ตอนที่ 690 ตาย
ความร้อนอบอ้าวที่สะสมมาเป็นเวลานานได้สลายหายไปในช่วงเวลานี้
ฝุ่นบนพื้นลอยขึ้นภายใต้การตกกระทบของฝนห่าใหญ่ ส่งกลิ่นโคลนเหม็นคละคลุ้ง
มีละอองน้ำจาง ๆ โปรยลงมาบนสระบัว
หมอกพลิ้วไหวไปตามสายลม พัดพาเอากลิ่นหอมของใบบัวและดอกบัวลอยมา ส่งผลให้กลิ่นดินค่อย ๆ จางลง หลังจากนั้นมินานอากาศก็เริ่มอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้แทน
ยามนี้เป็นช่วงเวลาดีที่จะได้ชื่นชมหยาดฝนกระทบใบบัว แต่มิมีผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน…
ตรงบริเวณห้องด้านหลังที่ฟู่เสี่ยวกวนยืนอยู่ ทันใดนั้นประตูที่ปิดไว้ก็ถูกเปิดออกพร้อมเสียงดัง ‘พลั่ก… ! ’
ฟู่เสี่ยวกวนยังมิทันได้หันไปมอง หนิงซือเหยียนก็ได้ชักกระบี่ออกมาจากฝักที่สะพายไว้ด้านหลังแล้ว
ประตูบานนั้นมีคนผู้หนึ่งพุ่งตัวออกมา เขาผู้นั้นฟันดาบด้วยท่าทีนิ่งเฉย
ดาบเล่มนี้แหลมคมและคล่องแคล่ว คมดาบอยู่ห่างจากฟู่เสี่ยวกวนราว 3 ฉื่อแต่ก็ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบได้เลยทีเดียว
‘เคร้ง… ชวิ้ง ชวิ้ง…’
เสียงปะทะกันของคมดาบและกระบี่ดังขึ้นมิหยุดหย่อน ดังจนกลบเสียงของพายุฝนเสียหมดสิ้น
กระบี่เล่มใหญ่ของหนิงซือเหยียนฟาดลงที่ดาบเล่มนั้นอย่างต่อเนื่อง ปะทะกันถึงสี่คราในชั่วพริบตาเดียว !
หลังจากที่ดาบปะทะกระบี่ถึงสี่ครา ชายถือดาบใหญ่ก็ล่าถอยไปหนึ่งก้าว
หนิงซือเหยียนตะเบ็งเสียงแล้วกระโดดไปเบื้องหน้า กระบี่ในมือก็พลันสะบัดไปด้านข้าง
‘พลั่ก… ! ’ เขาชันตัวขึ้นแล้วใช้กระบี่ตวัดใส่ดาบเพื่อเปิดทาง จากนั้นก็กระโดดถีบหน้าท้องของชายผู้นั้น
ชายผู้นั้นถอยหลังหลบทัน ขณะที่หนิงซือเหยียนกำลังจะพุ่งตัวเข้าไปแล้วแทงกระบี่ออกอย่างรวดเร็ว
‘เคร้ง เคร้ง… ! ’
หนิงซือเหยียนไม่ได้บุกเข้าไปต่อ แต่เลือกจะถอยออกมาแทน
เพราะในขณะนั้นปรากฏลวดหนามเหล็กตวัดมาหาตน !
ในห้องนั้นมีคนอยู่ 2 คน !
อีกคนเป็นสตรี !
“องค์ชาย ระวัง ! ”
หนิงซือเหยียนตะโดนเสียงดังลั่น ฟู่เสี่ยวกวนหมุนตัวหลบแล้วชักปืนออกมาจากในแขนเสื้อตั้งแต่แรกแล้ว
มันคือปืน 2 กระบอก
เป็นปืนขนาดเล็ก 1 กระบอกและปืนคาบศิลาอีก 1 กระบอก
ซูซูหยิบปืนพกออกมา 2 กระบอกเช่นเดียวกัน…เมื่อมิมีฉิน นางจึงชินกับการใช้ปืนไปเสียแล้ว
สวี่ซินเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย นางมิได้เข้าร่วมการต่อสู้แต่อย่างใด ทว่าเลือกยืนอยู่ข้างฟู่เสี่ยวกวนแทน
จางเพ่ยเอ๋อร์ดึงกระบี่จากด้านหลังออกมา จากนั้นจึงหันไปทางฝั่งซ้ายมือ… และพบว่าทางเดินฝั่งซ้ายมีคนซ่อนตัวอยู่ถึง 4 คน !
สวี่ซินเหยียนมองไปทางฝั่งขวามือเช่นเดียวกัน และพบว่าโถงทางเดินฝั่งขวามือมีคนแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้นถึง 6 คน !
หยุนซีเหยียนเริ่มเป็นกังวล เขามองซ้ายทีขวาทีเหตุใดถึงมีมากมายเพียงนี้ หรือว่านี่คือความแค้นของชาวยุทธเยี่ยงนั้นหรือ ?
แต่ทว่าหลังจากนั้นเขาก็มองลงไป…
ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำ คนคุ้มกันขบวนรถม้ากว่าห้าสิบคนกำลังต่อสู้กับยอดฝีมือชาวยุทธอีก 6 คนอย่างดุเดือด
สีหน้าของหนานกงตงเซวี๋ยดูจริงจัง ขณะที่มองไปยังฟู่เสี่ยวกวน ทว่าฟู่เสี่ยวกวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม ถึงขนาดที่ว่าใบหน้าของเขาผุดรอยยิ้มเบาบางขึ้นมา
ศัตรูทั้งสองฝั่งซ้ายขวาดึงดาบออกมา พวกเขาค่อย ๆ ลุกขึ้นเตรียมบุกแต่ทว่ามิได้ตะโกน พวกเขาใช้วิธีค่อย ๆ ย่องเข้ามา
สวี่ซินเหยียนดึงกระบี่ออกมา จากนั้นก็บุกเข้าไปในโถงทางเดินสองฝั่งพร้อมกับจางเพ่ยเอ๋อร์
ในเวลานี้ซูซูยกมือขึ้นแล้วเล็งปืนไปทางหนึ่งในหกคน จากนั้นนางก็หัวเราะคิกคักแล้วไม่รีรอที่จะลั่นไก ‘ปัง… ! ’
เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับกระสุนที่ยิงโดนหนึ่งในศัตรู หยุนซีเหยียนได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ‘อ๊าก… ! ’
พอหันกลับไปก็เห็นยอดฝีมือคนหนึ่งล้มลงไปกองกับพื้นด้วยสภาพโลหิตอาบร่างแล้ว
นี่…มันคืออานุภาพของปืนใช่หรือไม่ ?
ฟู่เสี่ยวกวนเดินมาตบลงที่บ่าของหยุนซีเหยียน ทำเอาเขาตกอกตกใจเสียจนต้องอุทานออกมาเสียงดัง
“รับไปสิ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนส่งปืนคาบศิลาให้เขา “เจ้านี่ใช้งานเช่นนี้…”
เขาหยิบปืนอีกกระบอกออกมาแล้วเล็งไปที่ชายคนหนึ่งที่ถือดาบไว้ในมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)