สรุปเนื้อหา ตอนที่ 857 วิธีเปลื้องทุกข์ – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บท ตอนที่ 857 วิธีเปลื้องทุกข์ ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 857 วิธีเปลื้องทุกข์
ชายอ้วนยั่วยุความอยากรู้ของฟู่เสี่ยวกวนได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็มิได้บอกความลับที่ว่าราชลัญจกรนั่นสามารถเปิดหอเทียนจีได้
ในสายตาของชายอ้วนเห็นว่าการปกครองของราชวงศ์อู๋ในปัจจุบันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่นแล้ว
ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ในราชสำนักของราชวงศ์อู๋มั่นคงแล้ว ราชกฤษฎีกาของฟู่เสี่ยวกวนก็บรรลุผลบางส่วนแล้ว ศูนย์กลางเยี่ยงเมืองกวนหยุนที่ใหญ่โตก็ได้ขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ความรักและความแค้นของรุ่นบรรพบุรุษ ก็ให้ฝังมันไว้ที่ชั้นแปดของหอเทียนจีไปตลอดกาล
จากนั้นชายอ้วนก็เดินจากไปด้วยท่าทีผ่อนคลาย
ฟู่เสี่ยวกวนมิเข้าใจว่าเขาเป็นถึงจักรพรรดิพระเจ้าหลวงของราชวงศ์อู๋ แล้วจะหนีไปทำอันใดที่เมืองหลวงของราชวงศ์หยูกัน
บิดาอ้วนมิยอมเอ่ยออกมา แต่ก็พอมองออกว่าเขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ใบหน้าอวบอ้วนที่ดูมิสดใส ทำราวกับต้นไม้แก่ที่ผลิบานอีกคราในฤดูใบไม้ผลิก็มิปาน
……
……
ช่วงหลายวันมานี้ฝ่าบาททรงดูมีลับลมคมใน ชนิดถึงขั้นโยกย้ายทหารกองนาวิกโยธิน 50,000 นายซึ่งยังมิสำเร็จการฝึกให้กลับไปยังฐานทัพป้องกันเมืองที่อยู่ด้านนอกเมืองกวนหยุน
การเคลื่อนไหวครานี้ทำให้ภายในราชสำนักเกิดความระแวงขึ้นมาทันพลัน ขุนนางจำนวนมากต่างก็พากันมาสืบถามผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสาม พวกเขาคิดกันว่าหรือฝ่าบาทจะมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการทหารคราใหญ่
แม้แต่พวกจัวอี้สิงก็มิทราบ พวกเขาได้เอ่ยถามฟู่เสี่ยวกวนแล้ว ทว่าฟู่เสี่ยวกวนก็เพียงแค่ส่งยิ้มให้และปิดปากเงียบเท่านั้น
นี่มันแปลกมากยิ่งนัก หรือจะเกิดกบฏขึ้นในราชสำนัก ?
เมื่อคิดรวมกับที่ฝ่าบาทตัดหนทางการแนะนำบุคคลขึ้นรับราชการและผลักดันเคอจี่อย่างเต็มกำลัง เหล่าขุนนางที่เคยผ่านการแนะนำจากเจ็ดตระกูลใหญ่จึงเริ่มรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังจะมาเยือน
หรือฝ่าบาทต้องการสะสางบัญชีกัน ?
เยี่ยงนั้นก็ต้องสะบั้นความสัมพันธ์ให้ขาด !
เช่นนั้นก็ต้องแสดงจุดยืนของตนเองให้ชัดเจน !
ดังนั้น ธรณีประตูจวนของจัวอี้สิง หนานกงอี้หยู่และเมิ่งฉางผิงแทบจะถูกเหล่าเสนาบดีที่มาแสดงเจตจำนงเหยียบหักในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ
ในตอนนี้เมืองกวนหยุนได้กลายเป็นจุดสนใจของทั่วหล้าเสียแล้ว
เรื่องการระดมพลในเมืองกวนหยุนย่อมถูกส่งต่อไปยังอีกสามแคว้น จักรพรรดิเยียนหานยวี่แห่งแคว้นอี๋ได้รีบระดมเงินบรรณาการ 10 ล้านตำลึงอย่างรวดเร็ว โดยมีอัครมหาเสนาบดีเปียนมู่หยูคุมขบวนส่งมายังราชวงศ์อู๋ด้วยตนเอง
หยูเวิ่นเต้าฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยูเร่งระดมกองทัพสวรรค์ฆาตให้มุ่งหน้าไปยังกองทัพชายแดนใต้ คงมีเพียงแคว้นฝานเท่านั้นที่เฝ้ามองอย่างเงียบ ๆ แต่ก็มีรถม้าคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังราชวงศ์อู๋โดยการนำของฝานเทียนหนิง
ส่วนผู้ที่กังวลที่สุดย่อมมิพ้นเหล่าเชื้อสายของสี่ในเจ็ดตระกูลใหญ่ที่อยู่ในเมืองกวนหยุน อย่างเช่น…โจวจั้วหลินอดีตเสนาบดีหน่วยขนถ่าย หานสุนเยียนอดีตซือเจิ้งแห่งกองทอผ้า หลู่หมิงเซียนอดีตชื่อหลางฝ่ายขวากรมคลังและเฉินซูหยวนอดีตชื่อหลางสำนักตรวจสอบพระราชโองการ
ตลอดหกเดือนที่ผ่านมา วันและเวลาของเยี่ยนเชี่ยวเอ๋อร์ก็ได้ผ่านไปอย่างยากลำบาก
นายท่านเฉินซูหยวนโดนปลดออกจากตำแหน่งทางการ อยู่เรือนก็พาลอารมณ์เสียมิยอมสนทนากับผู้ใดเลย ทั้งวันเอาแต่อยู่เงียบ ๆ คนเดียว คาดมิถึงว่าเขาจะลงมือทุบตีนางอีกด้วย !
