นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 783

สรุปบท ตอนที่ 783 ราตรีสงัด ดาราพร่างพราว: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 783 ราตรีสงัด ดาราพร่างพราว – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

บท ตอนที่ 783 ราตรีสงัด ดาราพร่างพราว ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 783 ราตรีสงัด ดาราพร่างพราว

เหล่าทหารของกองทัพชายแดนเหนือรู้สึกเหนื่อยล้ามากยิ่งนัก

เป็นความเหนื่อยล้าทางกายที่ต้องเดินทางไกล และยังมีความเหนื่อยล้าทางจิตใจด้วยเช่นกัน

แม่ทัพใหญ่ละทิ้งด่านภูเขาเยี่ยนที่พวกตนคอยปกปักรักษามาโดยตลอด และได้ละทิ้งเมืองซินโจวที่เป็นบ้านของพวกตนด้วยเช่นกัน

ท่านเอ่ยว่าฝ่าบาททรงมอบหมายภารกิจลับให้

แล้วภารกิจนั้นคือภารกิจใดกัน จนถึงวันนี้แม่ทัพใหญ่ก็มิได้เอ่ยถึงแม้แต่คำเดียว

วันนี้พวกเขาได้เข้าสู่แคว้นฮวงแล้ว หรือต้องการจู่โจมฮวงถิงเยี่ยงนั้นหรือ ?

หากเป็นเช่นนั้น เหล่าทหารย่อมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง หากสามารถจู่โจมฮวงถิงได้ก็ถือเป็นการลบล้างความอัปยศที่สูญเสียด่านภูเขาเยี่ยนไป

ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้กลับแตกต่างออกไป

กองทัพเบื้องหน้าที่พวกตนกำลังไล่ตามอยู่นั้นมีระยะห่างร่นเข้ามาเรื่อย ๆ เหล่าสหายกองพันสอดแนมได้เอ่ยว่า… กองทัพนั้นมิใช่ชาวฮวง !

แต่เป็นชาวหยู !

มีความเป็นไปได้สูง ที่ทหารดาบเทวะจะเป็นฝ่ายกวาดล้างชาวฮวง !

เยี่ยงนั้นกองทัพชายแดนเหนือเยี่ยงพวกตน จะไล่ตามกองทัพทหารดาบเทวะกองที่หนึ่งหลายพันลี้เพื่อเหตุใดกัน ?

สละด่านโดยมิปกปัก ปล่อยปละผู้คนนับล้านในเมืองซินโจวโดยมิแยแส พวกเขาวิ่งมาไกลจนถึงแคว้นฮวงแต่มิได้รบกับเมืองใดของชาวฮวง ทว่ากลับไล่ตามท้ายทัพทหารดาบเทวะเยี่ยงนี้ สุดท้ายแล้วทำไปเพื่ออันใดกัน ?

มิมีผู้ใดทราบ แต่มีผู้วิเคราะห์ไว้อย่างละเอียด

โดยเฉพาะในตอนที่ผู้สอดแนมกลับมาในราตรีนี้ เขาเอ่ยว่าติ้งอันป๋อน่าจะอยู่ในกองทัพทหารดาบเทวะนี้ด้วย

หรือที่พวกเราวิ่งมาจนถึงที่นี่มิใช่เพื่อสังหารชาวฮวง แต่มาเพื่อสังหาร…

ความคิดนี้ทำให้ทหารหลายนายจิตใจสั่นสะท้าน เนื่องจากระหว่างท่านแม่ทัพใหญ่และติ้งอันป๋อก็มิได้มีความแค้นเคืองอันใดต่อกัน

นอกจากนี้ปืนใหญ่หงอีบนกำแพงของด่านภูเขาเยี่ยนและเมืองซินโจวรวมถึงปืนคาบศิลาหลายหมื่นกระบอกล้วนเป็นติ้งอันป๋อที่มอบให้ !

