ตอนที่ 835 ปุยเมฆพลิ้วไหว
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบเอ็ด วันที่หนึ่ง เดือนสิบ ยามเฉิน
เฮ้อซานเตาเสร็จสิ้นภารกิจฝึกทหารที่บริเวณรอบนอกของเมืองยวี่ซิ่วแล้ว
ทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งกองพลน้อยที่สามรับกำลังพลจากทหารชายแดนเหนือมาเพิ่มอีก 1,000 นาย จึงทำให้ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งสิ้น 1,500 นาย
กองพลน้อยที่สามนี้ ฟู่เสี่ยวกวนมอบหมายให้คอยคุ้มภัยส่วนตัว ถือเป็นกลุ่มที่จะติดตามฟู่เสี่ยวกวนกลับไปยังราชวงศ์อู๋และจะได้รับการฝึกฝนใหม่อีกคราโดยมีเฮ้อซานเตาเป็นผู้รับผิดชอบในการฝึก
นับตั้งแต่สองวันแรกที่สงครามเซียวเหอหยวนสิ้นสุดลง ฟู่เสี่ยวกวนได้รวบทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งและสองให้เป็นกองทัพเดียวกัน และจะขนานนามว่าเป็นทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่ง
เฉินป๋อเป็นแม่ทัพใหญ่โดยมีทหารภายใต้บัญชา 10 กองพล แต่ละกองพลจะมีทหาร 10,000 นาย
ฟู่เสี่ยวกวนแต่งตั้งกวนเสี่ยวซีเป็นผู้บัญชาการกองพลที่หนึ่ง เว่ยอู๋ปิ้งเป็นผู้บัญชาการกองพลที่สอง และแต่งตั้งหวางเสี่ยวจ้วงเป็นผู้บัญชาการกองพลที่สาม ส่วนที่ผู้บัญชาการกองพลที่สี่ถึงสิบยังคงเป็นคนเดิมของกองพลที่หนึ่งถึงเจ็ดจากอดีตทหารดาบเทวะกองทัพที่สอง ส่วนผู้บัญชาการกองพลที่แปดถึงสิบจากอดีตทหารดาบเทวะกองทัพที่สองจะกลายเป็นผู้ติดตามไป๋ยู่เหลียน โดยพวกเขาได้รับคำสั่งให้ก่อตั้งกองทัพเรือขึ้นมา อีกทั้งยังได้รับคำสั่งให้ก่อตั้งหน่วยรบพิเศษทางทะเลขึ้นมาอีกด้วย และหน่วยรบพิเศษทางทะเลนี้จะถูกขนานนามว่าหน่วยนาวิกโยธิน !
เฮ้อซานเตาปรารถนาตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลมาโดยตลอด ผลปรากฏว่าเขายังมิมีบุญสะสมมากพอ ดูเหมือนว่าฟู่เสี่ยวกวนจะลืมเขาไปเสียแล้ว !
“ข้าบอกท่านไว้แล้วนี่ หัวหน้า ข้าเล่า ? แล้วข้าเล่า ? พวกเราต่างก็เป็นเศรษฐีที่ดินมิใช่หรือ ในศึกแม่น้ำเซียวข้าสังหารศัตรูได้มากกว่าผู้ใด…”
ฟู่เสี่ยวกวนยังจดจำในตอนนั้นได้ดี เขาหันไปมองเฮ้อซานเตาแล้วยิ้มแห้ง “อันใดกัน ? เพียงแค่ตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลก็ทำให้เจ้าตาร้อนผ่าวได้แล้วหรือ ? ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่มิหอมหวานกว่าหรือเยี่ยงไรกัน ? ”
เฮ้อซานเตาตะลึงงันในทันใด “แม่ทัพใหญ่เยี่ยงนั้นหรือ… ? ”
“ก็ใช่น่ะสิ เมื่อกลับถึงราชวงศ์อู๋แล้ว ทหารดาบเทวะกองทัพที่สองจะถูกสถาปนาขึ้นมาใหม่ หากเจ้ามิยินยอม ข้าจะให้ซูม่อรับหน้าที่นั้นแทน”
“อ่า…ท่านหัวหน้า ข้ายินยอม ยินยอมด้วยใจจริง ! ”
จากนั้นเฮ้อซานเตาก็ยิ้มจนหน้าบาน ยิ้มแม้กระทั่งในความฝัน บัดนี้เมื่อทำการเตรียมทหารเสร็จก็ได้ฉีกยิ้มร่าจนน่าขัน มิต่างอันใดกับคนบ้าเลยสักนิด
เว่ยอู๋ปิ้งยืนมองอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาคาบต้นหญ้าเอาไว้ในปาก พลันรู้สึกฉงนว่าสองสามวันมานี้เจ้าเฮ้อซานเตากำลังสุขใจเรื่องใดอยู่กันแน่
