นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 773

สรุปบท ตอนที่ 773 จู่โจม ( จบ ): นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปตอน ตอนที่ 773 จู่โจม ( จบ ) – จากเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

ตอน ตอนที่ 773 จู่โจม ( จบ ) ของนิยายทะลุมิติเรื่องดัง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 773 จู่โจม ( จบ )

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบเอ็ด เดือนสอง วันที่สี่ ยามราตรี

นับเป็นเวลา 7 วันแล้วตั้งแต่ที่ชาวฮวงมาถล่มด่านภูเขาเยี่ยนเป็นคราแรก !

จนถึงวันนี้ทั้งสองฝ่ายก็ยังมิเกิดการปะทะในระยะประชิดขึ้น ชาวฮวงยังคงอาศัยความมืดของยามราตรีเพื่อยิงกระสุนปืนใหญ่โจมตีด่านภูเขาเยี่ยน

พวกเขาใช้กลวิธีให้ม้าศึกลากปืนใหญ่ ส่งผลให้ปืนใหญ่หงอีบนกำแพงด่านสูญเสียความแม่นยำไป

จนถึงวันนี้ชาวฮวงยังคงมีปืนใหญ่หงอีเหลืออยู่ 40 กระบอก

เมื่อถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องจึงทำให้กำแพงที่หนาและหนักของด่านภูเขาเยี่ยนถูกระเบิดจนเกิดรูนับพันรู มองดูแล้วก็เหมือนจะอันตรายยิ่ง

แต่ทว่ามันก็ยังมิยอมพังทลายลงมาสักที มันจึงกลายเป็นฝันร้ายของกองทัพดาบสวรรค์ 400,000 นายไปเสียแล้ว

แม่ทัพใหญ่ท่าป๋าเจียนกำหมัดแน่นจนเหงื่อไหลออกมาจากมือ !

“7 วันแล้ว ! ลูกกระสุนปืนใหญ่เหลือเพียง 30 นัดเท่านั้น ! ”

“มิเพียงพอที่จะให้ทุกกระบอกปืนได้ยิงแล้ว ! ”

“หากยังทลายด่านภูเขาเยี่ยนมิได้เยี่ยงนี้ พวกเจ้าคงต้องเข้าไปทลายเองเสียแล้ว ! ”

ท่าป๋าเจียนอยู่ในกระโจมแม่ทัพพร้อมด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด ในมือมีสาส์นจากฮวงถิงอยู่หนึ่งฉบับ

“ฝ่าบาทมีรับสั่งให้พวกเราตีด่านภูเขาเยี่ยนให้แตกภายในสิ้นเดือนหนึ่ง เนื่องจากทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งใกล้จะมาถึงแล้ว… ทว่าพวกเราทำมิสำเร็จตามเป้าหมายและตอนนี้ทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งก็ได้มาถึงอย่างแท้จริงแล้ว ! ”

เขาคว้าสาส์นฉบับนั้นขึ้นมาและตบลงกับโต๊ะอย่างรุนแรง “ทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งกระจายตัวกวาดล้างไปทั่วอาณาเขตธงของพวกเรา พวกมันเผายุ้งฉาง สังหารอาชาศึกอีกทั้งยังแย่งชิงสตรีของพวกเราไป ! ”

ท่าป๋าเจียนสูดลมหายใจเข้าลึก “พวกเจ้าล้วนเป็นนายทหารชั้นผู้นำที่ยอดเยี่ยมของแคว้นฮวง ลูกน้องของพวกเจ้าล้วนเป็นทหารผ่านศึกที่เฉียบแหลมที่สุดซึ่งฝ่าบาททรงเลือกด้วยพระองค์เอง ! ”

“ข้ามิสนว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีการใด เพราะข้ามีเพียงประโยคเดียวที่จะบอกกับพวกเจ้าว่า บัดนี้ฝ่าบาททรงกริ้วมากยิ่งนักและผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมร้ายแรงอย่างแน่นอน ! ”

“วันรุ่งขึ้นยามเช้าตรู่ หากด่านนี้ยังมิยอมแตกพ่าย… พวกเจ้าก็ไสหัวกลับไปรับโทษจากฝ่าบาทเสีย ! ”

“เริ่มการโจมตีได้ ! ”

……

……

ในราตรีที่มืดมิดปรากฏเสียงปืนใหญ่ดังกังวานขึ้นมาอีกครา

หานเฟิ่งมาถึงกำแพงด่านเนิ่นนานแล้ว สีหน้าของเขาเคร่งเครียดและในใจก็กำลังกังวลเป็นอย่างมาก

หากศัตรูยังดาหน้ายิงต่อไปอีกสักสองสามคืน คาดว่ากำแพงด่านคงจะพังทลายลงมาอย่างแท้จริง !