เพราะมีปืนพวกนี้จึงทำให้กองทัพชายแดนเหนือก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสี่กองทัพชายแดน เช่นนั้นพวกตนจึงภาคภูมิใจมากยิ่งนักและเบื้องลึกของจิตใจก็ได้ชื่นชมติ้งอันป๋ออย่างสุดซึ้ง

มีปืนคาบศิลาและปืนใหญ่หงอีอยู่ แต่ยังเสียด่านภูเขาเยี่ยนไป มิมีแล้วเมืองซินโจวบ้านของพวกเขา แน่นอนว่ามิได้สังหารชาวฮวงแม้แต่คนเดียว แต่กลับวิ่งมาจนถึงนี่เพื่อสังหารติ้งอันป๋อ… นี่เป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้วหรือ ?

หรือว่าท่านแม่ทัพใหญ่เลอะเลือนไปหมดแล้ว ?

เขาเอ่ยว่านี่คือภารกิจลับที่ฝ่าบาททรงมอบหมายมา ติ้งอันป๋อคือราชบุตรเขยของฝ่าบาท พ่อตาต้องการสังหารบุตรเขยเยี่ยงนั้นหรือ ? หรือว่าติ้งอันป๋อได้หย่าร้างกับองค์หญิงเก้าแล้วกัน ?

โดยสรุปแล้ว การคาดเดาต่าง ๆ ก็ได้เกิดขึ้นมาอย่างลึกลับในกองทัพ หลังจากที่ข่าวนี้แพร่กระจายไปก็ย่อมมาถึงหูของเผิงเฉิงอู่โดยมิต้องสงสัย

ทว่าเขาก็ยังมิกล่าวอันใดออกมา

บัดนี้เขากำลังนั่งอยู่ในกระโจม และกำลังเขียนจดหมายถึงศิษย์พี่เผิงยวี๋เยี่ยน

นี่คือจดหมายสั่งลา !

เขาใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการเขียนจดหมายนี้ และได้ส่งมอบให้กับองครักษ์นายหนึ่ง จากนั้นก็สั่งให้องครักษ์นายนั้นรีบตรงไปยังกองทัพชายแดนใต้ทันที

เขาลุกขึ้นยืนแล้วขยับร่างกายยืดเส้นยืดสาย จากนั้นก็ออกไปยืนอยู่ด้านนอกกระโจมแล้วจ้องมองไปยังค่ายทหารที่ตั้งห่างออกไป 10 ลี้ เงยหน้าขึ้นมองดวงดาราบนท้องนภาอันกว้างไกล

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกหดหู่มากยิ่งนัก !

“ฟู่เสี่ยวกวน ข้าต้องขออภัยท่านด้วย ! ”

เผิงเฉิงอู่เอ่ยประโยคนี้ต่อท้องนภาอันกว้างใหญ่ หลังจากนั้นก็ได้บังเกิดความรู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมา ภัยคุกคามใหญ่หลวงที่มิรู้จักกำลังปกคลุมไปทั่วร่าง ยังมิทันที่จะได้ชักกระบี่ออกมาก็ได้ปรากฏลูกศรดอกหนึ่งพุ่งมาจากท้องนภา ไร้เสียงไร้ร่องรอย ยิงเข้าที่ไหล่ของเขา และพลังอันมหาศาลของมันก็ได้ส่งเขาลอยเข้าไปในกระโจม

ร่างของเขากระแทกลงพื้น คาดมิถึงว่าลูกศรนี้จะทะลวงสะบักไหล่ออกมาจนทำให้เขาโดนตอกติดกับพื้น

ยังมิทันได้ส่งเสียงร้องตกใจ ก็ได้เห็นคนผู้หนึ่งพุ่งเข้ามาในกระโจมราวกับสายลมกระโชกแรง ง้างมือและตบลงจนเขาสลบไป

เป่ยหวังฉวนเบะปาก จากนั้นก็ดึงลูกศรออกมาแล้วสอดกลับเข้าไปในกระบอกดังเดิม

เขาแบกร่างของเผิงเฉิงอู่และเป่าตะเกียงภายในกระโจมให้ดับ จากนั้นก็เดินหายไปในความมืด

