ตอนที่ 761 บักฮื้อ ( จบ )
“ข้าเองก็จำมิได้แล้ว นางมักจะพึมพำอยู่คนเดียวส่วนประโยคนี้ข้าลอบฟังมาอีกที”
สวี่หวยซู่ส่ายศีรษะ น้ำเสียงเบาลง จากนั้นก็ถอนหายใจยาว “ถือเป็นโชคร้าย แต่ทว่าหลังจากนั้นท่านพ่อได้ไปบูชาพระพุทธรูปมาองค์หนึ่ง จึงทำให้มารดาของเจ้าเหมือนจะอาการดีขึ้นมา จำได้ว่าในยามนั้นนางเพิ่งอายุได้ 14 ปี นางมิได้รำพึงรำพันกับตนเองอีก ในภายหลังยังสอบเข้าเรียนที่สำนักศึกษาจี้เซี่ยได้อีกด้วย”
ฟู่เสี่ยวกวนตั้งใจฟังโดยที่ยังคิ้วขมวด หลังจากนั้นจึงเอ่ยถามว่า “ท่านลุง ถ้าเช่นนั้นท่านรู้จักบุรุษที่มีนามว่าจี้หยุนกุยหรือไม่ ? ”
สวี่หวยซู่พยักหน้า “รู้จักสิ ตอนที่มารดาเจ้า… เหมือนจะเป็นตอนที่นางอายุได้ 18 ปี นางและหูฉินได้สร้างเรือสำเภาหงซิ่วจาวลำนั้นขึ้นมาบนแม่น้ำฉินหวาย หงซิ่วจาวในยามนั้นมีไว้เพื่อกลั่นสุราเป็นหลัก แน่นอนว่ามารดาของเจ้าและหูฉินได้กลั่นสุราเทียนเซียงออกมา ส่วนจี้หยุนกุยผู้นั้นก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่หงซิ่วจาวเช่นกัน… เจ้ารู้จักนามนี้ได้เยี่ยงไร ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ตอบคำถามของเขา เพราะกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่
เวลาผ่านไปครึ่งถ้วยชา ถึงได้เอ่ยถามอีกคราว่า “จี้หยุนกุยผู้นี้มาจากที่ใด ? ”
สวี่หวยซู่ส่ายหน้าไปมา “มิทราบแน่ชัดเพราะในยามนั้นท่านพ่อก็มิพอใจหงซิ่วจาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ว่ากันว่าตระกูลของพวกเราเป็นตระกูลนักปราชญ์จึงมีอคติมากมายเกี่ยวกับเรือสำเภา นอกจากนี้การที่มารดาของเจ้าซึ่งเป็นเด็กสาวและยังมิทันได้ออกเรือน ไปเที่ยวเตร่สร้างของสิ่งนั้นขึ้นมา สำหรับมุมมองของท่านตาของเจ้าถือเป็นการหยามเกียรติยิ่ง”
“แล้วหลังจากนั้นเล่า ? ”
“หลังจากนั้นอันใด ? ”
“มารดาของข้าหลังจากนั้นเล่า ? ”
สวี่หวยซู่เหลือบมองฟู่เสี่ยวกวน “หลังจากนั้นก็มิมีอันใดนี่ หงซิ่วจาวมีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะสุราเทียนเซียง เมื่อรวมเข้ากับบทเพลงที่มารดาเจ้าเป็นผู้ประพันธ์และท่วงทำนองที่หูฉินบรรเลง พวกนางได้รับนักร้องมาอีก 2 นางและให้ฝึกฝนอยู่ 2 เดือน ทันทีที่หงซิ่วจาวเปิดทำการก็ได้มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเมืองหลวงทันที”
“ดังนั้น…จักรพรรดิเหวินจึงได้รู้จักกับมารดาของข้าตอนไปที่หงซิ่วจาวเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“มิใช่เยี่ยงนั้น พวกเขาเป็นสหายร่วมชั้นกันที่สำนักศึกษาจี้เซี่ย”
ฟู่เสี่ยวกวนรีบเอ่ยถามต่อทันทีว่า “สามารถเอ่ยได้ว่าจักรพรรดิเหวินมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับมารดาตอนอยู่ที่สำนักศึกษาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“มิใช่ ! เพราะในยามนั้นมารดาของเจ้าลังเลเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเป็นเรื่องยากที่นางจะตัดสินใจจนถึงขั้นจงใจหลีกเลี่ยงอู๋ฉางเฟิงในภายหลังด้วยซ้ำ”
“เหตุใดนางต้องหลบหน้าเขาด้วยเล่า ? ”
“ข้าจะทราบได้เยี่ยงไรเล่า หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเขาคือองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์อู๋ก็เป็นได้ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนตื่นตกใจขึ้นมาอีกคราเพราะนี่มิเหมือนกับที่จักรพรรดิเหวินเคยเล่าให้ตนฟังเมื่อตอนที่อยู่กวนหยุนถายเลยนี่ !
