นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 872

ตอนที่ 872 เปลี่ยนแปลงอย่างเงียบ ๆ

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าคิดว่าองค์จักรพรรดิของพวกเราต้องลอบทำการใหญ่เป็นแน่”

ณ กรมการค้า หยุนซีเหยียนนั่งอยู่ในห้องทำงาน เขาต้มน้ำชาไปพลางเอ่ยกับจงสือจี้ไปพลาง “ทรงอดกลั้นมา 1 ปีเต็มแล้วคงทนมิไหวอีกต่อไปแล้ว เกรงว่านับจากนี้การประชุมราชสำนักจะเกิดการเปลี่ยนแปลง”

จงสือจี้กระตุกยิ้มมุมปาก “แท้ที่จริงข้าคิดว่าการประชุมราชสำนักก็มิได้มีความหมายสักเท่าใดนัก แผนพัฒนาระยะห้าปีแรกได้ระบุรายละเอียดไว้อย่างชัดเจนแล้ว เพียงให้แต่ละหน่วยงานดำเนินการไปตามแผนอย่างเคร่งครัดก็พอแล้ว ทว่าในวันนี้ฝ่าบาททรงทำเกินไปหน่อย เกรงว่าเสนาบดีระดับสูงทั้งสามท่านคงจะมิปล่อยเอาไว้เป็นแน่”

หยุนซีเหยียนรินน้ำชาใส่ถ้วยพลางส่ายหน้าไปมา “มิแน่หรอก ! ฝ่าบาทของพวกเราเมื่อคราที่อยู่ในราชวงศ์หยูก็ทรงมีความสามารถด้านวาทศิลป์สูงส่ง เรื่องที่ทรงถกเถียงกับผู้อื่นจนอีกฝ่ายกระอักเลือด บัดนี้ยังคงเป็นที่กล่าวถึงในหมู่ฝูงชนและมิมีผู้ใดเทียบเคียงได้อย่างแท้จริง ต่อให้ฝ่าบาททรงเอาชนะทั้งสามขุนนางใหญ่มิได้ ทว่าการตรัสให้ทั้งสามมิกล้าเปิดปากเถียง…พระองค์ทรงทำได้อย่างแน่นอน”

จงสือจี้ยกถ้วยชาขึ้นมาเป่า ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยว่า “คงลำบากฝ่าบาทมิน้อย ข้าว่ากรมการค้าของเราดีที่สุดแล้วเพราะแม้จะเหนื่อยไปบ้าง แต่ฝ่าบาทก็ทรงมอบอำนาจให้ค่อนข้างมาก มิว่าเรื่องใดก็สามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้ เพียงแค่มีคนน้อยไปหน่อยก็เท่านั้น และจนถึงบัดนี้สำนักงานกรมการค้าในแต่ละเมืองก็ยังจัดตั้งมิเสร็จสิ้น เฮ้อ…”

“อย่าได้รีบร้อนไปเลย ข้าให้หวางซุนอู๋หยาเขียนจดหมายถึงหวางซุนอู๋จี้น้องชายของเขาหนึ่งฉบับแล้ว… หวางซุนอู๋จี้ที่อยู่ในกรมการค้าผู้นั้น เป็นคนที่ฝ่าบาททรงคัดเลือกด้วยพระองค์เอง”

จงสือจี้ชะงักทันใด “จะใช้คนของราชวงศ์หยูเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“กรมการค้าของราชวงศ์หยูมีมาตรฐานกว่าผู้ใด ฝ่าบาททรงก่อตั้งด้วยพระองค์เองและคนในกรมการค้าก็ได้รับการถ่ายทอดความรู้มาจากฝ่าบาทโดยตรง ทุกคนล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์ทั้งสิ้น… ข้าคิดว่าราชวงศ์อู๋กว้างใหญ่และรุ่งเรืองถึงเพียงนี้ บางทีพวกเขาอาจจะยินดีเดินทางมา”

