ตอนที่ 846 เทศกาลหยวนเซียว ( 1 )
ณ หลิวหยุนถายแห่งทะเลสาบสือหลี่
เมิ่งซีนั่งอย่างโดดเดี่ยวอยู่ริมหน้าต่างของหอหลิวหยุน สายตาของนางมิได้ก้มมองโคมไฟที่ถูกแขวนอยู่เบื้องล่าง
ทุกวันนี้นางได้เป็นดาวเด่นของหอหลิวหยุน บัดนี้นางกำลังก้มมองกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ
บนกระดาษแผ่นนั้นมีกวีบทหนึ่งถูกจารึกเอาไว้ เป็นบทกวีที่มีนามว่า ‘ไร้ซึ่งปรารถนา เรือนชิงเสียน ดอกสาลี่’
“เมื่อถึงเทศกาลฤดูหนาว ดอกสาลี่ผลิบานลอยล่อง
กลีบขาวราวหิมะปลิวไสว กลิ่นหอมอบอวลเย้ายวนใจ
ค่ำคืนเงียบสงบเมฆหมอกปกคลุม กลืนกินแสงจันทร์อันเยือกเย็น
โลกาฟ้าดินดื่มด่ำเดือนค้างฟ้า พาฝัน
เจ้าสง่างามศักดิ์สิทธิ์ราวเทพเทวา ไร้ซึ่งทุกข์โศกใด
ทว่ามิได้ยึดติดค้างทางโลกเฉกเช่นคนทั่วไป
จิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ ร่วงหล่นลงดิน ยากแยก
คืนสู่แดนเดิม มีเพียงทวยเทพจะหยั่งถึง”
นี่คือบทกวีที่ประพันธ์โดยฟู่เสี่ยวกวนอัจฉริยะแห่งราชวงศ์หยู เขาได้ประพันธ์ขึ้นเมื่อสองปีก่อน ในเดือนสาม ณ เรือนชิงเสียนเมืองฝานหนิง
วันนี้ชายหนุ่มผู้นั้นกลับกลายเป็นประมุขของราชวงศ์อู๋ เมิ่งซีหัวเราะออกมาเบา ๆ “ไร้ซึ่งปรารถนา…หรือนี่คือสิ่งที่เขามิอยากให้เกิด ทว่ามันก็เกิดขึ้นมาแล้ว ? ”
วันนี้เป็นวันแรกของเทศกาลโคมไฟ คาดว่าเขาคงมาร่วมสนุกกับหมู่ราษฎรที่นี่ หากว่าเขาสามารถมาที่หอหลิวหยุนแห่งนี้ได้ก็คงดียิ่งนัก หากได้เห็นเขาประพันธ์บทกวีอีกสักคราก็คงจะดียิ่งขึ้นไปอีก
มิได้เห็นเขาประพันธ์บทกวีใหม่ ๆ มาเนิ่นนานเท่าใดแล้ว คงเป็นเพราะเขายุ่งมากเกินไปจึงไร้เวลามาประพันธ์กวีเพื่อผ่อนคลายจิตใจ
ในยามที่ตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความคิด มือก็พลันเคาะโต๊ะพลางขับร้องบทกวีไร้ซึ่งปรารถนาออกมา
“เมื่อถึงเทศกาลฤดูหนาว…”
เพิ่งขับร้องได้เพียงประโยคเดียว ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา เมื่อเมิ่งซีหันไปมองก็พบว่าคนที่เข้ามาคือเว่ยซานเหนียงเถ้าแก่เนี้ยของหอหลิวหยุน
ในขณะที่นางกำลังก้มตัวถอนสายบัว เว่ยซานเหนียงก็ได้คว้ามือของนางพร้อมด้วยสีหน้าตื่นเต้น แม้แต่เสียงก็ยังสั่นเครือ “ลูกสาวที่รัก เจ้าต้องเตรียมตัวให้ดี ทางวังหลวงเพิ่งแจ้งพระประสงค์มาให้ทราบว่า ฝ่าบาท ฝ่าบาท พระองค์จะเสด็จมายังหอหลิวหยุน ! ”
“หา… ! ” เมิ่งซียกสองมือขึ้นปิดปากด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “จริงหรือเจ้าคะ ? ”
“จริงเสียยิ่งกว่าจริง เพราะขันทีเจี่ยเป็นผู้มาแจ้งพระราชประสงค์ด้วยตนเอง ! ”
“หา… ! ”
“ชู่ว…เจ้าอย่าได้ป่าวประกาศไปทั่วเล่า ให้รู้กันแค่ภายในชั้นนี้เท่านั้นและจงจำเอาไว้ให้ดีว่าอย่าทำเอิกเกริกเป็นอันขาด ! ขันทีเจี่ยแจ้งมาว่าฝ่าบาทจะเสด็จมายังชั้นสามเป็นการส่วนพระองค์ ในส่วนที่เหลือจะยังคงดำเนินกิจการตามเดิม เจ้าเข้าใจหรือไม่ ? ”
“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าลูกต้องเตรียมสิ่งใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“เตรียมขับร้องทำนองเพลงให้พระองค์ฟัง ! อ้อ…เหล่านางสนมของพระองค์ก็จะติดตามมาด้วย อีกทั้งยังมีเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ ประเดี๋ยวแม่จะจัดแจงสาวใช้ที่รู้ความมาทำการต้อนรับ ส่วนเจ้านั้นเคยพบพานกับฝ่าบาทมาก่อนถือว่ามีวาสนามากยิ่งนัก ที่สำคัญคือเจ้าต้องร้องระบำให้งามพริ้งจนฝ่าบาททรงพระเกษมสำราญ…”
เว่ยซานเหนียงได้กำชับเมิ่งซีอย่างละเอียด จากนั้นก็เดินออกไปอย่างรีบร้อน นางทิ้งเมิ่งซีให้โดดเดี่ยวอยู่ข้างหน้าต่างดังเดิม เมิ่งซีทอดสายตามองโคมไฟสุกสว่างด้วยสีหน้าเฝ้ารอ
……
……
“หลิวจิ่น ! ”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ! ”
เจ้านี่มีนามว่าหลิวจิ่น ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกว่าชื่อของเขาพิลึกพิลั่นมิน้อย เจ้าหมอนี่มีไหวพริบดีใช้ได้เลยล่ะ เมื่อขันทีเจี่ยได้รับคำสั่งให้ออกไปข้างนอก เขาก็จะให้หลิวจิ่นมาอยู่ข้างกายตนแทน
“จงไปเชิญใต้เท้าจัว ใต้เท้าหนานกงและใต้เท้าเมิ่ง…อีกทั้งใต้เท้าเจิ้งเซี่ยหัวหน้าสำนักดาราศาสตร์มาหารือกับข้าที่ห้องทรงพระอักษร”
“…ทูลฝ่าบาท วันนี้เป็นวันหยุดพ่ะย่ะค่ะ”
“อ่า…จริงด้วย ! เยี่ยงนั้นก็ช่างเถิด เมื่อกลับมาทำงานค่อยเชิญพวกเขามาก็แล้วกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)