ตอนที่ 816 ทำใจ
มิว่าจะเป็นราชวงศ์หยูหรือราชวงศ์อู๋ เกลือก็นับเป็นแหล่งรายได้และภาษีหลักของราชวงศ์
เกลือของราชวงศ์อู๋และราชวงศ์หยูส่วนใหญ่เป็นเกลือคุณภาพดี ใช้วิธีผลิตจากน้ำเกลือ
ราชวงศ์อู๋มีชายฝั่งติดทะเล ดังนั้นจึงมีเกลือทะเลมากกว่าราชวงศ์หยู
ในด้านภาษีที่กรมคลังดำเนินการนั้น ภาษีเกลือคิดเป็นสามสิบถึงห้าสิบส่วนจากหนึ่งร้อยส่วนเข้าไปแล้ว นับว่าสูงกว่าภาษียาสูบในชาติก่อนเสียอีก
ในยามนี้มีการค้นพบน้ำเกลือกลางแจ้ง จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะพิสูจน์ได้ว่ามีบ่อเกลือคุณภาพสูงอยู่ใต้แหล่งน้ำแห่งนี้ หากสำรวจแล้วพบจริง ๆ ก็จะสามารถนำรายได้เข้าคลังของเขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวนได้มากโขเลยล่ะ อีกทั้งยังสามารถแก้ปัญหาการว่างงานของชาวฮวงได้อีกด้วย
ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยคำว่าดีออกมาหลายครา แน่นอนว่าท่าป๋าเฟิงเข้าใจในความหมายนี้ดี เขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยมิได้…บุรุษผู้นี้คิดจะนำเกลือจากแคว้นฮวงไปแลกเปลี่ยนเป็นวัว แกะ หรือม้าจากแคว้นหยูและแคว้นอี๋
ในราชวงศ์หยู ราคาเกลือสีเขียวคุณภาพสูงขายได้ในราคา 500 อีแปะต่อ 1 จิน สำหรับเกลือคุณภาพด้อยกว่าก็ขายในราคา 200 อีแปะต่อ 1 จิน
หมายความว่าแกะ 1 ตัวสามารถแลกเกลือสีเขียวได้เพียง 3 จินเท่านั้น เกลือสีเขียวที่ถูกนำเข้ามาขายในแคว้นฮวงสามารถขายได้ในราคา 800 อีแปะต่อ 1 จินเลยทีเดียว !
ในหนึ่งปีแคว้นฮวงบริโภคเกลือกี่จิน ? เรื่องนี้ท่าป๋าเฟิงมิทราบ แต่มิต้องคิดก็พอจะทราบว่าปริมาณของมันย่อมมหาศาลมากยิ่งนัก
มีบ่อเกลือและสมบัติล้ำค่าในผืนปฐพีที่ตนอาศัยอยู่ แต่ตนกลับมิรู้ ส่วนฟู่เสี่ยวกวนเพิ่งจะเดินสำรวจรอบ ๆ ได้เพียงแค่ 2 รัฐเท่านั้น ก็ได้ค้นพบสมบัติมากมายแล้ว !
นี่คือประสงค์ของสวรรค์ใช่หรือไม่ ?
ท่าป๋าเฟิงเงยหน้าขึ้นมองท้องนภา จากนั้นก็ถอนใจยาวออกมา !
