อ่านสรุป ตอนที่ 724 อำนาจ จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 724 อำนาจ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 724 อำนาจ
หอซื่อฟางตั้งอยู่ในตรอกเถียนสุ่ยริมฝั่งแม่น้ำซิ่วสุ่ย
ตอนที่ฟู่เสี่ยวกวนและหนิงลี่รุ่นมาถึง ทุกคนก็ได้มาถึงกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และได้นั่งบนเก้าอี้ตามการจัดเตรียมของหยุนซีเหยียนแล้ว
ภายในชั้นหนึ่งของหอซื่อฟางมีโต๊ะเรียงรายทั้งสิ้น 28 ตัว บนชั้นสองมีโต๊ะทั้งสิ้น 12 ตัว และในห้องอาหารส่วนตัวแต่ละห้องมีโต๊ะวางอยู่ 2 ตัว
มีผู้อาวุโสประจำตระกูลดั้งเดิมทั้งสิ้น 483 คนและคนค้าขายในพื้นที่อีก 13 คน เมื่อรวมฟู่เสี่ยวกวน หนิงหยู่ชุน หยุนซีเหยียน และหนิงซือเหยียนก็เป็น 500 คนพอดี
ทั้งห้าสิบโต๊ะล้วนมีคนนั่งจนเต็มทั้งหมดแล้ว
สีหน้าของคนทั้งห้าร้อยคนนั้นแตกต่างกันออกไป ความคิดของแต่ละคนก็ยากแท้หยั่งถึง แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันซึ่งนั่นก็คือความหวาดกลัว…
การที่เต้าถายเชิญพวกตนซึ่งเป็นชาวเมืองดั้งเดิมมาร่วมรับประทานอาหารถือเป็นเรื่องที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ !
มิหนำซ้ำพวกตนล้วนแต่เป็นอดีตชาวอี๋ทั้งสิ้น
พวกตนย่อมเคยได้ยินกิตติศัพท์ของผู้ตรวจการณ์ท่านนี้ดี เคยได้ยินมาว่าติ้งอันป๋อผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์หยูเป็นราชบุตรเขยขององค์ฮ่องเต้ และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นองค์ชายแห่งราชวงศ์อู๋อีกด้วย !
ผู้มีสถานะสูงส่งเยี่ยงเขา ในวันนี้กลับมาร่วมรับประทานอาหารกับเหล่าคนชราทั้งหลาย… เขาทำเพื่อแสดงอำนาจหรือเพียงแค่อยากร่วมดื่มสุราใต้แสงจันทราแล้ววาดหวังความรุ่งโรจน์ของว่อเฟิงเต้ากันแน่ ?
หลายคนคาดเดาถึงเจตนารมณ์แอบแฝงของติ้งอันป๋อ และกำลังเฝ้ารอการมาถึงของอีกฝ่ายอย่างกระวนกระวาย
ผู้อาวุโสประจำตระกูลเหล่านี้ล้วนมีอายุ 60 ปีขึ้นไปแล้วทั้งสิ้น การที่พวกตนได้รับการขนานนามให้เป็นผู้อาวุโสประจำตระกูลก็เพราะวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดีนั่นเอง
งานเลี้ยงในวันนี้มีเพียงสองสิ่งที่สำคัญที่สุดซึ่งก็คือ ฟังและดู !
ฟังในสิ่งที่เขาเอ่ยและดูในการกระทำของเขา สองสิ่งนี้จะทำให้รับรู้ได้ถึงทัศนคติที่ติ้งอันป๋อมีต่ออดีตชาวอี๋เยี่ยงพวกตน
บัดนี้หยุนซีเหยียนและหนิงหยู่ชุนกำลังยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าของชั้นหนึ่ง เมื่อเห็นฟู่เสี่ยวกวนเดินจูงมือหนิงลี่รุ่นเข้ามา เขาจึงแผดเสียงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า “ติ้งอันป๋อและหนิงลี่รุ่นผู้อาวุโสตระกูลหนิงจากอำเภอเว่ยหยวนมาถึงแล้ว… ! ”
ทุกคนในชั้นหนึ่งลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประกาศ พวกเขาต่างก็หันมาสบตากันในทันใด… ตาเฒ่าหนิงลี่รุ่นร้ายกาจมิเบา เขาไปยืนข้างกายติ้งอันป๋อโดยมิหือมิอือ… ทุกวันนี้ชื่อเสียงของว่อเฟิงเต้าโด่งดังไปทั่วผืนปฐพี แม้ว่าจะยังมีนกสองหัวอยู่ แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้น
การที่พวกตนมิยอมออกจากว่อเฟิงเต้า ก็เพราะว่าตระกูลของตนอาศัยอยู่ในว่อเฟิงเต้ามาช้านานแล้ว
หากต้องการดำรงอยู่ตลอดไป หากปรารถนาจะก้าวหน้า เห็นทีจะต้องกอดขาของติ้งอันป๋อไว้ให้แน่น
ชั่วอึดใจนั้นผู้อาวุโสประจำตระกูลหลายท่านก็ได้มีความคิดเช่นนี้ขึ้นมา ในเมื่อหนิงลี่รุ่นกลายเป็นคนที่ติ้งอันป๋อไว้เนื้อเชื่อใจ เช่นนั้นต่อไปก็ควรเดินตามเส้นทางของหนิงลี่รุ่น หากสามารถผูกมิตรกับติ้งอันป๋อได้ย่อมเป็นประโยชน์อันใหญ่หลวงของวงศ์ตระกูล !