นางจะทำอันใดได้กัน ?
เมื่อวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งได้เสียเงินจำนวนมากเพื่อซื้อเครื่องประดับหยกจากจินยู่หม่านถางและได้ไหว้วานให้ฮูหยินใหญ่ตระกูลจัวนำส่งไปยังวังหลวง ทว่ากลับถูกฮูหยินจัวส่งคืนมาในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยเอ่ยว่าในวังมีครบแล้วจึงมิจำเป็น
หลังจากหมดวันหยุดยาว วันที่สิบแปด เดือนหนึ่ง นายท่านได้ไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก ในวันนั้นเขากลับจวนอีกคราในช่วงมืดค่ำพร้อมด้วยท่าทีเมามาย
ข้ามิสามารถหวนคืนอดีตได้อีกแล้ว
โชคชะตาของข้าโดนแบ่งปันให้คนผู้นั้นแล้ว
นางหลับตาลงช้า ๆ พลางสูดหายใจรับอากาศริมทะเลสาบเข้าไปลึก ๆ นางก้าวขึ้นเรือจนมาถึงหลิวหยุนถายและได้เดินเข้าไปในหอหลิวหยุน
“ไอหยา… เชี่ยวเอ๋อร์กลับมาเยี่ยมแม่เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ท่านแม่เอ่ยได้ถูกต้องแล้ว ลูกสาวเติบโตมาด้วยมือคู่นี้ของท่าน หากท่านมิขับไล่ ข้าก็จะกลับมาเยี่ยมเป็นครั้งคราเยี่ยงนี้”
“ยินดี ยินดียิ่ง เจ้ายังเป็นเชี่ยวเอ๋อร์ของข้าที่รู้ความ… แล้วคนผู้นั้นเล่า ? ”
“เขาน่ะหรือ ? ” เยี่ยนเชี่ยวเอ๋อร์สะบัดผ้าในมือ พลางเดินนวยนาดไปหาเว่ยซานเหนียงที่ยืนอยู่บนชั้นสอง “มิรู้ว่าเขาไปเกเรที่ใดเช่นกัน อย่าเอ่ยถึงเขาเลย ในเวลานี้คงจะวิ่งไปคว้าความสุขใหม่ที่อื่น คงมินึกถึงความรักครั้งเก่านี้หรอก”
เว่ยซานเหนียงหัวเราะร่าจนเยี่ยนเชี่ยวเอ๋อร์เดินมาถึง นางก็เพิ่งได้สังเกตอย่างถี่ถ้วน “เจ้าผอมเกินไปแล้ว เจ้าน้อยใจอันใดกัน ? แม่ออกหน้าให้ดีหรือไม่ ? ”
เยี่ยนเชี่ยวเอ๋อร์ส่ายหน้า จากนั้นก็เอ่ยเสียงแผ่วว่า “ความจริงแล้ว… เขาคงกดดันมากจนเกินไป ข้าเข้าใจและมิได้โทษเขาแต่อย่างใด”
“เกิดอันใดขึ้นกับเฉินซูหยวนกัน ? ”
“ในเดือนแรกเขาถูกองค์จักรพรรดิถอดออกจากตำแหน่งราชการ เกรงว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนาเกลือในมือของตระกูลเฉิน ทว่าเขามิใช่หัวหน้าตระกูลเฉินสักหน่อย เขาจะไปทำอันใดได้ ? เกรงว่าจะโดนโจมตีหรือบางทีอาจจะกังวลต่อหายนะที่กำลังจะหล่นลงมาจากท้องนภา… ท่านแม่ องค์จักรพรรดิจะมิให้ทางรอดแก่พวกเราเลยหรือ ? ”
“อย่าเอ่ยวาจาไร้สาระ นี่ก็เกินกว่าครึ่งปีแล้ว องค์จักรพรรดิได้ตัดศีรษะผู้ใดหรือไม่เล่า ? ” เว่ยซานเหนียงจ้องเยี่ยนเชี่ยวเอ๋อร์เขม็ง จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบศีรษะของนาง “หากให้กล่าวโทษก็โทษได้เพียงว่าสี่ตระกูลใหญ่โลภมากจนเกินไป เจ้าลองดูตระกูลจัวและตระกูลหนานกงสิ เพียงฝ่าบาทขึ้นครองบัลลังก์ก็ได้รีบยกกิจการส่วนใหญ่ที่ครอบครองให้พระองค์ทันที ! ”
“หมายความว่าเยี่ยงไรน่ะหรือ ? ก็หมายความว่ายอมสวามิภักดิ์เยี่ยงไรเล่า ! เจ็ดตระกูลใหญ่ล้วนร่ำรวยล้นฟ้าและสิ่งที่ควรทำมากที่สุดในเวลานี้คืออันใดเล่า ! ”
“มิมีอันใดได้มาโดยมิลงทุน ตระกูลจัวและตระกูลหนานกงก็ได้รับผลประโยชน์แล้ว ส่วนอีกสี่ตระกูลที่เหลือ…” เว่ยซานเหนียงมิได้เอ่ยอันใดออกมาอีก “เจ้าไปสนทนากับเมิ่งซีเถิด อย่าวุ่นวายคิดเรื่องที่บุรุษควรกระทำเลย คิดไปแล้วก็มีแต่จะเพิ่มปัญหาเสียเปล่า ๆ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)