ตอน ตอนที่ 795 เพลงกองทัพดังก้องกังวาน ( จบ ) จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 795 เพลงกองทัพดังก้องกังวาน ( จบ ) คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 795 เพลงกองทัพดังก้องกังวาน ( จบ )
ท่าป๋าหยูคำรามเสียงดัง
“สกัดพวกมันเอาไว้…ห้ามถอย หากมันผู้ใดกล้าถอย…”
เสียง ‘ฉึก’ ดังขึ้นมา
ในที่สุดเป่ยหวังฉวนก็พบตาเฒ่านี่เสียที แน่นอนว่าลูกศรที่พุ่งเข้ามาดอกนี้ทำให้ท่าป๋าหยูต้องแผดเสียงร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวด
ลูกศรดอกนี้ปักเข้าที่ลำคอของท่าป๋าหยู ทว่าเขามิล้มลงแต่อย่างใด
ท่าป๋าหยูถือลูกธนูเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งโบกไปมากลางอากาศอย่างตื่นตระหนกโดยมิรู้ว่าต้องการความช่วยเหลือหรือต้องการให้ทหารเดินหน้าโจมตีต่อไป
“ท่านแม่ทัพใหญ่ตายแล้ว… ! ”
ทันใดนั้นกองทัพชาวฮวงก็ได้บังเกิดความวุ่นวายขึ้น ท่าป๋าหยูส่งเสียงร้องออกมาอีกไม่กี่คำ ดวงตาของเขาพลันเบิกโพลง จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น
ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังท้องนภาสีครามกว้างไกลไร้สิ้นสุด
ภายใต้ท้องนภาสีครามนี้ เขานอนอยู่บนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่
ที่นี่คือผืนปฐพีของแคว้นฮวงซึ่งเป็นบ้านเกิดของตน
ปรากฏเท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนหน้าท้องของท่าป๋าหยู มีเท้าอีกข้างหนึ่งอยู่บนใบหน้า จากนั้นก็มีเท้ามากมายเหยียบย่ำอยู่บนร่างกายของเขา เขารู้เพียงแต่ว่าตนถูกเหยียบย่ำลงไปในดินโคลนจนแบนราบ จากนั้นก็มิรับรู้สิ่งใดอีกเลย
ชาวฮวงรีบถอยห่างราวกับกระแสน้ำย้อนกลับ บางคนปีนขึ้นแพลอยน้ำ บางคนกระโดดลงแม่น้ำแล้วว่ายไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างสิ้นหวัง
เฮ้อซานเตามิรู้ว่าเกิดอันใดขึ้นในขณะนี้ เขารู้เพียงแค่ว่าต้องร้องเพลงและสังหารพวกมันเท่านั้น
เขาเป็นดั่งยมทูตที่ไล่สังหารชาวฮวงผู้ปราชัย ปากยังคงร้องเพลงกองทัพอยู่ น้ำเสียงมิค่อยไพเราะสักเท่าใดนัก ทว่าเมื่อสหายร่วมรบได้ฟังก็รู้สึกว่านี่คือเสียงของธรรมชาติ ส่วนศัตรูเมื่อได้ฟังเพลงกองทัพแล้วจึงรู้สึกว่านี่มันมิต่างอันใดกับเสียงเตือนภัยเลยสักนิด
“เลือดร้อนแรงในกายลุกท่วม
เปล่งประกายเจิดจรัส !
จงเป็นชายชาตรี
ดุเดือดเลือดพล่าน
สว่างไสวยิ่งกว่าสุริยัน… ! ”
ทันทีที่ร้องถึงท่อนนี้ เขาก็ได้ลอยตัวไปยังแม่น้ำเซียวโดยมิรู้ด้วยซ้ำว่านอกจากหนิงซือเหยียนที่อยู่ข้างหลังแล้ว มิมีสหายคนใดตามมาเลยสักคน
นัยน์ตาที่ทอประกายความตื่นตกใจของหนิงซือเหยียน ได้สะท้อนภาพของผู้บังคับการถือดาบสองเล่มโดยมิเกรงกลัวต่อสิ่งใดบุกเข้าไปสังหารศัตรูผู้พ่ายแพ้สงคราม
หนิงซือเหยียนเห็นสถานการณ์อันน่าเวทนาในสนามรบเป็นคราแรก และได้เห็นผู้กล้าหาญเยี่ยงนี้เป็นคราแรกเช่นกัน
เขาจำชื่อบุรุษผู้นี้ได้…นามของคนผู้นี้คือเฮ้อซานเตา !
