ตอนที่ 845 ตกตะลึงทั่วหล้า
ในราตรีนั้นเอง หกตระกูลจากเจ็ดตระกูลผู้ทรงอำนาจนับพันปีแห่งราชวงศ์อู๋ ล้วนส่งจดหมายกลับไปยังตระกูลของตนโดยมิได้นัดหมาย
แน่นอนว่าตระกูลหนานกงและตระกูลจัวได้เขียนขยายความอย่างละเอียดถึงกิจการยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิเต๋อจงที่จะดำเนินการในเร็ววันนี้ อีกทั้งยังได้ชักชวนให้ตระกูลคืนผลประโยชน์ส่วนใหญ่ให้แก่ราชสำนักด้วยความจริงจังผ่านตัวอักษร
ส่วนจดหมายของเฉินซูหยวนและพรรคพวกได้สาธยายถึงเคราะห์ร้ายที่พวกตนได้ประสบในเมืองกวนหยุน อีกทั้งยังเอ่ยถึงผลร้ายที่จะตามมาเยือนตระกูลอีกด้วย
ในราตรีนั้นหลู่หมิงเซียนมิได้ให้คำตอบว่าควรจะรับมือเยี่ยงไรดี เพราะเขาเองก็จนปัญญาที่จะรับมือกับสถานการณ์เบื้องหน้านี้เช่นกัน
หากจักรพรรดิเต๋งจงใช้กำลังทหารยึดทรัพย์สมบัติของวงศ์ตระกูล พวกเขาก็ยังสามารถสมัครสมานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อต่อต้านพระองค์ได้
ทว่าเจ้าหมอนั่นกลับเลือกใช้วิธีการวางแผนโฉดชั่ว !
เขาต้องการใช้สินค้าชนิดเดียวกันมาเป็นอาวุธ เพื่อทำให้กิจการของตระกูลพวกตนพังพินาศ !
เว้นเสียแต่ว่าทุกตระกูลจะสามารถพัฒนาจนก้าวทันความต้องการของตลาดได้ พัฒนาจนมีที่ยืนในสนามการค้า เพื่อที่จะได้มิต้องตกเป็นเบี้ยล่างในศึกการค้าครานี้
ทว่าเกลือขาวชนิดนี้สกัดออกมาได้เยี่ยงไรเล่า ?
แล้วการถลุงเหล็กมันต้องมีส่วนผสมใดบ้างเล่า ?
เรือขนาดมหึมาจะสามารถต่อขึ้นมาได้เยี่ยงไร ?
แล้วจะพัฒนาเครื่องทอผ้าได้เยี่ยงไรเล่า ?
ล้วนมิมีผู้ใดรู้คำตอบ ดังนั้นพวกเขายังจะทำอันใดได้อีกกัน ? หรือต้องขโมยความคิด !
คำแนะนำเดียวที่พวกเขามีต่อวงศ์ตระกูลก็คือ…ให้ส่งคนไปที่เขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวนเพื่อขโมยกรรมวิธีสกัดเกลือขาวและลอบศึกษาวิธีถลุงเหล็กกล้า อีกทั้งยังส่งคนไปยังอู่ต่อเรือเจียงเฉิงเพื่อศึกษากลวิธีในการต่อเรือเป็นต้น
จดหมายแต่ละฉบับถูกส่งออกไปภายในคืนนั้น รัชศกเทียนเต๋อปีที่หนึ่ง วันที่สิบสี่ เดือนหนึ่ง ยามอู่ หนังสือที่มีชื่อว่า ‘โครงร่างแผนพัฒนาระยะห้าปีแรกของราชวงศ์อู๋’ ก็ได้วางขายในร้านหนังสือขนาดใหญ่
แผนการระยะห้าปีแรกก็คือแผนพัฒนาตั้งแต่รัชศกเทียนเต๋อปีที่หนึ่งถึงรัชศกเทียนเต๋อปีที่ห้า
ซึ่งมีความแตกต่างจากแผนพัฒนาห้าปีของชื่อเล่อชวน เนื่องจากได้มีการก่อตั้งระบบทางราชการใหม่ทั้งหมด และลดตำแหน่งที่มีความซับซ้อนออกไปมากถึงสามในสิบส่วน
อีกทั้งยังได้ประกาศปรัชญาของหน่วยงานราชการว่ามีไว้เพื่อรับใช้ราษฎรทั้งปวง