เดิมทีจักรพรรดิเหวินเล่าว่า ได้พบกับมารดาคราแรกที่หลานถิงจี๋ในรัชสมัยไท่เหอปีที่สี่สิบ สวี่หวยซู่เอ่ยว่าพวกเขาเป็นสหายร่วมชั้นกันที่สำนักศึกษา… ตรงนี้สามารถอธิบายได้เพราะสวี่หวยซู่อาจจะมิทราบว่าพวกเขาเคยพบกันที่หลานถิงจี๋มาก่อน จากนั้นจึงได้มาเป็นสหายร่วมชั้นหลังจากที่จักรพรรดิเหวินเข้าสำนักศึกษาแล้วนั่นเอง
ปัญหามันอยู่ตรงที่ค่ำคืนบนกวนหยุนถาย จักรพรรดิเหวินเล่าถึงความรักอันสวยงามระหว่างพระองค์และสวี่หยุนชิงไว้อย่างลึกซึ้ง…
‘หยุนชิงมิทราบว่าข้าคือองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์อู๋ พวกเราตกหลุมรักกันและกัน เงาของพวกเรายังหลงเหลืออยู่ในภูเขาเสวียห่ายหลังสำนักศึกษาจี้เซี่ย ในสวนสาลี่บนเกาะชิงโยว… มารดาของเจ้าเอ่ยว่าสวนสาลี่นั้นงดงามมากยิ่งนัก ทุกเดือนสามเมื่อยามดอกสาลี่เบ่งบาน มันจะดูเหมือนกับมีชั้นหิมะตกลงบนเกาะชิงโยวเลยล่ะ…’
เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องราวความรักที่เหมือนกับดอกไม้ใต้แสงจันทร์ ทว่าในยามนี้เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากสวี่หวยซู่ ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนมิสามารถแยกแยะเรื่องราวได้ หากเรื่องที่สวี่หวยซู่เล่ามาถูกต้อง… เช่นนั้นจักรพรรดิเหวินเล่าเรื่องเท็จให้ข้าฟังเยี่ยงนั้นหรือ ?
หากที่สวี่หวยซู่เล่ามาคือเรื่องเท็จ… แล้วเขามีประโยชน์อันใดที่จะต้องโกหกข้ากัน ?
“จากที่เล่ามาคือท่านทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าคือบุตรของผู้ใด ? ”
“แท้จริงแล้ว จนถึงวันนี้ข้าก็ยังมิมั่นใจว่าเจ้าคือบุตรชายของฟู่ต้ากวนหรือจักรพรรดิเหวินกันแน่”
ฟู่เสี่ยวกวนชะงัก “มิใช่ ! ประเดี๋ยวก่อน ก็ในคราแรกเป็นจักรพรรดิเหวินที่มาขอหมั้นหมายมิใช่หรือ ? ”
“ใช่ ! แต่ทว่าท่านพ่อมิได้รับปาก”
“แล้วหลังจากนั้นเล่า ? ”
“หลังจากนั้น… หลังจากนั้นในฤดูหนาวรัชสมัยไท่เหอปีที่สี่สิบสาม มารดาของเจ้าก็โดดกำแพงหนีไปกับชายอ้วนเยี่ยงไรเล่า”
ฟู่เสี่ยวกวนอ้าปากค้าง เขานึกไปถึงตัวอักษรที่แกะสลักไว้บนป้ายหลุมศพ
‘ฤดูหนาวรัชสมัยไท่เหอปีที่สี่สิบสาม หิมะปกคลุมผืนปฐพี คืนนั้นสายลมเปรียบดั่งใบมีด หยุนชิงปีนกำแพงหนีออกมา ข้าและหยุนชิงยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ หยุนชิงมองย้อนกลับไปพบว่าจวนสวี่ค่อย ๆ หายลับไปจากสายตา อาภรณ์เปียกชื้นไปด้วยคราบน้ำตา’
สวี่หยุนชิงหนีไปกับฟู่ต้ากวนจริงเยี่ยงนั้นหรือ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)