กวนเสี่ยวซีก็ลอยตามมาด้วยอีกคน เจ้าลูกหมาทั้งหลาย ! ข้าใช้ความพยายามสุดชีวิตก็ยังห้ามปรามมิได้ !
เขามิได้อิจฉาหรอก ตรงกันข้ามกลับเลื่อมใสในคนผู้นั้นยิ่ง เฮ้อซานเตาเกิดมาเพื่อต่อสู้อย่างแท้จริง !
มิเหนื่อยที่จะก้าวต่อ อึดทึกทน มิกลัวตาย คนเยี่ยงนี้หากผู้ใดไปเป็นศัตรูกับเขาต้องทุกข์ทรมานมากเป็นแน่
เศรษฐีที่ดินนั้นเก่งไปเสียทุกอย่าง น่าเสียดายที่ร้องเพลงมิได้เรื่องเอาเสียเลย
รอให้จบสงครามนี้ก่อนเถิด ข้าจะทำให้เขาหุบปาก !
กองทัพทหารดาบเทวะทั้งหมดไล่ล่าชาวฮวงจนถึงแม่น้ำเซียว จากนั้นก็สู้รบกันอีกครา นี่เป็นการสังหารหมู่จากฝ่ายเดียวเพราะท่าป๋าหยูถูกสังหารไปแล้ว ทหารชาวฮวงที่เหลืออีก 200,000 นายจึงถูกกองทัพทหารดาบเทวะทำให้หวาดกลัว ผู้ใดจะกล้าหันหน้ากลับมาท้าทายอีก
พวกมันรีบวิ่งไปยังที่ตั้งของค่าย…แล้วค่ายหายไปที่ใดแล้วเล่า ?
นี่เกิดอันใดขึ้นกันแน่ !
แม้แต่ค่ายทหารก็หายไป !
อาชาศึก ใช่ ! รีบควบอาชาแล้วหนีไปดีกว่า
ไอหยา… อาชาศึกของข้าเล่า ?
อาชาของข้าหายไปที่ใดแล้ว ?
ในอีกด้านหนึ่งของสนามรบ สวี่หยุนชิงและซูฉางเซิงได้เฝ้ามองสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ อีกชั่วครู่
“บทเพลงนี้ช่างไพเราะเสียจริง”
ซูฉางเซิงพยักหน้าเห็นด้วย “เป็นเพลงกองทัพที่เขาประพันธ์ให้กับทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่ง เจ้ามิเคยได้ยินมาก่อนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
สวี่หยุนชิงส่ายศีรษะ “ข้าคิดว่า…ข้าควรพยายามติดต่อกับเขาได้แล้ว”
“ควรเป็นเยี่ยงนั้นเพราะอุปนิสัยของเขาค่อนข้างดี แล้วมันจะเป็นแบบที่เจ้าคิดได้เยี่ยงไร เขาย่อมมิตำหนิที่เจ้าจากไป ยิ่งไปกว่านั้นเขาคงรู้สึกมีความสุขที่ได้พบกับมารดาอีกครา”
“จริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ท่ามกลางเสียงร้องเพลงนั้น จิตวิญญาณนักสู้ของเฟิงเสียนชูลดน้อยลงเรื่อย ๆ เขาต้องการปลดอาวุธและมิอยากถือดาบอีกต่อไป
กองทัพ 200,000 นายของแคว้นอี๋จึงมุ่งหน้าไปยังเกาเชวียซาย
กองทัพดาบเทวะราว 50,000 นายไล่ล่าสังหารทหารฮวงมากกว่าแสนนายที่มุ่งหน้าหลบหนีไปทางเมืองชางยิง…หลังจากที่ต่อต้านเป็นเวลา 1 ชั่วยาม ชาวฮวงก็ได้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ
