นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 815

ตอนที่ 815 น้ำเค็ม

นอกจากหนานกงอี้หยู่แล้ว ก็มิมีผู้ใดรู้ถึงผลของการเจรจา ณ ตรอกเจ็ดก้าวแห่งเมืองเปียนเฉิงเลยสักคนเดียว

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบเอ็ด วันที่แปด เดือนห้า กองทัพของราชวงศ์อู๋จำนวน 600,000 นายที่ปิดล้อมเมืองชังถงเริ่มถอนทัพ แต่ยังเหลือทหารจำนวน 50,000 นายไว้รักษาการณ์ที่เมืองเปียนเฉิง

ฮองเฮาซั่งเสด็จกลับมาถึงเมืองชังถงและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากราษฎรและเหล่าทหาร

หลังจากฮองเฮาซั่งเสด็จมาถึงเมืองแห่งนี้ ความกลัวและความกังวลตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็พลันมลายหายไปในทันใด นี่คือความโชคดีของราชวงศ์หยูและเป็นความโชคดีของราษฎร

ทว่าขบวนเสด็จของฮองเฮาซั่งมิได้หยุดที่เมืองชิงถงและมิได้หยุดพักเหนื่อยที่จวนแม่ทัพใหญ่ นางเพียงเอ่ยทักทายราษฎร แล้วเสด็จมุ่งหน้าไปยังจินหลิงทันที

หยูชุนชิวมิรู้ถึงเหตุผล แต่ก็ได้บัญชาการให้กองทัพทหารชายแดนใต้ถอยกลับไปยังที่ราบชังซี เมื่อทราบว่ามีทหารราว 50,000 นายของราชวงศ์อู๋ประจำการอยู่ในเปียนเฉิง หยูชุนชิวก็นิ่งเงียบไปกว่าครึ่งค่อนวัน

หากทำผิดก็ต้องชดใช้

ทว่าราคาที่ต้องจ่ายนี้สูงจนเกินไป

มองดูแล้วอาจจะคิดว่าเป็นเมืองชายแดนเล็ก ๆ แต่ทว่ามิได้เป็นผลดีต่อราชวงศ์หยูเลยสักนิด !

หากมิมีด่านฉีซานคอยเป็นกำบัง กองทัพทหารของราชวงศ์หยูย่อมต้องเผชิญหน้ากับกองทัพทหารของราชวงศ์อู๋โดยตรง

เขาถอนหายใจออกมายาว ๆ พลางคิดไปว่านี่อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว

……

……

แน่นอนว่าผู้ที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้เยี่ยงฟู่เสียวกวน ยังมิทราบว่าชายอ้วนได้ทำตามข้อเสนอของตนจนสำเร็จลุล่วงแล้ว

หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาลาดตระเวนเพื่อสังเกตการณ์ในผืนปฐพีที่รกร้างกว้างใหญ่แห่งนี้

ผืนปฐพีที่กว้างใหญ่กลับมีประชากรเบาบาง ซึ่งสามารถสรุปสถานการณ์ปัจจุบันของเขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวนได้เป็นอย่างดี

เขตการปกครองของแคว้นฮวง เดิมทีถูกแบ่งออกเป็น 8 อาณาเขตธง ในปัจจุบันนี้ได้ถอดอาณาเขตธงแดงและธงขาวออก ส่วนอีก 6 รัฐยังคงใช้ชื่อธงเดิม ตอนนี้เขาเพิ่งเดินทางมาดูได้เพียง 2 รัฐเท่านั้น

ในรัฐธงเหลืองมีเหมืองอยู่ 3 แห่งซึ่งผลิตทองคำและแร่เหล็ก นับเป็นแหล่งกำเนิดแร่ทองคำและเหล็กของแคว้นฮวงตั้งแต่เก่าก่อน ดังนั้นอาณาเขตธงเหลืองจึงเป็นกำลังสำคัญในการผลิตแร่ของแคว้นฮวง ส่วนภูเขาสำคัญลูกนั้นคือเขาตงเฉิงหลิ่ง

ส่วนรัฐธงเขียวมีทุ่งนาอุดมสมบูรณ์กว้างใหญ่ ทว่ามีที่ดินสำหรับปลูกพืชไร่มิมากนัก ผลผลิตส่วนใหญ่ที่ปลูกมิใช่ข้าวสาลีแต่เป็นข้าวบาร์เลย์

บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนและผู้ติดตามอยู่ในเขตมู่หยางภายใต้การปกครองของรัฐธงเขียว

พวกเขามิได้อยู่ในตัวเมือง ทว่าอยู่ตามทุ่งนาของเขตชานเมือง

ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ริมทุ่งนา เฝ้ามองข้าวบาร์เลย์เติบโตด้วยความสนใจ

ต้นกล้าเหล่านี้ยังคงเป็นต้นอ่อนอยู่ ต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ร่วงถึงจะโตเต็มที่

“เหล่าท่า”

ท่าป๋าเฟิงคุ้นเคยกับชื่อแปลก ๆ ที่ฟู่เสี่ยวกวนใช้เรียกตนเองแล้ว เขาจึงนั่งลงใกล้ ๆ กันกับฟู่เสี่ยวกวน

“สิ่งนี้ให้ผลิตเท่าใดต่อ 1 หมู่ ? ”

ท่าป๋าเฟิงตกตะลึงขึ้นมาทันใด “ข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรเล่า ! ”

“ดังนั้นท่านจึงไร้คุณสมบัติของการเป็นจักรพรรดิ…” ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยกับเฮ้อซานเตาว่า “จงไปเชิญชาวนาผู้ปลูกมาให้ข้า ให้ไปเชิญ อย่าใช้กำลังล่ะ ! ”

เมื่อกำชับเสร็จ ฟู่เสี่ยวกวนก็หยิบกริชออกมา จากนั้นก็ใช้กริชงัดดินเบื้องหน้าขึ้นมา เขาบดขยี้ดินด้วยนิ้วมือ

เขาจึงแน่ใจแล้วว่าดินแดนกว้างใหญ่ทั้งสองรัฐนี้ มิเหมาะจะปลูกพืชไร่ มิว่าจะเป็นข้าวสาสีหรือมันเทศ

สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่กึ่งแห้งแล้ง เมื่อถึงฤดูหนาวจะหนาวเหน็บมากยิ่งนัก เมื่อถึงฤดูร้อนก็จะร้อนอบอ้าวทั้งยังมีฝนตกหนักอีกด้วย ความแตกต่างของอุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดระหว่างวันก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)