ในยามที่เขากำลังสำรวจกำแพงด่าน เสียวฉีก็ถลาเข้ามารายงานอย่างเร่งรีบว่า “เรียนแม่ทัพหาน บัดนี้ท่านแม่ทัพใหญ่เผิงมาถึงแล้ว โปรดไปที่หอบัญชาการโดยเร็วเถิดขอรับ”

หานเฟิ่งมินึกสงสัยอันใด เนื่องจากสงครามในตอนนี้เข้าสู่ทางตันแล้ว การมาถึงของท่านแม่ทัพใหญ่จึงถือเป็นเรื่องปกติมากยิ่งนัก

เขาจึงพาองครักษ์กลับไปยังหอบัญชาการเพียงสองนายเท่านั้น ทว่าเมื่อไปถึงกลับมิพบเห็นท่านแม่ทัพใหญ่เผิง

บุคคลที่พบกลับเป็นเสี้ยวเว่ยอู๋ฉางแห่งกองทหารม้า และบัดนี้อู๋ฉางก็กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุด

หานเฟิ่งขมวดคิ้วมุ่น เนื่องจากอู๋ฉางมีหน้าที่คุ้มกันบนกำแพงด่าน เขามาที่นี่ด้วยเหตุอันใดกัน ?

“ท่านแม่ทัพใหญ่เผิงอยู่ที่ใด ? ”

อู๋ฉางแสยะยิ้มและโบกมือให้หานเฟิ่ง จากนั้นประตูของหอบัญชาการก็ถูกองครักษ์ของอู๋ฉางปิดลง

หานเฟิ่งหรี่ตามอง “เจ้ามั่นใจแล้วหรือว่าท่านแม่ทัพใหญ่จะพ่ายแพ้ ? ”

“ต้องพ่ายอย่างแน่นอน หากท่านมิยอมจำนน ทหาร 30,000 นายของเจิ้งเถี่ยโถวจะเข้ามาสังหารคนของท่านอย่างรวดเร็ว จากนั้นปืนใหญ่หงอี 300 กระบอกก็จะตกมาอยู่ในมือของข้า ทันทีที่ประตูด่านถูกเปิดออก กองทัพดาบสวรรค์ 400,000 นายจะเข้ามาด้านใน ส่วนแม่ทัพใหญ่เผิงเหลือทหารเพียง 300,000 นายที่ไร้ปืนคาบศิลาและปืนใหญ่หงอี เขาจะเอาอันใดมาสู้กับชาวฮวงกันเล่า ? ”

“ยิ่งไปกว่านั้น… ท่านแม่ทัพใหญ่ยังมิทราบว่าข้าและเจิ้งเถี่ยโถวก่อกบฏ”

หานเฟิ่งหลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึก “พวกเจ้า…กำลังขายชาติ ! ”

เขาลืมตาขึ้นมาอีกครา แววตาทอประกายเย็นชาและทิ่มแทง “พวกเจ้ามิทราบว่าหากรักษาเมืองซินโจวเอาไว้มิได้ และหากชาวฮวงบุกไปตลอดเส้นทางลงใต้นี้จะมีชาวบ้านต้องทนทุกข์ทรมานจำนวนเท่าใดกัน ? หรือเจ้ามิทราบถึงความโหดเหี้ยมของชาวฮวง ? พวกมันจะ…”

หานเฟิ่งยังเอ่ยมิทันจบอู๋ฉางก็เอ่ยแทรกขึ้นมาทันที สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของหานเฟิ่งและตะโกนเสียงดังว่า “ท่านอย่ามาเอ่ยเรื่องเหล่านี้กับข้า ตอนนี้ข้าขอถามท่านเป็นคราสุดท้าย หากยอมจำนน ชีวิตทหารใต้บัญชา 30,000 นายของท่านจะปลอดภัย แต่หากมิยอมจำนน… ! ”

‘พลั่ก… ! ’ หานเฟิ่งง้างกำปั้นขึ้น จากนั้นก็ชกเข้าที่ใบหน้าของอู๋ฉางจนหน้าหันและกระอักโลหิตออกมา

ทันใดนั้นอู๋ฉางก็หัวเราะร่าขึ้นมาราวกับคนเสียสติ “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”

เขายกมือขึ้นมาเช็ดคราบโลหิตที่ปาก ทันใดนั้นสีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยนไป “สังหาร ! ”

ปรากฏปลายดาบสองเล่มแทงทะลุมาจากด้านหลังของหานเฟิ่ง

เวลาหนึ่งถ้วยชาให้หลัง ‘ปังปังปัง…’ มีเสียงปืนดังขึ้นบนกำแพงด่าน หลังจากนั้นก็มีเสียงหวีดร้องและเสียงคร่ำครวญดังออกมาเป็นระลอก…

อู๋ฉางมิได้ออกไปจากหอบัญชาการทว่ายังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม ยกมือขึ้นลูบใบหน้าพลางฟังเสียงร้องโหยหวน จากนั้นน้ำตาก็ไหลลงมาอาบสองแก้ม

“เหล่าหาน ท่านชื่นชมฟู่เสี่ยวกวนมากจนเกินไป ขออภัยด้วย ทว่าท่านมิต้องห่วงเพราะข้าจะเผากระดาษหน้าหลุมศพของท่านทุกปี”

ในราตรีนั้น ด่านภูเขาเยี่ยนจึงแตกออก

โดยแตกจากด้านใน !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)