ตอนที่ 847 เทศกาลหยวนเซียว ( 2 )
ครอบครัวของฟู่เสี่ยวกวนได้ร่วมรับประทานหม้อไฟกันอย่างมีความสุข
บนจายซิงถายของคฤหาสน์จิ้งหู ฟู่ต้ากวนและฮองเฮาซั่งได้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันโดยมีกองไฟกั้นกลาง ด้านข้างมีจอมยุทธ์หงจวงและลวี่ซั่งนอนหมดสติอยู่
ไก่สองตัวถูกย่างอยู่บนกองไฟ มันกำลังส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ
“เทศกาลหยวนเซียวทั้งที แต่เจ้ากลับให้ข้าทานสิ่งนี้น่ะหรือ ? ”
ชายอ้วนฉีกยิ้มกว้าง “ครอบครัวของเสี่ยวกวนฉลองเทศกาลด้วยกัน หากพวกเราไปร่วมฉลองกับเด็ก ๆ ก็คงอึดอัดน่าดู แม้จะดูมิหวือหวาแต่ก็ดีมิใช่หรือที่พวกเรามีอิสระและมีความหวานซึ้งต่อกัน”
หวานซึ้งอันใดกัน ?
ชายอ้วนเข้าใจในความหวานซึ้งด้วยหรือ ?
ฮองเฮาซั่งชำเลืองพระเนตรมองชายอ้วนหนึ่งครา “ยามที่ออกเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนั้น เจ้าก็ได้ย่างไก่หนึ่งตัวเช่นกัน แล้วเยี่ยงไรเล่า ? เจ้าแบ่งน่องไก่ทั้งสองข้างให้สวี่หยุนชิงแล้วเอาตูดไก่ให้ข้า…” สีพระพักตร์ของฮองเฮาซั่งพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นก็กัดฟันเอ่ยต่อว่า “เจ้าอย่ามาเสแสร้งแกล้งทำเลย มันมิได้ผลสำหรับข้าหรอก ! ”
ชายอ้วนพลิกไก่บนกองไฟแล้วเอ่ยอย่างรีบร้อนว่า “เจ้าปรักปรำข้า ! ”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยายามอธิบายว่า “เจ้ามิรู้หรอกว่าตูดไก่มีอีกชื่อหนึ่งคือหอมพันลี้ มันเป็นส่วนที่อร่อยที่สุดของไก่ ! เจ้าจงดู…น่องไก่มีตั้งสองน่อง ทว่าตูดไก่มีเพียงแค่ตูดเดียว นั่นคือใจที่ข้ามีต่อเจ้าเยี่ยงไรเล่า รั่วซุ่ย…ท้องนภาเป็นพยานให้ข้าได้ ! ”
“หุบปาก ! ”
ฮองเฮาซั่งคำรามเสียงต่ำจนชายอ้วนหัวหด จากนั้นนางก็เอ่ยถามเรื่องที่คลางแคลงใจว่า “เจ้าบอกความจริงข้ามาประเดี๋ยวนี้ว่าสวี่หยุนชิงตายแล้วจริงหรือไม่ ? ”
“ก็ตายแล้วจริงน่ะสิ ผ่านมานานถึงเพียงนี้ ศพคงกลายเป็นธุลีดินไปแล้วล่ะ”
พระขนงของนางผูกกันเป็นปม “เจ้ามิได้โกหกข้าใช่หรือไม่ ? ”
“ข้า…ฟู่ต้ากวนขอสาบานต่อฟ้าดินว่า หากข้าโกหกเจ้า” ระหว่างที่เอ่ยประโยคนี้ชายอ้วนก็ได้เงยหน้าขึ้นมองท้องนภาที่ทอดยาว สุริยาส่องแสงจ้า ไร้ซึ่งเงาเมฆา “หากข้าโกหกเจ้า ขอให้ฟ้าผ่าลงกลางศีรษะของข้าห้าครา ! ”
ฮองเฮาซั่งทอดพระเนตรอีกฝ่ายด้วยสายตาเคลือบแคลง ชายอ้วนรีบหันเหสายตากลับมาแล้วเอ่ยว่า “เจ้าลองคิดดูเถิด บัดนี้เสี่ยวกวนมีชื่อเสียงเทียมฟ้า หากนางยังมีชีวิตอยู่จะมิอยากพบเขาสักหน่อยหรือ ? ”
ถือว่ามีเหตุผลพอสมควร ฮองเฮาซั่งยอมรับในคำเอ่ยของชายอ้วน จากนั้นจึงตรัสอย่างแผ่วเบาว่า “เฮ้อ…จะว่าไปแล้วช่างน่าเสียดายมากยิ่งนัก ข้าและหยุนชิงเป็นสหายกัน นางเป็นผู้มีความสามารถมากล้นและข้าก็รู้สึกริษยามากยิ่งนัก อีกทั้งนางยังให้กำเนิดบุตรผู้ยอดเยี่ยมอีกด้วย เมื่อคราที่เวิ่นหวินบอกว่าชื่นชอบฟู่เสี่ยวกวน…ข้าตัดสินใจให้นางแต่งงานกับเขาโดยมิลังเลเลยสักนิด”
ราวกับว่าได้หวนนึกถึงวันวาน สายพระเนตรของฮองเฮาซั่งทอดยาวไปยังท้องนภากว้างใหญ่ อารมณ์นิ่งขึ้นเล็กน้อย “เพราะฟ้าดินกลั่นแกล้งแท้ ๆ หากนางมิได้พบกับอู๋ฉางเฟิงที่เมืองจินหลิงในปีนั้น นางคงมิประสบเหตุเยี่ยงนี้หรอก”
“นางคงกลายเป็นฮองเฮาแห่งราชวงศ์หยู ส่วนฟู่เสี่ยวกวน…เสี่ยวกวนก็คงเป็นองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์หยูไปแล้ว”
“เฮ้ ๆ ๆ ข้าเกรงว่าเจ้าเข้าใจบางอย่างผิดไป หยูไป๋ไป๋จะให้กำเนิดเด็กที่ชาญฉลาดมิอาจมีผู้ใดเทียบเคียงเยี่ยงฟู่เสี่ยวกวนได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ช่างเถิด…มิเกี่ยวอันใดกับเจ้าหรอก” ชายอ้วนเอ่ยอย่างภาคภูมิระหว่างพลิกไก่ ฮองเฮาซั่งจึงหันไปมองแล้วตอกกลับหนึ่งคราว่า “ฮึ ! ทำราวกับเสี่ยวกวนเป็นลูกชายแท้ ๆ ของเจ้าเยี่ยงนั้นแหละ ! ”
ชายอ้วนหัวเราะลั่น จากนั้นก็ฉีกน่องไก่ให้นาง ทว่านางกลับมิรับไป “เจ้าเอ่ยเองมิใช่หรือว่าตูดไก่เป็นส่วนที่ดีที่สุด ? ”
“อ่า…จริงด้วย ! ”
ฮองเฮาซั่งแย่งน่องไก่มาไว้ในมือ “เก็บไว้ทานเองเถิด…เจ้าอ้วน”
“อืม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)