เมื่อหนิงลี่รุ่นได้ยินดังนั้นก็ชะงักฝีเท้าลง แล้วยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขาส่ายศีรษะเบา ๆ โดยมิได้เอ่ยอันใดออกมาทั้งสิ้น
เพราะมิจำเป็นต้องเอ่ยสิ่งใดอีก
เขาถูกติ้งอันป๋อประทับตราเข้าให้แล้ว ตั้งแต่บัดนี้สืบไปจำต้องตีกลองร้องป่าวให้กับติ้งอันป๋อ ฮึ ! เจ้าหมอนี่…วางแผนลึกซึ้ง แต่กลับมีท่าทีสบาย ๆ ช่างเป็นบุคคลที่มิธรรมดาเสียจริง !
การที่ตระกูลหนิงได้ผูกมิตรกับเขาย่อมเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนี้จึงได้ปล่อยวางความทุกข์ที่อยู่ในใจลง แล้วยืนหลังตรงเผยท่าทีผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม
“ติ้งอันป๋อ เชิญ ! ”
ว่อเฟิงเต้าที่สงบสุขนั้นสอดคล้องกับผลประโยชน์ของตระกูล หากว่าเต้าถายท่านนี้สามารถทำให้ว่อเฟิงเต้าเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้จริง ๆ แน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับวงศ์ตระกูล
ฟู่เสี่ยวกวนและหนิงลี่รุ่นเดินขึ้นไปบนชั้นสองท่ามกลางเสียงปรบมือที่ยังคงดังกึกก้องอยู่
ผู้คนที่นั่งอยู่บนชั้นสองก็ได้ลงมาฟังคำปราศรัยของอีกฝ่ายพร้อมใคร่ครวญไปด้วย และในยามที่คนทั้งสองเดินขึ้นมาจนถึงชั้นสอง เสียงปรบมือก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สีหน้าของฟู่เสี่ยวกวนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม คิดว่าหนิงลี่รุ่นผู้นี้มิเลวเลยทีเดียว สามารถอ่านสถานการณ์ได้อย่างเฉียบขาด อีกทั้งยังรู้จักฉวยโอกาส อืม…หากท่านหนิงเป็นผู้ที่ร่ำเรียนหนังสือมาก็เหมาะสมต่อการรับราชการขุนนางมากเสียทีเดียว อย่างน้อย ๆ ในตอนนี้เขาก็สามารถเป็นตัวแทนภายในใจของชาวอี๋ได้แล้ว
เมื่อมาถึงที่หมาย ฟู่เสี่ยวกวนและหนิงลี่รุ่นก็ได้นั่งลงภายใต้การนำของหยุนซีเหยียน
เขาโบกมือไปมา รอให้เสียงปรบมือค่อย ๆ เบาลง จากนั้นก็ยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ทุกท่าน สถานที่ที่ทำให้พวกท่านสุขใจนั้นมิต้องออกเดินทางไปค้นหายังสถานที่แสนไกลหรอกนะ เพราะทุกท่านล้วนเป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและมีจิตใจที่เปิดกว้าง”
“ราตรีนี้ลมพัดเย็นสบาย จันทราสว่างไสว ข้าจึงไคร่ขอทุกท่านโปรดนั่งลง เอาล่ะ รินสุราได้… ! ”
หลังจากเสียงตะโกนของฟู่เสี่ยวกวนสิ้นสุดลง สุราหมักซีซานก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ
ฟู่เสี่ยวกวนอาสาเป็นคนรินสุราให้ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะ จากนั้นก็ชูจอกสุราขึ้นและเอ่ยอย่างสบาย ๆ หนึ่งประโยคว่า “เกียรติยศและความเสื่อมเสียนั้นอยู่รวมกัน การเกิดและการตายก็เป็นของคู่กัน… ผู้อาวุโสประจำตระกูลทุกท่าน แม้แต่ลูกหลานของท่าน ข้าก็มิลังเลที่จะดื่มเพื่อเป็นเกียรติให้แก่พวกเขา ดังนั้นพวกเราจงยกจอกสุราขึ้นมาแล้วอวยพรให้ว่อเฟิงเต้าเจริญรุ่งเรือง ! ”
ทุกคนพร้อมใจกันยืนขึ้นอีกครา จากนั้นก็พร้อมใจกันกระดกสุราจนหมดจอกเพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีให้แก่วงศ์ตระกูล แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าคำเอ่ยของติ้งอันป๋อนั้นแฝงความนัย…
มีเกียรติย่อมมีเสื่อมเกียรติ มีเกิด…ก็ต้องมีตาย
จางผิงจวี่จ้องมองฟู่เสี่ยวกวนเขม็ง เขารู้สึกว่าสุราจอกนี้…ขมเกินไปหน่อย !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)