นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 696

ตอนที่ 696 เมืองว่อเฟิง

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ วันที่สิบแปด เดือนเจ็ด ฟู่เสี่ยวกวนและคณะได้เดินทางมาถึงที่ว่อเฟิงหยวน

ดินแดนแห่งนี้เป็นที่ราบกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา

มีเทือกเขาฉางหลิงโอบล้อมทั้งสามด้านของที่ราบเพื่อคอยสกัดความหนาวเย็นที่พัดมาจากทิศเหนือ ส่งผลให้ทั้งสี่ฤดูของที่แห่งนั้นอบอุ่นดั่งฤดูใบไม้ผลิ

เมืองขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางของที่ราบแห่งนี้จึงถูกขนานนามว่า เมืองว่อเฟิง

แม่น้ำซิ่วสุ่ยที่ไหลมาจากเทือกเขาฉางหลิงได้ตัดผ่านที่ราบว่อเฟิงจากนั้นแตกแขนงออกเป็นสามสายตรงบริเวณประตูเมืองด้านทิศตะวันออก แม่น้ำที่แยกไปทางซ้ายและขวาเป็นดั่งแม่น้ำที่คุ้มกันกำแพงสูงตระหง่านและแม่น้ำสายตรงกลางนั้นไหลทะลุจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกซึ่งช่วยเติมเต็มความสดใสให้แก่เมืองนี้อยู่ไม่น้อย

กำแพงขนาดใหญ่และสง่างามได้โอบล้อมรอบเมืองแห่งนี้เอาไว้ ภายในเมืองมีตรอกซอกซอยทั่วทุกสารทิศ การวางผังบ้านเรือนนั้นมีความเป็นระบบระเบียบสามารถรับรู้ได้ในทันทีว่าแคว้นอี๋ทุ่มเทกับการสร้างเมืองแห่งนี้มากเพียงใด เนื่องจากทุกวันนี้ที่ราบว่อเฟิงได้ตกเป็นอาณาเขตของราชวงศ์หยูจึงเป็นเหตุให้ผู้คนกว่าครึ่งเมืองหนีจากไป บนถนนหรือตรอกต่าง ๆ จึงเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด

อาจเพราะยังมิได้รับการส่งสัญญาณจากฟู่เสี่ยวกวน จึงทำให้พวกกงซุนเซ่อทั้งสามยังมิได้วางแผนการใด ๆ ในการจัดการกับผู้อพยพเข้าเมืองว่อเฟิง

ณ ปัจจุบันนี้ ขุนนางตำแหน่งใหญ่ที่สุดแห่งราชวงศ์หยูที่พำนักอยู่ในเมืองแห่งนี้คือหนิงหยู่ชุน… ซึ่งเขาคือผู้ว่าการเขตว่อโจวประจำว่อเฟิงเต้านั่นเอง

นี่คือการจัดการของฟู่เสี่ยวกวนที่ตั้งใจให้ผู้ว่าการเขตและผู้ตรวจการแห่งว่อเฟิงเต้าพำนักอยู่ด้วยกันในเมืองว่อเฟิง

บัดนี้เป็นเวลาย่ำสนธยา หนิงหยู่ชุนได้รับสารมาแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าฟู่เสี่ยวกวนจะเดินทางมาถึงเมืองว่อเฟิงและตอนนี้เขาก็ได้นำกลุ่มคนมายืนรอต้อนรับฟู่เสี่ยวกวนอยู่ ณ ประตูเมืองทางทิศตะวันตก

ด้านอดีตชาวอี๋ทั้งหลายก็ย่อมรู้ข่าวนี้โดยทั่วกัน

พวกเขาล้วนอกสั่นขวัญผวาเพราะมิสามารถหยั่งรู้ได้ว่าสุภาพบุรุษที่แย่งชิงอาณาเขตของแคว้นอี๋ไปได้ผู้นี้จะมีทีท่าเยี่ยงไรต่ออดีตชาวอี๋เช่นพวกตน

เมื่อตอนที่ผู้ว่าท่านนั้นเพิ่งเดินทางมาถึงพวกเขาก็รู้สึกตื่นกลัวมากแล้ว เดิมทีคิดว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่ แต่ทว่ากลับคิดมิถึงเสียจริงว่าท่านผู้ว่ากลับออกแถลงการณ์เรียกความมั่นใจต่อเหล่าชาวเมืองและไม่ได้ทำสิ่งอื่นใดอีก นอกจากวิ่งไปทั่วทุกอำเภอของว่อโจวแล้ว นอกนั้นก็มิได้ถามไถ่หรือกระทำสิ่งใดต่อชาวเมืองเลย !

