ตอนที่ 834 เคล็ดลับการค้า
“ทูลองค์ชาย ทุกวันนี้มีชาวฮวงนำเกลือที่ได้จากการแลกเปลี่ยนสัตว์ ลักลอบขายให้เมืองซินโจว…”
ณ สำนักงานผู้ว่าการ ท่าป๋าคังเอ่ยกับฟู่เสี่ยวกวนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเราเปรียบเทียบราคาเกลือสำหรับแลกวัวและแกะในราคา 500 อีแปะต่อ 1 ชั่ง เมื่อพวกเขาลักลอบไปขายที่เมืองซินโจวกลับขายอยู่ที่ 700 – 800 อีแปะต่อ 1 ชั่ง”
“มีส่วนต่างราคาถึง 300 อีแปะ ทำให้พวกที่ลักลอบนำเกลือไปขายได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ”
“พวกเราเรียกเก็บภาษีเกลือโดยอ้างอิงจากราคา 500 อีแปะ แต่ส่วนต่าง 200 – 300 อีแปะที่พวกเขาได้ยังมิผ่านการเก็บภาษี หรือพวกเราควรออกหนังสือทางราชการว่าห้ามนำเกลือไปขายกินกำไรดี อืม…หรือจะให้พวกเขาส่งภาษีรายได้ส่วนต่างนี้ด้วยดี ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนตอบพลางหัวเราะ “เหล่าคัง อยู่ ๆ ข้าก็คิดภาษีรูปแบบหนึ่งขึ้นมาได้ มันเรียกว่าภาษีมูลค่าเพิ่ม…”
ท่าป๋าคังแสดงท่าทีตื่นเต้นออกมา “ชื่อนี้ใช้ได้และเข้าใจง่ายมากยิ่งนัก หรือพวกเราจะกำหนดใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มต่อกำไรส่วนต่างนี้ดีเล่าองค์ชาย ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนส่ายศีรษะ “เหล่าคังเอ๋ย อย่าเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลย ห้ามเอ่ยถึงอีกต่อไป ! แต่…นำแกะไปแลกเปลี่ยนเป็นเกลือเยี่ยงนั้นหรือ ? ท่านกำลังจะบอกว่าเป็นฝีมือของชาวรัฐลู่ฉีเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เรื่องส่วนต่างจำนวนมหาศาลนั้นฟู่เสี่ยวกวนทราบมาก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงมิอนุญาตให้เหล่าผู้ค้าขายที่ร่ำรวยในเขตปกครองตนเองซื้อเกลือจากนาเกลือมู่หยางโดยตรง พวกเขาจะต้องไปซื้อที่เมืองการค้าซินโจวและเมืองการค้าหลานฉีเท่านั้น
การที่ให้ชาวฮวงนำวัวและแกะมาแลกเกลือ เป็นสิ่งเดียวที่เขาอนุญาต
เนื่องจากเขากังวลว่าผู้ค้าขายที่เขตปกครองตนเองจะรวมตัวกันผูกขาดเกลือของนาเกลือมู่หยาง… อีกทั้งเกลือเหล่านี้ยังต้องขายให้กับแคว้นอี๋และราชวงศ์หยูในราคาที่ยุติธรรมอีกด้วย ส่วนผู้ค้าขายจากสองแคว้นนั้นจะโก่งราคาเยี่ยงไรเขามิสน เพราะเขาต้องการให้เกลือขาวครองพื้นที่ในตลาดเกลือทั้งสองแคว้นโดยเร็วที่สุด
เมื่อประสบผลสำเร็จก็ย่อมทำให้ตลาดเกลือของทั้งสองแคว้นล้มครืน ส่งผลให้ภาษีเกลือที่เก็บได้ค่อย ๆ ลดน้อยลง
เพราะภาษีเกลือที่เก็บได้ในปัจจุบันของทั้งสองแคว้นมีสัดส่วนอย่างน้อยสามในสิบส่วน !