เผิงเฉิงอู่ตื่นขึ้นมาและได้ยินประโยคนั้นเข้าพอดิบพอดี

ทันใดนั้นก็บังเกิดอารามตื่นตระหนกขึ้นมาทันพลัน และผุดลุกขึ้นจากพื้นทันที ความเจ็บปวดแผ่ซ่านออกมาจากสะบักไหล่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก และจ้องมองไปยังใบหน้าที่มิคุ้นเคยที่นั่งอยู่ข้างกองไฟ

“พวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนเหลือบไปมองเขา ฉีกขากระต่ายหนึ่งข้าง จากนั้นก็ส่งไปให้เขา “ทานสักหน่อยเถิด… ข้าคือฟู่เสี่ยวกวน ! ”

ทันใดนั้นเผิงเฉิงอู่ก็ก้าวถอยหลังไปสองก้าว เขามิเคยพบฟู่เสี่ยวกวนมาก่อน แต่ก็เชื่ออย่างสุดใจว่าคนผู้นี้คือฟู่เสี่ยวกวน !

“ข้ามิได้ให้ท่านทานเนื้อมนุษย์สักหน่อย ท่านกลัวอันใดกันเล่า เข้ามานั่งแล้วสนทนากันสักหน่อยเถิด”

ดวงตาของเผิงเฉิงอู่จดจ้องไปยังฟู่เสี่ยวกวนอย่างเอาเป็นเอาตาย เขานิ่งเงียบไปหลายอึดใจก่อนจะเดินเข้าไปและนั่งลงข้างกองไฟ พลางยื่นมือไปรับขากระต่ายหนึ่งข้างมากัดอย่างดุดัน

“จะกล่าวว่า… ท่านทราบอยู่แล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ” เขากลืนเนื้อกระต่ายลงไปทั้งก้อนแล้วเอ่ยถามขึ้นมา

“เมื่อปีก่อน ข้าได้ไปเข้าร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมของราชวงศ์อู๋ และได้ผ่านค่ายใหญ่ของกองทัพชายแดนใต้จึงได้พบกับเผิงยวี๋เยี่ยนหนึ่งครา เมื่อปีที่แล้ว ณ ด่านชีผานก็ได้พบนางอีก ในฐานะบุตรีของอันกั๋วกงนั้นทุกสิ่งที่นางกระทำ ข้าชื่นชมจากใจจริง นางคู่ควรเป็นวีรสตรีแห่งราชวงศ์หยู ! ”

“นางเคยเอ่ยถึงท่านว่า ท่านเป็นบุตรบุญธรรมของอันกั๋วกงและมีฝีมือด้านการทำสงคราม ท่านคือผู้สืบทอดทักษะการทำสงครามของอันกั๋วกง…”

ฟู่เสี่ยวกวนหันไปมองเผิงเฉิงอู่ ในแววตาสะท้อนภาพเปลวไฟที่กำลังลุกโชน

“คุณสมบัติของผู้บัญชาการกองทัพนั้น การรู้ทักษะทางทหารเป็นเพียงหนึ่งในนั้น ข้าคิดว่ารู้แจ้งคุณธรรม รู้แจ้งจริงเท็จและรู้แจ้งสัจธรรม… สิ่งเหล่านี้ต่างหากถึงจะเป็นความสามารถพื้นฐานที่สุดของผู้บัญชาการกองทัพ”

“แต่ท่าน… ท่านได้ทิ้งศักดิ์ศรีของอันกั๋วกงไปเสียแล้ว ! ”

“ท่านทราบหรือไม่ว่าผู้คนนับล้านในเมืองซินโจวหลงเหลือผู้รอดชีวิตเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ? ”

“ทราบหรือไม่ว่าทหาร 60,000 นายที่คอยคุ้มกันเมืองซินโจวเหลือเพียงแค่ 3,000 นาย ? ”

“ท่านทราบหรือไม่ว่าทหาร 60,000 นายที่ประจำการ ณ ซงกั่ง แทบจะถูกกวาดล้างไปทั้งกองทัพ ? ”

“เจ้ามิคู่ควรกับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่เพราะมิมีจุดยืนเป็นของตนเอง เจ้าแยกแยะความดีความชั่วมิได้ สุดท้ายเจ้าก็เป็นได้แค่สุนัขที่คอยหมอบอยู่ข้างกายฮ่องเต้เท่านั้น ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)