แถลงการณ์เรียกความมั่นใจแก่ชาวเมืองนั้นเขียนไว้ดังนี้

‘คำสั่งของติ้งอันป๋อ:สิ่งที่ผ่านพ้นไปนั้นก็ขอให้ผ่านพ้นไป นับตั้งแต่รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ วันที่ยี่สิบ เดือนหก เป็นต้นไป คนที่ยังคงอาศัยอยู่ในว่อเฟิงเต้าทั้งหมดล้วนแต่เป็นราษฎรของราชวงศ์หยูและเป็นประชากรของว่อเฟิงเต้าทั้งหมด ขอให้เดินทางไปยังที่ว่าการเขตของตนเพื่อจดทะเบียนและรับบัตรประจำตัวนับตั้งแต่วันเวลาที่ได้ระบุเอาไว้

จนถึงวันที่สิบ เดือนเจ็ดเท่านั้น หากผู้ใดมิได้รับบัตรประจำตัวจะถูกมองว่าไร้ความสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์หยูและจะถูกทางเขตกวาดล้างขับออกนอกราชอาณาจักร ! ’

แถลงการณ์ฉบับนี้แสนเรียบง่ายและมีความหมายแสนชัดแจ้ง หลังจากที่ผู้อาศัยดั้งเดิมยังลังเลอยู่หนึ่งวันเต็ม วันถัดไป ณ ที่ว่าการจังหวัดก็ได้มีผู้คนไปเข้าแถวยาวเหยียดจากหน้าประตู

“ติ้งอันป๋อเป็นผู้มีเกียรติอย่างสูงประจำราชวงศ์หยู เขาเป็นชายหนุ่มผู้ประเสริฐศรี ข้าคิดว่าภายใต้การบริหารปกครองของเขา พวกเราย่อมมีอนาคตที่รุ่งเรือง”

“ข้ามิยอมย้ายออกไปหรอก ในเมื่อข้าใช้ชีวิตที่เมืองว่อเฟิงนี้มาครึ่งค่อนชีวิตของข้าแล้ว”

“เฮ้อ…ข้าเองก็มิรู้หรอกว่าท่านติ้งอันป๋อจะดูแคลนพวกเราหรือไม่ ในเมื่อแท้จริงแล้วพวกเราคือชาวอี๋”

“จากท่าทีของท่านผู้ว่าแล้วคงมิเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าจงคิดดูเถิดว่าขุนนางของแคว้นอี๋เมื่อถึงช่วงที่เปลี่ยนเจ้าเมืองคราใด พวกเราจำต้องมอบของบรรณาการให้แก่พวกเขา แต่ทว่าตัวท่านผู้ว่าจริง ๆ นั้นพวกเรากลับไร้โอกาสพบตัวเสียด้วยซ้ำ”

“ได้ยินมาว่าบรรดาเถ้าแก่แห่งหอเสียงไท่ ลิ้วฝูจี้และเพียวเซียงหยวน เคยแวะไปเยี่ยมท่านผู้ว่าหนิง แต่กลับถูกปิดประตูใส่เสียอย่างนั้น”

“ยโสโอหังถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ถึงขนาดที่ว่ามิยอมให้เถ้าแก่พวกนั้นเข้าพบเชียว ? ”

“มิใช่โอหังหรอก เพียงแต่ท่านผู้ว่าหนิงมิได้อยู่ในเมืองเสียด้วยซ้ำ”

“…แล้วเขาอยู่ที่ใดกัน ? ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)