ตอนที่ 798 พลีชีพ
“ทูลฝ่าบาท ถือเป็นเกียรติของตระกูลเยี่ยนอย่างสูงพ่ะย่ะค่ะ ! เพียงแต่…”
เยี่ยนเป่ยซีตริตรองอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ทูลถามด้วยความสงสัยว่า “มิรู้ว่าองค์รัชทายาททรงคิดเห็นเยี่ยงไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ ? ฝ่าบาททรงถามความเห็นขององค์รัชทายาทแล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ ? ”
ในความเป็นจริงเยี่ยนเป่ยซีมิได้สนใจหรอกว่าหยูเวิ่นเต้าจะมีความคิดเห็นเยี่ยงไร
หากเป็นเมื่อก่อน การที่เยี่ยนชิ่งยีได้อภิเสกสมรสกับหยูเวิ่นเต้านั้น เขาจะรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ทว่าตอนนี้สถานการณ์ได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว
ในอีกแง่มุมหนึ่ง หากตระกูลเยี่ยนมิสามารถแยกจากฟู่เสี่ยวกวนได้ ย่อมหมายความว่าความรุ่งเรืองของตระกูลเยี่ยนจะขึ้นอยู่กับฟู่เสี่ยวกวนเท่านั้น
และอีกแง่มุมหนึ่ง หากฝ่าบาทลงมือกับฟู่เสี่ยวกวนแล้ว ความขัดแย้งที่เฝ้าเก็บงำเอาไว้ระหว่างทั้งสองคน เกรงว่าพวกเขาจะเดินออกจากที่มืดไปยังจุดสว่างและมีแนวโน้มในการทำสงครามเป็นอย่างยิ่ง
หากฟู่เสี่ยวกวนมิสิ้นลมและฮองเฮาซั่งยังคอยช่วยเหลืออยู่ บางทีเรื่องนี้อาจจะมีโอกาสพลิกกลับจากร้ายกลายเป็นดีได้
หากฟู่เสี่ยวกวนตายในสนามรบ สงครามระหว่างราชวงศ์หยูและราชวงศ์อู๋ก็เกรงว่าจะดำเนินไปอย่างเลวร้ายเช่นกัน
บัดนี้ฮ่องเต้ตรัสว่าประสงค์ให้เยี่ยนชิ่งยีเป็นพระชายา… เยี่ยนเป่ยซีจึงสรุปได้ว่า…ฟู่เสี่ยวกวนยังมิตาย !
ความสัมพันธ์ระหว่างฟู่เสี่ยวกวนและหยูเวิ่นเต้านั้นเปรียบเสมือนพี่น้อง ส่วนเยี่ยนเสี่ยวโหลวและเยี่ยนชิ่งยีก็เป็นพี่น้องกัน !
ฮ่องเต้ต้องการให้ตระกูลเยี่ยนเป็นสื่อกลางสำหรับความขัดแย้งนี้ !
ทว่าเยี่ยนเป่ยซีตระหนักได้ว่า นี่มิใช่ความขัดแย้งระหว่างเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงธรรมดา เนื่องจากฟู่เสี่ยวกวนกำลังจะเป็นจักรพรรดิ นี่จึงเป็นความขัดแย้งระหว่างโอรสสวรรค์ทั้งสองพระองค์ !
ฮ่องเต้แยกเขี้ยวแว้งกัดฟู่เสี่ยวกวน ทว่าราชบุตรเขยรู้ทันพ่อตา เกรงว่าคราต่อไปหากฟู่เสี่ยวกวนคิดจะหาวิธีที่จะแว้งกัดบ้าง ตระกูลเยี่ยนจะไกล่เกลี่ยปัญหานี้เยี่ยงไร ?
ตัวเขายังจะมีหน้าไปพบฟู่เสี่ยวกวนอีกหรือ !
ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เยี่ยนเป่ยซีได้กลับมาคิดเรื่องราวมากมาย ในความเป็นจริงเขาคิดหาวิธีหลีกเลี่ยงความขัดแย้งนี้ได้แล้ว ทว่ามิสามารถเอ่ยมันออกมาได้ อืม…ฮ่องเต้จะสละราชบัลลังก์แล้วให้หยูเวิ่นเต้าขึ้นครองบัลลังก์แทน
ด้วยเหตุนี้แม้ว่าฟู่เสี่ยวกวนจะยังคงเป็นศัตรูกับฮ่องเต้อยู่ ทว่าก็มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะมิเอาความขัดแย้งนี้มาเกี่ยวข้องกับหยูเวิ่นเต้า
ในฐานะบุตรเขยอาจจะมิติดต่อและไปมาหาสู่กันอีก ทว่าสำหรับพี่เขยยังคงสามารถร่วมดื่มชาและสนทนากันได้อยู่
เยี่ยนเป่ยซีมิกล้าเอ่ยสิ่งนี้ออกไป เพราะเชื่อว่าฮ่องเต้ก็เข้าพระทัยในเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว สุดท้ายจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฮ่องเต้เท่านั้น
“เรื่องนี้ฮองเฮาซั่งได้ตรัสกับองค์รัชทายาทแล้ว รัชทายาทก็ตอบตกลงแล้ว เนื่องจากใต้หล้านี้มิมีตระกูลใดเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาเท่ากับตระกูลผู้มีอำนาจเยี่ยงตระกูลเยี่ยนอีกแล้ว เรื่องนี้พอแค่นี้เถิด รอให้ประชุมใหญ่ราชวงศ์ในวันพรุ่งนี้เจ้าก็มาเข้าร่วมด้วย ข้าจะมีรับสั่งเรื่องนี้ออกไปให้ทราบโดยทั่วกัน”
เยี่ยนเป่ยซีค่อย ๆ ลุกขึ้น จากนั้นก็ทำความเคารพต่อองค์ฮ่องเต้ “กระหม่อม…ขอบพระทัยฝ่าบาท ! ”
“นั่งลงแล้วดื่มเถิด ! ”
“ฝ่าบาท ทูลเชิญพ่ะย่ะค่ะ ! ”
……
……
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบเอ็ด วันที่สามสิบ เดือนสาม มีรายงานด่วนอีกหนึ่งฉบับถูกส่งไปยังห้องทรงพระอักษร
‘เมื่อวันที่ยี่สิบหก เดือนสาม แม่ทัพใหญ่เผิงผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพชายแดนเหนือนำทหาร 200,000 นายเข้าสู้รบกับกองทัพดาบสวรรค์จำนวนกว่า 200,000 นาย ณ เมืองกูหยุน แคว้นฮวง
สู้รบกันตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงยามเย็น สุดท้ายกองทัพดาบสวรรค์ทั้งหมด 200,000 นายก็ถูกทำลายจนสิ้น ส่วนกองทัพชายแดนเหนือก็ได้เสียชีวิตพร้อมกับกองทัพดาบสวรรค์ ณ ที่แห่งนั้น
ศพนอนเกลื่อนทุกหนทุกแห่ง พื้นที่รกร้างเต็มไปด้วยโลหิต ช่างเป็นเรื่องที่น่าสลดใจมากยิ่งนัก
แม่ทัพใหญ่เผิงเองก็มิรอด เขาได้สละชีพในสนามรบนั้น’
เผิงเฉิงอู่ตายแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
เขาต่อต้านข้าด้วยวิธีการเช่นนี้เยี่ยงนั้นหรือ !
เขาใช้วิธีนี้เพื่อให้ชื่อเสียงของแม่ทัพใหญ่เป็นที่กล่าวขานอย่างโจษจัน เขาเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ แล้วทิ้งเรื่องราวเอาไว้ภายใต้ปลายพู่กันนี้
แล้วข้าเล่า ?
เขาคิดว่าข้าจะรู้สึกเยี่ยงไร ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)