หวังว่านี่จะเป็นเพียงน้ำเกลือเท่านั้น เพราะหากเป็นเพียงน้ำเกลือท่าป๋าเฟิงคงรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่ามากยิ่งนัก ท่านกลับไปได้ และโปรดเชื่อใจข้าเถิดว่าชีวิตของท่านจะดีขึ้นในอีกมิช้า”
ชายชรารีบจากไปโดยมิสนใจในสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ย มีแกะตัวเมียที่กำลังจะคลอดลูกอยู่ที่บ้าน ดังนั้นต้องคอยระมัดระวังเอาไว้เสียแล้ว
ฟู่เสี่ยวกวนให้เฮ้อซานเตานำแผนที่ออกมา จากนั้นก็ทำสัญลักษณ์ลงไป
เขามิได้ไปสำรวจสถานที่อื่นต่อ เพราะเมื่อวานนี้ฝูงมดได้ส่งข่าวมาว่ากองทัพ 300,000 นายของจัวเปี๋ยหลีมาถึงเมืองยวี่ซิ่วแล้วพร้อมกับเสบียงที่ปล้นมาจากแคว้นอี๋และยังพาเยียนหานยวี่มาอีกด้วย
เขาจึงต้องกลับไปจัดการให้แล้วเสร็จ
หากกลับไปช้ากว่านี้ ก็เกรงว่ากองทัพ 300,000 นายจะกินเสบียงที่นำมาจนหมด เขาจึงต้องรีบปรามจัวเปี๋ยหลีโดยเร็วที่สุด
ในความเป็นจริงข้าวสาร 1 ล้านชั่งมิสามารถแก้ไขปัญหาปากท้องของเขตปกครองตนเองได้หรอก เนื่องจากสถิติประชากรในเขตปกครองตนเองยังสำรวจมิเสร็จสิ้น ทว่าตามการประเมินของท่าป๋าเฟิงคือมีอย่างน้อยราว 60 ล้านคน
มีประชากรมากกว่า 20 ล้านคนจากทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบจากสงครามครานี้ ดังนั้นข้าวสาร 1 ล้านชั่งจึงนับว่าพอบรรเทาได้บ้างเท่านั้น
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ตัดสินใจจะบริจาคข้าวเหล่านี้ฟรี ๆ เพราะก่อนอื่นต้องได้รับเสบียงจากเหล่าข้าราชการทั้งหมดมาเสียก่อน จากนั้นค่อยบังคับให้เหล่าข้าราชการและชนชั้นสูงเหล่านั้นจ่ายเงินเพื่อซื้อเสบียงคืน
“ต้องดูสถานการณ์ไปก่อน เหล่าท่าเอ๋ย ท่านมีท้องพระคลังส่วนตัวใช่หรือไม่ ? เหตุใดในท้องพระคลังถึงมีเงินเหลือเพียงแค่ 60 ล้านตำลึงเท่านั้นเล่า ? ”
สีหน้าของท่าป๋าเฟิงปรากฏความมิพอใจขึ้นมาทันใด “มิใช่เพราะต้องต่อต้านปืนกับระเบิดของเจ้าหรอกหรือ ? ข้าลงทุน 50 ล้านตำลึงเพื่อเชิญช่างฝีมือที่ดีที่สุดหลายร้อยคนมาที่กองสรรพาวุธ แต่มันกลับโดนระเบิดไปจนสิ้นด้วยฝีมือของทหารดาบเทวะของเจ้า แล้วจะโทษผู้ใดได้กันเล่า ? ”
“นี่ต้องโทษตัวข้าเยี่ยงนั้นหรือ ? เยี่ยงไรเสียท่านก็ยังผลิตปืนคาบศิลาออกมามากกว่าพันกระบอกมิใช่หรือ ? กองสรรพาวุธแห่งใหม่ตั้งอยู่ที่ใดเล่า ? ”
“ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาตงเฉิงหลิ่งและภูเขาต้าง”
ท่าป๋าเฟิงมิได้ปกปิดเรื่องกองสรรพาวุธ เพราะถึงเยี่ยงไรผืนปฐพีนี้ก็เป็นของฟู่เสี่ยวกวนอยู่ดี อีกประการคือจักรพรรดินี นางสนม องค์ชาย และองค์หญิงที่เหลือรอดชีวิตมาได้ ก็ถูกฟู่เสี่ยวกวนส่งตัวไปยังราชวงศ์อู๋แล้ว ตนจะเอาสิทธิ์จากที่ใดมาปกปิดได้กันเล่า ?
ชัดเจนอยู่แล้วว่ามิสามารถจัดการฟู่เสี่ยวกวนได้ หากถามว่าตนปรารถนาจะกอบกู้บัลลังก์คืนมาหรือไม่ ?
ต้องบอกว่าเป็นเพียงการเพ้อฝันเท่านั้น !
ท่าป๋าเฟิงนิ่งเงียบ บัดนี้กองทัพทั้งสองของดาบเทวะได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว และทหารดาบเทวะจำนวน 100,000 นายภายใต้บัญชาของเฉินป๋อได้ประจำการอยู่ที่เมืองยวี่ซิ่ว
นี่คือด้านเดียวเท่านั้น อีกด้านที่ร้ายแรงกว่าคือนโยบายของฟู่เสี่ยวกวนที่ให้ชาวฮวงปกครองชาวฮวงด้วยกันเอง !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)