นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 711

ตอนที่ 711 ความขัดแย้ง

แน่นอนว่าฟู่เสี่ยวกวนมิได้รับรู้ถึงเหตุยิงกันที่ตรอกจิ่วหยู่

บัดนี้เขายังอยู่ในที่ว่าการเขตและกำลังหารือกับหนิงหยู่ชุนและหยุนซีเหยียนจากสำนักงานเลขาธิการ เกี่ยวกับเรื่องความวุ่นวายในว่อเฟิงเต้า

ในว่อเฟิงเต้าแห่งนี้ยังมีชาวอี๋ดั้งเดิมหลงเหลืออยู่ราวสามล้านกว่าคน

และส่วนมากก็อาศัยอยู่ในรูปแบบของตระกูลใหญ่ที่กระจายอยู่ในแต่ละอำเภอ

จึงมีหลากหลายหมู่บ้าน ที่ทั้งหมู่บ้านล้วนแต่เป็นชาวอี๋ทั้งสิ้น

แม้สถานภาพของพวกเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ทว่าเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ยังมิเพียงพอให้เกิดการยอมรับจากผู้คนในราชวงศ์หยูอย่างแท้จริง

หลังจากชาวหยูมาตั้งหลักปักฐานที่นี่ ความขัดแย้งก็ยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น และมากขึ้นในทุก ๆ วัน

ชาวอี๋คิดว่าพวกต่างถิ่นที่อพยพเข้ามากำลังขอแบ่งส่วนแปลงนาของตนไปจนหมด แม้กระทั่งรู้สึกว่าตอนที่โรงงานของชาวหยูรับสมัครคนงานก็มีแนวโน้มที่จะรับชาวหยูมากกว่า

พวกเขาจึงรู้สึกว่าถูกชาวหยูกีดกัน หรือถึงขั้นรู้สึกว่าตนอยู่คนละชนชั้นกับชาวหยู

เป็นเพราะต้องการพิทักษ์สิทธิ์ของตนหรือต้องการประกาศศักดาให้ชาวหยูได้ประจักษ์ จึงได้เกิดการปะทะคราใหญ่ขึ้นเมื่อสามวันที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นที่อำเภอหนิงซานที่ซือหม่าเช่อเป็นผู้ดูแลอยู่นั่นเอง…

ตระกูลซือหม่าได้ก่อสร้างโรงงานสิ่งทอขึ้นในเมืองหงเย่ ซึ่งตั้งอยู่รอบนอกของอำเภอหนิงซาน เมื่อโรงงานสร้างเสร็จแล้วแน่นอนว่าต้องมีการรับสมัครคนงาน

หากมองตามขนาดของโรงงานแล้วที่นั่นจำเป็นต้องจ้างแรงงานราว 500 คน แต่เนื่องจากเมืองหงเย่ตั้งอยู่บนสภาพแวดล้อมที่ได้เปรียบทางภูมิศาสตร์จึงทำให้เมืองนี้มีผู้คนอาศัยรวมกันมากถึง 200,000 คน

ในจำนวนนั้นเป็นชาวอี๋มากที่สุดซึ่งมีจำนวน 130,000 คน ส่วนที่เหลืออีก 70,000 คนได้อพยพมาจากแต่ละท้องที่ของราชอาณาจักรหยู

ในฐานะเป็นตระกูลผู้นำการค้าแห่งราชวงศ์หยูและเพื่อความสอดคล้องกับการทำงานของคุณหนูซือหม่า โรงงานแห่งนี้จึงแบ่งจำนวนการรับคนงานเป็นครึ่งต่อครึ่งโดยรับชาวพื้นเมืองดั้งเดิมเป็นจำนวน 250 คนและรับคนที่อพยพเข้ามาใหม่ 250 คน อีกทั้งยังมีการประกาศอย่างชัดเจนว่าในอนาคตที่เมืองหงเย่แห่งนี้จะสร้างโรงงานขนาดใหญ่ขึ้นมาอีก 10 แห่งเพื่อช่วยขจัดปัญหาการว่างงานของราษฎร

แต่สิ่งที่ตระกูลซือหม่าหรือแม้แต่ซือหม่าเช่อคาดมิถึงเลยก็คือ ชาวอี๋ดั้งเดิมล้วนคิดว่านี่มันช่างมิยุติธรรมเอาเสียเลย !

พวกเรามีประชากรตั้ง 130,000 คน แต่พวกเขามีแค่ 70,000 คน แล้วเอาสิ่งใดมาวัดว่าควรรับแรงงานเป็นสัดส่วนครึ่งต่อครึ่งกัน ?

แล้วเหตุใดจึงมิรับพวกเราเข้าทำงานในอัตราส่วนเจ็ดในสิบ ส่วนพวกที่อพยพมาก็รับที่อัตราส่วนสามในสิบกันเล่า ?

ชาวหยูเยี่ยงพวกเจ้ากำลังดูแคลนพวกเรา !

ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันขึ้นในวันที่รับสมัครคนงานนั่นเอง อีกทั้งยังขยายวงกว้างไปเป็นการสู้รบติดอาวุธขนาดใหญ่อีกด้วย !

“ล้มตายทั้งหมด 32 คน บาดเจ็บทั้งหมด 167 คน…” ฟู่เสี่ยวกวนกำหมัดแน่นแล้วทุบใส่โต๊ะพลางเอ่ยว่า “โชคดีที่ซือหม่าเช่อรับมือกับปัญหาได้อย่างทันท่วงที และโชคดีที่จังหวัดชิงโจวห่างจากอำเภอหนิงซานเพียงแค่เพียงครึ่งวัน เมื่อเหยียนซีไป๋ผู้ว่าราชการชิงโจวทราบข่าวก็ได้นำทหารไปจัดการด้วยตนเอง มิเช่นนั้นแล้วไฟโทสะในครานี้ย่อมปะทุหนักกว่าเดิมเป็นแน่ ! ”

ระหว่างคิ้วของหนิงหยู่ชุนขมวดเป็นปม หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ท้ายที่สุดจึงเอ่ยออกมาว่า “เหมือนว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต เมื่อใดที่ปัญหาเกี่ยวเนื่องกับผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย ข้ามีความกังวลว่าอีกหลายที่จะเกิดการปะทะเช่นนี้ขึ้นมา ดีมิดี…อาจจะทำให้เกิดหายนะขึ้นมาได้ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยืนขึ้น เขาเอาสองมือไพล่หลังแล้วเดินไปเดินมาอยู่ในห้องทำงานของสำนักงานเลขาธิการ “หยุนซีเหยียน”

“ขอรับ ! ”

“ออกคำสั่งต่อผู้ตรวจการเขตให้ทุกอำเภอในเมืองว่อเฟิงรวบรวมสถิติประชากรที่เป็นชาวอี๋ดั้งเดิมและประชากรชาวหยูที่อพยพมา ให้รวบรวมมาเป็นตัวเลขอย่างละเอียดในทันที มิว่าจะเป็นที่ใด หมู่บ้านใดก็ห้ามมิให้ชาวอี๋ดั้งเดิมมีจำนวนมากกว่าชาวหยูที่อพยพเข้ามาใหม่เกินหนึ่งเท่าเป็นอันขาด ! ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)