ตอนที่ 702 ท่ามกลางสายฝน ( 1 )
ฟู่เสี่ยวกวนทำการปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองว่อเฟิงอย่างสงบสุข
สำนักเลขาธิการถูกจัดตั้งขึ้นจนสำเร็จลุล่วงแล้ว โดยมีหยุนซีเหยียนรับหน้าที่เลขาธิการ และผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาในตอนนี้มีเพียงแค่พวกชืออีหมิงทั้งสี่คนเท่านั้น
ส่วนสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินก็ถูกจัดตั้งขึ้นแล้วเช่นกัน ในตอนนี้มีเพียงกงซุนเซ่อ ซือหม่าหนาน และหม่าซิงคง สามคนเท่านั้นที่สังกัดอยู่ภายใต้สำนักงานนี้
ส่วนขุนนางของที่ว่าการเขตคนอื่น ๆ ถูกฟู่เสี่ยวกวนแต่งตั้งภายในเจ็ดวันหลังจากมาถึงแล้ว หนึ่งในนั้นคือจงสือจี้ได้ถูกฟู่เสี่ยวกวนแต่งตั้งให้เป็นรองผู้ตรวจการ ส่วนตำแหน่งที่เหลืออาทิเช่น ผู้พิพากษาท้องถิ่น ผู้พิพากษาเขต ผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด ล้วนแต่เป็นขุนนางที่ถูกคัดเลือกมาจากการสอบเอินเคอทั้งสิ้น
ในขณะเดียวกันนั่นเอง กรมการค้าก็ได้มีการบังคับใช้กฎหมายการค้าทั่วทั้งสิบสามมณฑลซึ่งจะมีการขายหนังสือบัญญัติกฎหมายอย่างเป็นทางการโดยสำนักพิมพ์เหวินม่อภายในสิบวันหลังการมาถึงของฟู่เสี่ยวกวน
ส่วนประกาศประมูลซื้อขายบ้านว่างทั้งว่อเฟิงเต้านั้นได้หยุนซีเหยียนเป็นผู้ร่างใบประกาศ จากนั้นก็จะส่งไปทั่วทั้งราชอาณาจักรหยู
ทางผู้จัดการใหญ่หลี่แห่งธนาคารซื่อทงได้ส่งลูกศิษย์คนโปรดมาซึ่งก็คือเฉินชิงอี เขาได้นำลูกน้องที่ผ่านการฝึกอบรมของธนาคารซื่อทงทั้งสามสิบคนมาถึงเมืองว่อเฟิงแล้วเช่นกัน
ธนาคารซื่อทงสาขาเมืองว่อเฟิงถูกก่อตั้งบนถนนเจิ้งตงที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมืองในรัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ วันที่หนึ่ง เดือนแปด
ทั้งหมดนี้ล้วนดำเนินการอย่างเป็นระบบระเบียบภายใต้การควบคุมดูแลของฟู่เสี่ยวกวน
ในที่สุดพ่อค้าและราษฎรดั้งเดิมของเมืองว่อเฟิงจึงอยู่อาศัยกันอย่างสงบและมั่นคง ส่วนกลุ่มพ่อค้าจากราชวงศ์หยูก็ได้เดินทางมาถึงเมืองว่อเฟิงเป็นจำนวนมากแล้วเช่นกัน
อาทิเช่น โจ่งจี้ถังที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองหลินเจียงระยะเวลาหนึ่ง หรือหยูซิ๋งเจี่ยน และซือหม่าเทา
……
……
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ วันที่ห้า เดือนแปด
กลุ่มเมฆลอยตัวลงต่ำ มิหนำซ้ำอากาศยังแสนจะร้อนอบอ้าว
ณ ห้องส่วนตัวบนชั้นสองของหอดื่มชาพิ่นอวิ๋นที่ตกแต่งอย่างหรูหราในตรอกที่ตั้งอยู่ริมน้ำสายหนึ่งของเมืองว่อเฟิง