เซียวเหอหยวนเงียบสงบลงทันใด มีเพียงกลิ่นคาวโลหิตลอยมากับสายลมยามราตรีและซากศพนอนเกลื่อนกลาด เหตุการณ์โศกนาฏกรรมครานี้ช่างน่าสลดใจมากยิ่งนัก
ทหารดาบเทวะไล่ตามศัตรูเป็นเวลาสามวันสามคืน
ในยามเย็นของวันที่ยี่สิบหก เดือนสาม ทหารชาวฮวงที่หนีไปยังเมืองชางยิงมีเหลืออยู่ราว 50,000 นาย
ส่วนทหารดาบเทวะยังมีจำนวน 50,000 นายดังเดิม มิได้ลดน้อยลงเลย
เมื่อได้รับรายงานว่าทหารชาวฮวงกำลังใกล้เข้ามา เผิงเฉิงอู่จึงขึ้นไปที่ปราการเมือง จากนั้นจึงได้เห็นทหารดาบเทวะสังหารทหารชาวฮวงคนที่รั้งอยู่ท้ายสุดของแถวเข้าพอดี !
เขารู้สึกตื่นตกใจเป็นอย่างมาก !
กองทัพทหารดาบเทวะสามารถเอาชนะกองทัพ 500,000 นายของแคว้นฮวงด้วยกำลังทหารเพียง 90,000 นายเท่านั้น !
ชาวฮวงมิได้กลับมาอย่างองอาจตามแผนการที่ฟู่เสี่ยวกวนคาดเอาไว้ ทว่าพวกเขากลับมาอย่างจนมุม
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ทหารชาวฮวงพวกนี้มิได้ตั้งใจกลับไปที่ฮวงถิงหรอก แท้ที่จริงแล้วถูกกองทัพทหารดาบเทวะไล่สังหารจนไร้ที่ไปต่างหากเล่า !
เขาถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นก็หลับตาลงอย่างเชื่องช้า
หากปฏิบัติตามกลยุทธ์ของฟู่เสี่ยวกวนแล้วร่วมมือกันตั้งแต่ต้น กองทัพชายแดนเหนือจะต้องมีชื่อเสียงในสงครามครานี้อย่างแน่นอน !
ทว่าตอนนี้ ในสายตาของฮ่องเต้คือตนได้ฝ่าฝืนราชโองการเสียแล้ว
ในสายตาของทหารและแม่ทัพที่ชายแดนเหนือเห็นว่าเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้เลือดเย็นจนต้องละทิ้งเมือง ละทิ้งราษฎรเมืองซินโจวหลายล้านคน
ความทุกข์ของมนุษย์แต่ละคนก็คงมิแตกต่างกัน
“จงรับคำสั่ง…”
“ทหารทุกนาย จงออกไปจากเมืองเพื่อสังหารศัตรูเสียให้สิ้น ! ”
ประตูเมืองชางยิงถูกเปิดออก กองทัพชายแดนเหนือ 200,000 นายพลันหลั่งไหลออกมา ส่งผลให้ทหารชาวฮวงที่ยังหลงเหลืออยู่หมดหนทางและโดนทำลายเสียจนสิ้นซาก พวกเขาใช้เวลาสังหารทหารชาวฮวงเพียง 1 ก้านธูปเท่านั้น
แม้จะเป็นเช่นนี้ เผิงเฉิงอู่ก็มิได้บังเกิดความยินดีแต่อย่างใด เขาจ้องมองไปที่สุริยาที่กำลังจะตกดิน จากนั้นก็ได้ตัดสินใจบางอย่างเป็นคราสุดท้ายเงียบ ๆ คนเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)