สรุปเนื้อหา ตอนที่ 828 สังหารโจร – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บท ตอนที่ 828 สังหารโจร ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 828 สังหารโจร
นภากระจ่าง ทุ่งหญ้าเขียวขจี สายลมอุ่นพัดเคล้าคลอ
ทุ่งหญ้ากว้างไกลไร้เงาผู้คน แต่กลับปรากฏนักบวชรูปหนึ่งเดินทางมาอย่างผาสุก
เขาแบกหีบหนังสือเอาไว้บนหลัง ในมือข้างหนึ่งถือคทาเอาไว้ แสงสุริยาสาดกระทบกลางศีรษะจนสะท้อนแสงแวววาว
คูฉานเดินทางมาถึงแคว้นฮวงแล้ว
เขารู้สึกชื่นชอบที่แห่งนี้ตั้งแต่คราแรกที่ได้เหยียบเข้ามา
ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ประดุจสถานที่ที่ห่างไกลจากสรรพสิ่ง ไร้ซึ่งเสียงโหวกเหวกโวยวายและความคิดตื้นเขินเยี่ยงเมืองฉางจินของแคว้นฝาน ไร้ซึ่งสิ่งปลูกสร้างที่เบียดเสียดแทบทุกอณูดั่งเช่นเมืองหลวง
ช่างเงียบสงบและมิแยแสต่อสิ่งใดยิ่งกว่าสีหน้าของท่านอาจารย์เสียอีก
ดอกไม้ทุกดอกและหญ้าทุกหย่อมในสถานที่แห่งนี้ ให้ความรู้สึกคล้ายกับกำลังอาบแสงเรืองรองแห่งเต๋า กำลังเปล่งประกายแสงแห่งความศักดิ์สิทธิ์
พระอาจารย์ปิ้งเฉินเคยเอ่ยไว้ว่า ข้ามีกรรมอยู่ที่แคว้นฮวง ไม่สิ ! ที่แห่งนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นเขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวนแล้ว ข้าเดินทางมาที่นี่เพื่อชดใช้กรรม ทั้งยังไร้ซึ่งแผนที่นำทางจึงทำได้เพียงเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ… ทว่ายิ่งเดินไปไกลเท่าใดก็ยิ่งรู้สึกว่าตนหลงทางเสียแล้ว
ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่และเงียบสงบ มองไปทางใดก็เหมือนกันไปเสียหมด แล้วจะเดินไปถึงเมืองยวี่ซิ่วได้เยี่ยงไร ?
คูฉานยกมือคลำศีรษะของตนที่เริ่มปวดขึ้นมา เขาสุ่มเลือกทางหนึ่งจากนั้นก็เดินตรงไป นึกในใจว่าหากเดินไปเรื่อย ๆ ประเดี๋ยวก็คงพบเจอกับผู้คนเข้าเอง
เมื่อเจอผู้คนก็จะได้รู้ว่าเมืองยวี่ซิ่วอยู่ทิศทางใดกันแน่
เขาเดินไปทางเหนือเรื่อย ๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 20 วัน
แต่ก็ยังไร้ซึ่งวี่แววของผู้คน และไร้ซึ่งวี่แววของเมืองแม้แต่เมืองเดียว
ราวกับว่าเขาได้เดินเข้าสู่ดินแดนของเขาพระสุเมรอย่างไรอย่างนั้น
และแล้วในวันนี้ เขาก็ได้พบเจอกับผู้คน ซึ่งมิได้มีเพียงคนเดียว ทว่ามีจำนวนหลายสิบและกำลังควบอาชาผ่านมา
คูฉานดีใจมากยิ่งนัก คิดเอาเองว่าคนกลุ่มนี้เป็นชนเผ่าเร่ร่อนเฉกเช่นที่ท่านอาจารย์เคยเอ่ยถึง
เขาแบกหีบหนังสือและยกคทาขึ้นมา จากนั้นก็วิ่งตรงเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
……
ท่าป๋าซางคือหลานชายของท่าป๋าเสวี่ยเฟิงผู้บัญชาการกองทัพดาบสวรรค์กองพลที่สอง
ท่าป๋าซางมีชีวิตรอดจากศึกเมืองกูหยุน และเมื่อสงครามจบลงเขาได้ค้นหาทหารที่ยังรอดชีวิตมาได้ 60 นาย ทหารเหล่านี้รวมกลุ่มติดตามต่อสู้ข้างกายของเขานับจากนั้น
“สักวันข้าจะตัดศีรษะเจ้าสุนัขฟู่เสี่ยวกวนแล้วถลกหนังมันให้จงได้ ! ”
“ทว่าบัดนี้สถานการณ์มิค่อยเป็นใจเท่าใดนัก พวกเราควรสะสมพละกำลังให้ดีเสียก่อน ทั้งยังต้องคอยตามหาชายที่มีความจงรักภักดีและกำยำเท่าพวกเราบนที่รกร้างแห่งนี้ เมื่อกองทัพดาบสวรรค์กลับมารุ่งเรืองเฉกเช่นวันวาน เมื่อนั้นข้าจะให้พวกเจ้าร่วมศึกสังหารฟู่เสี่ยวกวน ! ”
“ที่สำคัญคือในตอนนี้พวกเราต้องมีชีวิตรอดให้ได้ ! ”
เขานำขบวนชายหนุ่มที่มีอุดมการณ์หนักแน่นเดินทางมายังรัฐลู่ฉี ที่ตั้งอยู่ในสถานที่ไกลโพ้นแห่งนี้
เขาควบอาชานำขบวนอยู่ด้านหน้าสุด เมื่อเห็นฝูงวัวและแกะกระจายเต็มทุ่งก็ยิ้มย่องขึ้นมาในทันใด จากนั้นก็ยกแซ่ม้าขึ้นแล้วชี้ไปยังหมู่บ้านของชนเผ่าที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า “เอาล่ะ ! ที่แห่งนั้นจะเป็นฐานที่ตั้งของกองทัพดาบสวรรค์ จงไปจับคนในหมู่บ้านมาเป็นทาสเสียให้หมด หากมีผู้ใดขัดขืน…ก็สังหารโดยไร้ข้อยกเว้น ! ”
ยังมิทันสิ้นเสียง ทหารม้าทั้งหกสิบนายที่กำลังจะบุกเข้าหาเหยื่อ ก็ได้ยินเสียงคนผู้หนึ่งดังมาจากด้านหลัง พวกเขาจึงหยุดชงักลง “ช้าก่อนประสก ! ”
ท่าป๋าซางหันไปมองด้วยความตื่นตกใจ จากนั้นก็เห็นนักบวชรูปหนึ่งวิ่งเข้ามา
ทหารม้าทั้งหกสิบนายชะลอการบุกโจมตีพลางหันอาชาไปทางต้นเสียง แสงสุริยาสะท้อนเข้ากับศีรษะเปลือยเปล่าของนักบวชเข้าพอดี
นี่คือผู้ใดกัน ?