หวังฉาวเฟิง นายน้อยของร้านจิ่นซิ่วนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับจังชีเยวี่ยบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของจังเหวินฮุย ไอร้อนของชาโชยคละคลุ้งไปทั่ว หวังฉาวเฟิงรินชาหนึ่งถ้วยให้จังชีเยวี่ยแล้วส่งให้นาง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “วันนี้ขอแนะนำบุคคลสักสองสามคนให้เจ้าได้รู้จัก อีกทั้งข้ายังจองโต๊ะงานเลี้ยงที่หอสุ่ยหยุนเอาไว้แล้วด้วย ประเดี๋ยวหากเจ้ามิติดขัดอันใด…ก็สามารถมาร่วมรับประทานมื้ออาหารด้วยกันได้”
จังชีเยวี่ยรู้สึกมีโทสะ “ท่านพ่อยังมิอนุญาตให้ตระกูลของเจ้าสู่ขอข้าเลยด้วยซ้ำ แล้วข้าจะมีหน้าไปร่วมทานอาหารกับเจ้าและสหายเสเพลได้เยี่ยงไรกัน ? หากเพราะเรื่องนี้ล่ะก็…ข้าคงต้องขอตัวก่อน”
หวังฉาวเฟิงยิ้มออกมา “ชีเยวี่ย จะว่าไปแล้วตระกูลของเราทั้งสองก็เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก อีกทั้งพวกเรายังเป็นคู่รักที่มีใจตรงกันตั้งแต่เยาว์วัยอีกด้วย…”
จังชีเยวี่ยลุกพรวดขึ้นมา จากนั้นก็เบ้ปาก “สันดานหยาบช้าของเจ้ามิเคยถูกขัดเกลาเลยหรือเยี่ยงไร ระหว่างข้ากับเจ้ามันไร้ซึ่งความเป็นไปได้ ! จงอย่าพร่ำเพ้อว่าเป็นคู่รักตั้งแต่เยาว์วัยเพราะเจ้าในอดีตหาใช่คนเดียวกันกับคนที่อยู่เบื้องหน้าในตอนนี้ไม่ ! ”
หวังฉาวเฟิงเงยหน้าขึ้นมองจังชีเยวี่ย จากนั้นก็ส่ายศีรษะไปมา “เจ้ายังเป็นคนโมโหร้ายอีกตามเคย แต่ข้าก็ยังชอบเจ้ามิเสื่อมคลาย นั่งลงเถิด ! ทั้งสามท่านที่มาในวันนี้ หาใช่สหายเกเรของข้าแต่เป็นทายาทคนค้าขายด้วยกันต่างหาก”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยเสริมว่า “ห้าตระกูลผู้นำทางการค้าแห่งราชวงศ์หยู เจ้ารู้จักหรือไม่ ? ทั้งสามท่านนี้มาจากสามในห้าตระกูลนั่นเอง”
“ตระกูลซือหม่าคบค้าสมาคมกับตระกูลข้ามาช้านาน เมื่อวานนี้ซือหม่าเทานายน้อยคนที่สองแห่งตระกูลซือหม่าได้เดินทางมาถึงเมืองว่อเฟิง ส่วนที่เดินทางมาถึงพร้อมกับเขายังมีนายน้อยรองของตระกูลโจ่งนามจี้ถัง และนายน้อยสามแห่งตระกูลหยูนามซิ๋งเจี่ยน”
เขาหันเหสายตากลับมาแล้วยกถ้วยชาขึ้น “คนเช่นนี้เจ้าคงมิคิดว่าเป็นสหายเกเรของข้าใช่หรือไม่”
จังชีเยวี่ยผงะแล้วนั่งลงอย่างเชื่องช้า นางมองหวังฉาวเฟิงแล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า “เจ้าเชื้อเชิญพวกเขาได้สำเร็จแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“อาจจะเพราะซือหม่าเทาเห็นแก่ข้าจึงตอบรับคำขอ และรับปากว่าจะพาอีกสองท่านที่เหลือมาด้วย ให้ได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน”
จังชีเยวี่ยย่อมรู้จักห้าตระกูลผู้นำทางการค้าแห่งราชวงศ์หยู
ตระกูลใหญ่ทั้งห้า… พ่อค้าของเมืองว่อเฟิงมิสามารถเทียบเคียงกับพวกเขาได้เลยแม้แต่ตระกูลเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)