“ซานเตา”
“หือ”
“เจ้าเศร้าโศกเรื่องที่มิถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองพลจนสมองฟั่นเฟือนไปแล้วหรือเยี่ยงไรกัน ? ”
“ไสหัวไป ! บัดนี้ข้ามิแยแสตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลอันใดนั่นอีกต่อไปแล้ว”
เว่ยอู๋ปิ้งหัวเราะร่าออกมา ในจังหวะที่กำลังจะตอกกลับสักสองสามคำ ทันใดนั้นกวนเสี่ยวซีก็ได้โผล่เข้ามาตบบ่าเขา “เจ้าหมอนี่ทำบุญมาดีน่ะสิ ในเมื่อองค์ชายรับสั่งให้เจ้านี่เป็นองครักษ์ระหว่างเสด็จกลับราชวงศ์อู๋ แน่นอนว่าย่อมมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่รออยู่เป็นแน่”
เว่ยอู๋ปิ้งผงะแต่ก็มิเข้าใจอยู่ดี ส่วนกวนเสี่ยวซีก็ได้หันไปเอ่ยกับเฮ้อซานเตาอย่างจริงจังว่า “เจ้าต้องอารักขาองค์ชายให้ดี การจากลาครานี้ของพวกเรามิรู้จะได้หวนมาพบกันอีกเมื่อใด หากเจ้าอยู่เคียงข้างองค์ชายจนได้ดีก็อย่าลืมพวกเราล่ะ”
เฮ้อซานเตายกมือขึ้นคาระวะกวนเสี่ยวซีหนึ่งครา “วางใจเถิด หากมีข้าอยู่ข้างกายองค์ชาย มิว่าผู้ใดมาระราน พวกมันต้องผ่านดาบของข้าไปให้ได้เสียก่อน ! ” จากนั้นก็ทำหน้าทะเล้นแล้วเอ่ยต่อว่า “ข้าเพียงแค่ไปเตรียมลู่ทางเอาไว้เท่านั้น เมื่อเขตปกครองตนเองเสถียรภาพแล้ว พวกเจ้าย่อมถูกโยกย้ายกลับไปอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเป็นอย่างดี ! ”
กวนเสี่ยวซีเมื่อได้ฟังดังนั้นก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ จากนั้นเขาก็หันหน้าไปทางประตูเมือง
ขบวนรถม้ามากกว่ายี่สิบคันได้เตรียมพร้อมออกเดินทางจากเมืองยวี่ซิ่วเป็นแถวยาวเหยียด เขาเบนสายตากลับมาแล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “ไปเตรียมตัวเถิด ใกล้ถึงเวลาออกเดินทางเต็มทีแล้ว รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยล่ะ ! ”
“รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยเช่นกัน ! ”
ขบวนได้เดินทางออกไปในยามรุ่งอรุณ กวนเสี่ยวซีมองตามขบวนด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“เหล่ากวน เจ้าเป็นอันใดไปกัน ? ”
“ข้ากำลังคิดว่า…พวกเราคงต้องลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่เสียแล้ว”
กวนเสี่ยวซียิ้มร่าออกมา ทว่าเว่ยอู๋ปิ้งกลับอ้าปากค้างด้วยอารามตกตะลึง “เจ้าและข้า พวกเราล้วนเป็นชาวหยูทั้งสิ้น ! ”
“แล้วเฮ้อซานเตามิใช่ชาวหยูหรอกหรือ ? ”
กวนเสี่ยวซีส่ายศีรษะแล้วเอ่ยต่อว่า “ซานเตาเป็นชาวหยูก็จริง ทว่าเขามิคิดอันใดมากเพราะเขามีเพียงความจงรักภักดีต่อองค์ชาย ดังนั้น…เขาย่อมบินได้สูงกว่า”
“พวกเราก็จงรักภักดีต่อองค์ชายมิต่างกันนี่” เว่ยอู๋ปิ้งเอ่ยถามอย่างมิเข้าใจ
กวนเสี่ยวซีเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็เงียบไปพักใหญ่ แล้วถึงได้เอ่ยขึ้นมาว่า “หากองค์ชายส่งกองทัพไปยึดครองราชวงศ์หยู หากเจ้าเป็นทหารที่กำลังเผชิญหน้ากับทหารชาวหยู เจ้าจะลงมือสังหารหรือไม่ ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)