่ไป๋ยู่เหลียนได้นำของเหล่านั้นและคนไร้ชื่อเสียงออกไป ฮ่องเต้ย่อมไม่ทราบอย่างแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนี้ สมมุติว่าฮ่องเต้ไหวพระวรกายทันและยึดเหล็กที่หลอมอยู่ในผิงหลิงเอาไว้ ถึงตอนนั้นอาวุธยุทโธปกรณ์ของทหารแห่งราชวงศ์อู๋ก็คงผลิตขึ้นเองได้แล้ว
การเตรียมพร้อมล่วงหน้าย่อมดีกว่าเสมอ
เขาหวนนึกถึงลัทธิจันทราและฮองเฮาซั่ง ในเมื่อบิดาอ้วนสั่งว่าให้เรื่องนี้จบลงแต่เพียงเท่านี้ กอปรกับเดิมทีเขาก็กำลังจะออกเดินทางไปยังว่อเฟิงเต้าย่อมมิมีเวลามาสืบหาต้นตอของเรื่องพรรค์นั้นอยู่แล้ว
ขันทีเจี่ยบอกว่าศิษย์พี่ใหญ่จะมาถึงจินหลิงภายในสองวันนี้… หรือว่าได้ค้นพบความลับสุดยอดจากการไปเยือนแท่นบูชาของลัทธิจันทราเมื่อหลายวันก่อนกัน ?
แม้ว่าลัทธิจันทราจะมีความลับสะเทือนฟ้าสะเทือนดินสักเพียงใด ฟู่เสี่ยวกวนกลับรู้สึกว่ามันมิได้สลักสำคัญอีกต่อไป
แท่นบูชาถูกทำลายจนสิ้นซาก
วัดฟูจื่อก็จะถูกระเบิดในอีกสองวันข้างหน้า ขุมทรัพย์ล้ำค่าของราชวงศ์เฉินก็จะตกอยู่ในกำมือของราชวงศ์หยู ส่วนลัทธินั่นต่อให้ยังมีอยู่ก็ไร้ความหมาย !
……
……
ภูเขาหยุนสถานที่ตั้งของสำนักเต๋า
คืนนี้จันทราเต็มดวง สระบัวในสำนักเต๋าปรากฏดอกบัวตูมขึ้นมาแล้ว ราวกับว่ากำลังดูดกลืนแสงจันทราพราวระยับเป็นอาหารแล้วรอคอยวันที่ได้เบ่งบาน
ผู้สังเกตยืนอยู่ริมสระบัว ในมือกำเมล็ดข้าวโพดเอาไว้และบัดนี้ได้ยื่นมือออกไปโยนเมล็ดข้าวโพดให้ตกลงในสระ จากนั้นฝูงปลามากมายก็ได้ว่ายเข้ามาแย่งอาหารจนน้ำในสระกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น ส่งผลให้เงาสะท้อนของจันทราอันสงบนิ่งบนผิวน้ำวูบไหวไปมา
“หยวนหยวน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)