นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 873

ตอนที่ 873 จักรพรรดิของพวกเรา

กรมการค้าชั้นสอง ณ ห้องทำงานของหยุนซีเหยียน

จัวอี้สิงและขุนนางอาวุโสทั้งหลายนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับหยุนซีเหยียนพลางสำรวจสำนักงานที่แสนเรียบง่ายนี้ ครุ่นคิดถึงขั้นตอนการทำงานที่เป็นระบบที่ได้เห็นเมื่อครู่ จากนั้นจึงหันไปมองหัวหน้ากรมอายุน้อยที่อยู่เบื้องหน้านี้

“ใต้เท้าทั้งหลาย ข้าสละเวลาให้พวกท่านได้เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น เพราะวันนี้ข้าต้องไปเมืองเป่ยจวิ้นแห่งรัฐเหอซีซึ่งอยู่ตรงข้ามกับแคว้นฝานเพราะที่นั่นเริ่มสร้างสะพานแล้ว การก่อสร้างเมืองการค้าเสรีเป่ยจวิ้นต้องเสร็จสิ้นก่อนสะพานแห่งนั้นจะแล้วเสร็จ”

จัวอี้สิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยถามว่า “วันนี้เพิ่งเปิดทำการ ฝ่าบาทมีพระราชโองการให้เจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน ? ”

หยุนซีเหยียนรินชาพลางเอ่ยยิ้ม ๆ “นี่เป็นเรื่องภายในกรมการค้า เหตุใดต้องมีพระราชโองการจากฝ่าบาทด้วยเล่า ? ”

เขาวางกาน้ำชาลง จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “เมื่อปีที่แล้วฝ่าบาทได้ลงพระนามข้อตกลงทางการค้าทวิภาคีระหว่างสองแคว้นกับองค์ชายสิบสามแห่งแคว้นฝาน เรื่องที่เหลือย่อมเป็นหน้าที่ของกรมการค้าที่จะต้องเข้าดำเนินงานต่อให้สำเร็จ แท้จริงแล้ว ข้าเดินทางล่าช้าไปด้วยซ้ำเพราะเมื่อสิ้นปีที่แล้วต้องวางแผนก่อสร้างสำนักงานการค้าทั่วทุกรัฐ จึงต้องคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถจากเหล่าบัณฑิตชิวเหวยมาจำนวนหนึ่ง จึงทำให้กระบวนการเดินทางล่าช้าไปสักเล็กน้อย”

“เจ้า…มิต้องการคำแนะนำจากฝ่าบาทเลยหรือ ? หากทำออกมาแล้วมิตรงกับความต้องการของฝ่าบาทเล่า… ? ” เมิ่งฉางผิงเอ่ยถาม

หยุนซีเหยียนยิ้มร่าพลางตอบว่า “เหตุใดจะมิสอดคล้องกับความต้องการของฝ่าบาทเล่า ? ข้อตกลงทางการค้าทวิภาคีต้องเข้าสู่ท้องถิ่น ลำดับแรกต้องทำการขยายเมืองเป่ยจวิ้น มิเช่นนั้นจะรองรับผู้ค้าขายที่หลั่งไหลเข้ามาได้เยี่ยงไร ?

เมื่อกรมการค้าจัดตั้งสำนักงานที่เมืองเป่ยจวิ้น ย่อมสะดวกต่อผู้ค้าขายที่ต้องการลงทะเบียนในเมืองเป่ยจวิ้น ทั้งยังสามารถประกาศข้อบังคับทางการค้าของราชสำนักและควบคุมให้พวกเขาอยู่ในจรรยาบรรณการค้าได้อีกด้วย

นี่คือระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม กรมการค้าจะมิเข้าไปยุ่งเกี่ยวเป็นอันขาด ตราบใดที่ผู้ค้าทำถูกต้องตามจรรยาบรรณการค้า

หากเกิดข้อพิพาททางการค้าขึ้นในราชวงศ์อู๋ สำนักงานการค้าก็สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาได้เลยทันที มิจำเป็นต้องทูลรายงานต่อฝ่าบาท…”

หยุนซีเหยียนชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยด้วยความประหม่าว่า “แท้จริงแล้วฝ่าบาทของพวกเรามิโปรดให้เอาเรื่องเล็กน้อยไปรบกวนพระองค์อย่างแท้จริง”

“ปีนั้นข้าได้ติดตามฝ่าบาทไปที่ว่อเฟิงเต้า หลังจากที่ฝ่าบาททรงกำหนดแผนพัฒนาว่อเฟิงเต้าเสร็จสิ้นแล้ว ก็มิได้ยื่นพระหัตถ์เข้ามายุ่งเกี่ยวอีกเลย ทว่าที่บอกมิสนพระทัยมิใช่อย่างนั้นหรอก ! ”

“หมายความว่าเยี่ยงไร ? ” หนานกงอี้หยู่เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ฝ่าบาทมิสนพระทัยในขั้นตอน ทว่าพระองค์สนพระทัยในผลลัพธ์ เมื่อดำเนินงานถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ให้นำรายงานผลปฏิบัติขึ้นทูลถวายแด่พระองค์ก็ถือเป็นการเสร็จสิ้นแล้ว”

“หากผลลัพธ์ที่ได้ย่ำแย่เล่า ? ”

“ฝ่าบาทตรัสว่าเยี่ยงไร ? ผู้คนสามารถผิดพลาดได้ การวางแผนย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามหน้างานจริง หากการเปลี่ยนแปลงนั้นมากจนเกินไปและยังเป็นแนวทางที่ย่ำแย่ก็ให้แก้ไขอย่างรวดเร็ว ข้าที่เป็นหัวหน้าของกรมการค้าจึงมีสิ่งที่ต้องทำคือรีบหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติตามแผนการ จากนั้นก็แก้ไขความผิดพลาดนั้นอย่างว่องไวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในตอนท้าย”

“ฝ่าบาทตรัสว่านี่คือศิลปะของผู้นำ ดังนั้นการที่ข้าเดินทางไปยังเมืองเป่ยจวิ้น มิใช่ว่าต้องไปทำเรื่องยิบย่อยอันใดหรอก เพราะเรื่องเหล่านั้นคือเรื่องของสำนักงานการค้า ณ เมืองเป่ยจวิ้น ข้าเพียงไปสังเกตว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นตรงที่ใดหรือไม่ รวมถึงออกความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะต่อสำนักงานการค้า ชาวบ้าน และผู้ค้าขายในสถานที่แห่งนั้น”

“มีเพียงเท่านี้ขอรับ”

คำเอ่ยของหยุนซีเหยียนกระแทกเข้าที่ศีรษะของเสนาบดีอาวุโสทั้งสามอย่างจัง พวกเขาเป็นคนของราชสำนักมาหลายสิบปีแล้ว ทุกวันต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังมิสว่างเพื่อที่จะเข้าร่วมประชุม 1 ชั่วยาม หลังกลับไปยังสำนักงานของตนก็จะต้มชาหนึ่งกาและฟังรายงานจากลูกน้องพร้อมกับอ่านสมุดรายงานที่ถูกส่งมาจากแต่ละที่

เมื่อพิจารณารายงานเล่มนั้นเสร็จแล้ว ก็จะนำไปทูลถวายต่อฝ่าบาท สุดท้ายก็ให้ฝ่าบาทวิจารณ์แล้วพวกตนก็ตอบกลับไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตามนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)