“นักบวชรูปนี้รนหาที่ตายเสียแล้ว ! ”
ท่าป๋าซางชักดาบขึ้นมา จากนั้นก็หันไปแผดเสียงดังลั่น “พวกเจ้ารีบบุกเข้าไป ส่วนทางนี้ข้าจะจัดการเอง ! ”
คูฉานตะลึงงัน เจ้าพวกป่าเถื่อนตามท้องทุ่งโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
“ท่านโปรดอย่าลงไม้ลงมือเลย อาตมาเพียงมาถามทางเท่านั้น ! ”
ทหารม้าที่กำลังหันหัวอาชากลับไปทางเป้าหมาย ยังมิทันได้บุกโจมตี ก็ได้เห็นคนสามคนห้อตะบึงอาชาบุกเข้ามาทางตน
“อาตมาเป็นศิษย์ผู้ยากไร้ของนิกายฝูแห่งแคว้นฝาน มีนามว่าคูฉาน ใคร่ถามท่านว่าเมืองยวี่ซิ่วไปทิศทางใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ช่วงระหว่างคิ้วของท่าป๋าซางขมวดเข้าหากันทันใด นักบวชแห่งแคว้นฝานจะวิ่งมาที่แบบนี้เนื่องด้วยเหตุอันใดกัน ?
นางนำบุตรชายสองคนออกไปสังหารกองโจรเสียจนราบคาบ !
นี่เพิ่งผ่านมาได้เท่าใดเอง ?
ข้าเก็บของล้ำค่ามาได้เยี่ยงนั้นหรือ !
หากชนเผ่ามีนางและลูกอยู่ด้วย ย่อมรักษาพวกพ้องได้โดยไร้กังวล… จริงสิ ! ควรให้ชายหนุ่มในชนเผ่าร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้จากพวกนาง ประเดี๋ยวต้องอัญเชิญนางมาเป็นอาจารย์ในการสอนวิชาต่อสู้เสียแล้ว !
เผิงยวี๋เยี่ยนหยุดอาชา จากนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น จ้องมองนักบวชที่กำลังต่อสู้อยู่กับชาวฮวงอีก 1 คน
ในใจของท่าป๋าซางรู้สึกสิ้นหวังเสียเต็มประดา
กว่าจะรวมพลมาได้ 60 นายช่างยากเย็นแสนเข็ญยิ่งนัก อีกทั้งยังเป็นนักรบแห่งกองทัพดาบสวรรค์ทั้งสิ้น
พวกเขาเป็นนักรบดาบสวรรค์ตัวปลอมหรือเยี่ยงไรกัน ?
เหตุใดถึงโดนสับเละภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ ?
แล้วนักบวชผู้นี้มีพื้นเพเยี่ยงไรกัน ?
ข้าสู้มิชนะเสียที จะทำเยี่ยงไรดี ?
ชาวหยูมีคำเอ่ยคำหนึ่งว่า หากยังมีชีวิตอยู่ก็ย่อมมีความหวัง !
เยี่ยงนั้นก็หนีเสียดีกว่า !
เมื่อคิดได้ดังนั้น ท่าป๋าซางก็แสร้งฟาดดาบเพื่อหลอกล่อคูฉานให้สับสนแล้วหาจังหวะหนีไป… ด้านคูฉานรู้สึกว่าคนพวกนั้นไล่สังหารเรียบทั้งหกสิบคน ส่วนตนเองยังจัดการคนเพียงคนเดียวมิได้
ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก !
เขาจึงวางคทาในมือลง จากนั้นก็พนมสองมือขึ้นมาท่องอมิตาพุทธ
คทาลอยขึ้นจากพื้น พุ่งไปปักกลางหลังของท่าป๋าซางจนตกจากหลังอาชา สุดท้ายก็นอนสิ้นชีพอยู่บนผืนหญ้า
คูฉานส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ จากนั้นก็เดินไปเก็บคทา เขาเช็ดคราบโลหิตที่ติดกับคทาโดยใช้อาภรณ์ของท่าป๋าซาง จากนั้นก็เดินไปทางเผิงยวี๋เยี่ยน
“นี่คือคทาฉาน แสดงว่านักบวชเป็นศิษย์ของท่านหัวหน้านิกายฝูใช่หรือไม่ ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)