จงสือจี้มิได้มีความคุ้นเคยกับเยาวชนในกรมการค้าแห่งราชวงศ์หยูสักเท่าใดนัก แต่เขารู้ว่ากฎหมายการค้าในราชวงศ์อู๋ล้วนเกิดมาจากเยาวชนกลุ่มนี้ทั้งสิ้น

การผลักดันนโยบายใหม่ของกรมการค้าแห่งราชวงศ์หยูมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งนโยบายใหม่ของกรมการค้าแห่งราชวงศ์อู๋ก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่หลายส่วน หรืออาจจะมีรายละเอียดมากกว่าด้วยซ้ำ หากเยาวชนเหล่านั้นสามารถเดินทางมายังราชวงศ์อู๋ได้จริง กรมการค้าย่อมมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน

“จะมอบตำแหน่งใดให้แก่พวกเขาดีล่ะ ? ”

“มอบตำแหน่งกับผีสิ ! เพียงเอ่ยว่าร่วมบุกเบิกใต้หล้าพร้อมกับฝ่าบาทก็เพียงพอแล้ว”

จงสือจี้เอ่ยยังมิทันขาดคำก็พบว่ามีเยาวชนผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน เขายกมือขึ้นคารวะแล้วเอ่ยว่า “ใต้เท้าทั้งสอง ท่านเสนาบดีอาวุโสทั้งสามนำเสนาบดีทั้งหกกรมมาเยี่ยมเยียนขอรับ”

จงสือจี้ตกตะลึงจนถ้วยน้ำชาในมือแทบจะหล่นลงพื้น หยุนซีเหยียนเองก็ชะงักเล็กน้อยเช่นกัน จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้ามีอันใดทำก็จงไปทำเถิด”

“…ขอรับใต้เท้า”

“มิออกไปต้อนรับสักหน่อยหรือ ? ”

“มิจำเป็นหรอก”

“แม้จะเอ่ยว่าพวกเราอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของฝ่าบาท ทว่าผู้นำทั้งสามสำนักหกกรมก็เป็นถึงขุนนางระดับสูงเชียวนะ ! ”

“จงจำเอาไว้ว่า… ในสายพระเนตรของฝ่าบาท ทุกคนเสมอภาคกัน ประโยคนี้ฝ่าบาททรงตรัสอยู่เสมอ พระองค์มิชื่นชอบการเยินยอและพวกที่ยึดติดในอำนาจ พวกเราเป็นขุนนางในกรมการค้าก็ทำเรื่องของตนให้ดีที่สุดก็พอแล้ว ข้าคร้านจะไปสนใจขุนนางอาวุโสอันใดนั่น”

……

……

เมื่อจัวอี้สิงและคนอื่น ๆ เดินเข้ามาด้านในห้องโถงของกรมการค้า พวกเขาก็ได้แต่ยืนตกตะลึงอยู่อย่างนั้น สายตามองผู้คนพลุกพล่านเดินผ่านไปมาราวกับตลาด อีกทั้งยังพบว่าแต่ละช่องมีคนยืนต่อแถวมากมาย จึงได้คิดขึ้นมาในใจว่าขุนนางในกรมการค้าไปอยู่ที่ใดกันหมด ?

เหตุใดถึงมิมีผู้ใดออกมาต้อนรับพวกเขาเลย ?

ขุนนางชั้นผู้น้อยคนเดิมเดินลงมาจากชั้นบน ยกมือขึ้นคารวะพลางยิ้มตอบ “ใต้เท้าทุกท่านขอรับ บัดนี้กรมการค้ามีงานมากมายให้ต้องจัดการ หากท่านทั้งหลายมีธุระก็เชิญขึ้นไปบนชั้นสองยังห้องทำงานของท่านหัวหน้ากรม แต่หากมิมีธุระอันใด…ท่านหัวหน้ากรมเอ่ยว่าให้ทุกท่านเดินเยี่ยมชมได้ตามอัธยาศัย ขอเพียงอย่ารบกวนผู้อื่นก็พอขอรับ”

“…”

“หยุนซีเหยียน เจ้านี่มัน ! ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)