“ทูลองค์ชาย นี่คือฝีมือของชาวลู่ฉีที่เป็นชนเผ่าเล็ก ๆ ตระกูลหวานเหยียน บัดนี้ยังมิได้ขยายเป็นวงกว้าง องค์ชายจะมิทรงห้ามหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“ท่านลองตริตรองดูเถิด ลูกแกะตัวหนึ่งกว่าจะเติบโตเป็นแกะที่โตเต็มวัยต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งปี พวกเขาจะมีแกะสักกี่ตัวกันเชียว ? ”
“ดังนั้น หากพวกเขากอบโกยกำไรได้จากการเลี้ยงแกะ พวกเขาย่อมอยากขยายพันธุ์และเลี้ยงแกะเพิ่มมากขึ้น ท่านลองคิดดูเถิด นี่มิจำเป็นต้องให้หน่วยงานราชการกระตุ้นเลยด้วยซ้ำ เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาย่อมกระตือรือร้นที่จะทำด้วยตนเอง”
“นี่เรียกว่าปลดปล่อยความคิดโดยมิหวังผลกำไร ที่พวกเขาเลี้ยงวัวเลี้ยงแกะก็เพื่อให้พออยู่พอกินพอแลกเกลือมาใช้ในชีวิตประจำวันมิใช่หรือ ผู้ใดจะตั้งหน้าตั้งตาหวังความเจริญก้าวหน้าถึงเพียงนั้นกัน ? ”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ เหล่าคังเอ๋ย พวกเรามิควรเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและยิ่งมิควรห้ามปราม ข้าคิดว่าควรประกาศเรื่องนี้ให้แพร่หลายด้วยซ้ำเพื่อให้ชาวลู่ฉีเลี้ยงสัตว์กันมากขึ้น รับประกันได้ว่ามิเกินหนึ่งปี วัวและแกะที่รัฐลู่ฉีจะคับคั่งภูเขาเป็นแน่ ! ”
ทำเยี่ยงนี้ก็ได้หรือ ?
ท่าป๋าคังรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ลอบนึกในใจว่านี่เป็นการมองในมุมของผู้อื่น ตามที่องค์ชายพร่ำสอนอยู่เสมอใช่หรือไม่ ?
“องค์ชาย หากว่าบรรดาผู้ค้าขายจากเขตปกครองตนเองวิ่งไปซื้อวัวและแกะจนหมดเกลี้ยงจะทำเยี่ยงไร ? ”
อืม…เจ้าหมอนี่นับวันยิ่งปราดเปรื่อง !
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกชื่นชมในความก้าวหน้าของท่าป๋าคังขึ้นมาในทันใด
“ก็ให้พวกเขาซื้อไปสิ เมื่อพวกเขาเข้าไปซื้อราคาของวัวและแกะที่จะขายย่อมต้องสูงขึ้น ทว่าพวกเรายังคงรับแลกแกะ 1 ตัวต่อเกลือ 3 ชั่งดังเดิม เยี่ยงไรก็มิได้มีผลกระทบต่อพวกเรามิใช่หรือ ? ”
ท่าป๋าคังตกตะลึงอยู่เนิ่นนานกว่าจะกระจ่างชัดในความหมาย
เมื่อลองนึกย้อนกลับไป หากผู้เลี้ยงสัตว์สามารถนำสัตว์ไปแลกเปลี่ยนเป็นเกลือแล้วขายเกลือต่อในราคาที่สูงถึงเพียงนั้นได้ แล้วเช่นนี้พวกเขาจะขายสัตว์ให้กับผู้ค้าขายจากเขตปกครองตนเองในราคาที่โดนกดได้เยี่ยงไรกัน ?
แม้ว่าพวกเขาจะมิมีอารยะธรรม ทว่าพวกเขาก็มิได้โง่เขลาสักหน่อยนี่ !
……
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)