ถัดมาได้เอ่ยถึงแนวคิดของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมและได้ขยายความอย่างละเอียด
ได้มีการประกาศให้กิจการที่เดิมทีถูกรวบโดยราชสำนัก สามารถกลับมาค้าขายอย่างเสรีได้ในทุกแขนง ยกเว้นเพียงธนาคารและเหมืองแร่
ได้ประกาศก่อตั้งเขตการค้าเสรีขึ้นที่เมืองชายแดนทั้งสี่แห่งได้แก่ เมืองเปียนเฉิงและเมืองซินโจว รัฐหลานฉีของเขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวนและด่านต้ายู่ซึ่งติดกับอาณาเขตของแคว้นอี๋ นอกจากนี้ยังเพิ่มเมืองเจียงเฉิงและฉวี่โจวเป็นท่าเรือที่สามารถค้าขายได้อย่างเสรีอีก 2 แห่งอีกด้วย
ท้ายที่สุดหนังสือที่มีความยาวยี่สิบหน้ากระดาษก็ถูกซื้อจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาหนึ่งชั่วยาม
ทั่วทั้งเมืองกวนหยุนอันเกรียงไกร มิว่าจะเป็นขุนนางผู้สูงศักดิ์หรือพ่อค้าหาบเร่ล้วนถกเถียงกันเรื่องโครงร่างของแผนพัฒนาระยะห้าปีแรกของราชวงศ์อู๋กันทั้งสิ้น
มันเปรียบเสมือนระเบิดลูกหนึ่งที่ระเบิดกลางนภาเหนือเมืองกวนหยุน และแตกกระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนผู้เขียนโครงร่างฉบับนี้ขึ้นมากำลังทำไม้ทำมืออธิบายบางอย่างให้เหว่ยชังเสนาบดีแห่งกรมโยธาธิการที่ห้องทรงพระอักษร
“ท่านดูนี่…” ฟู่เสี่ยวกวนจับดินสอแท่งถ่าน จากนั้นก็วาดลงบนกระดาษ “นี่คือพระราชวังซวนเต๋อ ส่วนตัวข้ามักจะยืนอยู่ตรงตำแหน่งนี้”
“เหล่าเสนาบดีทั้งหลายจะยืนอยู่ตรงตำแหน่งที่เป็นวงกลมนี้ สิ่งที่ข้าต้องการจะบอกท่านก็คือ…ให้รื้อแท่นที่ข้ายืนออกไปเสีย”
เหว่ยซังผงะตกใจจนหน้าถอดสี “ทูลฝ่าบาท จะให้รื้อถอนได้เยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ ? นี่เป็นสถานที่ตั้งของบัลลังก์มังกรซึ่งฝ่าบาททรงเข้าพบขุนนางจากตรงนี้ มิอาจรื้อถอนได้ มิอาจรื้อถอนได้เป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“อ่า…ท่านฟังที่ข้าเอ่ยให้จบก่อนสิ ข้าให้รื้อแท่นนี้ออกไป ส่วนบัลลังก์มังกรก็มิเอาแล้วเพราะมันแข็งจนนั่งลำบาก ท่านดูก่อน…”
ฟู่เสี่ยวกวนร่างภาพวาดอีกครา “วงกลมนี้คือตำแหน่งที่ขุนนางยืนอยู่ ให้ยกสูงเป็นขั้นเหมือนนาขั้นบันได หลังจากนั้นให้ทำโต๊ะและเก้าอี้สำหรับทุกคนโดยมีทางเดินแปดช่องตรงกลาง…”
ตามแบบที่ฟู่เสี่ยวกวนร่างคือตำแหน่งของจักรพรรดิอยู่ต่ำสุด มีโต๊ะเก้าอี้ทรงกลมเรียงรายรอบพระวรกาย ตำแหน่งคล้ายครึ่งวงกลมเบื้องหน้าของพระองค์จะเป็นเหมือนนาขั้นบันไดที่ยกสูงขึ้นทีละขั้น ในทุก ๆ ขั้นจะมีโต๊ะและเก้าอี้วางอยู่ซึ่งมีลักษณะคล้ายโรงละครแบบกรีกโบราณ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)