นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 871

สรุปบท ตอนที่ 871 นอนต่อ: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปตอน ตอนที่ 871 นอนต่อ – จากเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

ตอน ตอนที่ 871 นอนต่อ ของนิยายทะลุมิติเรื่องดัง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 871 นอนต่อ

ฟู่เสี่ยวกวนละทิ้งบรรดาขุนนางพลางเดินออกจากท้องพระโรงซวนเต๋อด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข บัดนี้ท้องนภายังคงเป็นสีเข้มไปทั้งผืน

“กลับตำหนัก”

“กลับ…ตำหนักใดพ่ะย่ะค่ะ ? ” สีหน้าของเจี่ยหนานซิงสับสนเล็กน้อย ฝ่าบาททรงสะบัดพระหัตถ์อย่างเด็ดขาดเยี่ยงนี้ พระองค์ประสงค์จะทำอันใดกันแน่ ?

“แน่นอนว่ากลับไปยังตำหนักหยางซิน”

“……”

“ไปไปไป ข้าง่วงจะตายอยู่แล้ว กลับไปนอนต่อเถิด”

“มิใช่ ! ฝ่าบาท มิได้ตรัสว่าวันนี้จะไปธนาคารซื่อทงหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนชะงักเพราะลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

มิเพียงต้องไปธนาคารซื่อทงเท่านั้น แต่ต้องไปกรมการค้าด้วย

กฎหมายบริษัทจำต้องปรับปรุงขึ้นอีกขั้น ด้านหุ้นก็ต้องเพิ่มมาตรฐานใหม่ก่อนออกขายโดยธนาคารซื่อทง

ในหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาระงับความคิดเรื่องการออกหุ้นของราชวงศ์อู๋เนื่องจากประการที่หนึ่งคืออยากเห็นระดับความกระเตื้องของเศรษฐกิจราชวงศ์อู๋ ประการที่สองเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่มากจนเกินไปของเจ้าสิ่งนี้

แม้ธนาคารซื่อทงจะสร้างระดับการตรวจสอบกิจการไว้อย่างเข้มงวด ทว่าจากมุมมองของฟู่เสี่ยวกวนก็ยังมิเพียงพอ

วางไว้ก่อน รอให้เศรษฐกิจของราชวงศ์อู๋สูงขึ้นอีกสักระดับ และรอให้พวกเขาผ่านการอบรมเฉพาะด้านก่อนดีกว่า

“มิไปแล้ว ไป ! กลับตำหนักหยางซิน”

ด้านท้องพระโรงซวนเต๋อบังเกิดความเงียบสงัดขึ้นมาในทันใด

เสนาบดีอาวุโสทั้งสามมองหน้ากันไปมา พวกตนเป็นขุนนางมาหลายสิบปี นี่เป็นคราแรกที่ได้เผชิญกับเหตุการณ์เยี่ยงนี้

ต่อให้เป็นจักรพรรดิอู๋ที่เกียจคร้านที่สุด พระองค์ก็ยังนั่งขัดสมาธิอยู่บนบัลลังก์มังกรจนการประชุมเช้าราชวงศ์จบสิ้นลง บัดนี้ฝ่าบาทหมายความว่าเยี่ยงไรกันแน่ ?

พระองค์รับสั่งให้เสนาบดีทั้งสามสำนักดำรงตำแหน่งประธานในการประชุม มองจากท่าทีแล้วเหมือนจะวางมือมิสนใจอีก หรือพระองค์จะมิเข้าร่วมการประชุมในภายภาคหน้าแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?

เหตุใดคนผู้นี้ทนรับการสรรเสริญมิได้เล่า ?

ทั้งยังเอ่ยได้ว่าปีที่ผ่านมาพระองค์ทรงงานอย่างหนัก ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ทำให้ภาษีของราชวงศ์อู๋เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว พระองค์จะสะบัดทิ้งมิทำแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?

ใช้ได้ที่ไหนกันเล่า !

ในยามที่เหล่าขุนนางได้สติกลับคืนมา พวกเขาต่างก็สนทนากันเสียงดังจอแจ

……

……

จวบจนยามซื่อ ฟู่เสี่ยวกวนตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นภายใต้การปรนนิบัติของชุนซิ่ว

“ท่านพี่ ขันทีเจี่ยรออยู่ด้านนอกตลอดเวลาเลยเพคะ เอ่ยว่า… เอ่ยว่าพวกท่านราชเลขาจัวยังคงรออยู่ที่ห้องทรงพระอักษรเพคะ”

ชุนซิ่วจัดระเบียบอาภรณ์ของฟู่เสี่ยวกวนพลางเหลือบสายตามองเขา “บัดนี้พระองค์มิใช่นายน้อยเศรษฐีที่ดินแห่งหลินเจียงอีกแล้ว พระองค์เป็นถึงจักรพรรดิ แม้หม่อมฉันมิทราบว่าจักรพรรดิต้องทำอันใดบ้าง แต่หม่อมฉันก็ทราบว่าอย่างน้อยจักรพรรดิมิสามารถนอนตื่นสายอยู่บนเตียงได้นะเพคะ”

“ท่านพี่…ท่านกลายเป็นคนเกียจคร้านไปเสียแล้ว”

“…” แม้แต่ชุนซิ่วก็ยังเอ่ยเยี่ยงนี้ เฮ้อ…จะมีชีวิตเอ้อระเหยนอนพักผ่อนสักครึ่งวันมิได้เลยหรือเยี่ยงไรกัน !

“ซิ่วเอ๋อร์”

“เพคะ”

“พวกท่านคือขุนนางที่เป็นกระดูกสันหลังของราชวงศ์อู๋ พวกท่านคือเสาหลักที่ใหญ่ที่สุดของอาคารที่ชื่อว่าราชวงศ์อู๋หลังนี้ ! ”

“วันนี้ข้าขอเอ่ยกับพวกท่านให้กระจ่าง หากการบริหารราชสำนักของราชวงศ์อู๋ปราศจากข้ามิได้ นั่นคือความล้มเหลวของข้าและเป็นความล้มเหลวเรื่องการใช้คนของข้าด้วย ! ”

“ที่เขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวนเคยเป็นราชวงศ์หนึ่งมาก่อนเช่นกัน ข้าผละออกมาและมอบทุกเรื่องให้ผู้ว่าการเขตที่เป็นชาวฮวงผู้หนึ่งจัดการ เขาสามารถบริหารชื่อเล่อชวนได้อย่างเหมาะสมโดยที่ข้าสามารถออกเดินทางกลับมาราชวงศ์อู๋ได้ นั่นก็เป็นเพราะแผนพัฒนาเศรษฐกิจของชื่อเล่อชวนที่กำหนดให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในแต่ละท้องถิ่นเยี่ยงไรเล่า”

“พวกท่านรู้สึกว่าการจัดวางจักรพรรดิไว้ที่ท้องพระโรงนั้นคือระบบถูกต้องแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ข้ากลับรู้สึกว่าพวกท่านต้องการจับจักรพรรดิขังใส่กรงเสียมากกว่า ! ”

“การประชุมนั้นสำคัญจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ในสายตาของข้าคือมิจำเป็น เพราะประสิทธิภาพของมันต่ำทั้งยังเสียเวลามากอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าสามารถนอนต่อได้อีกสักพัก แต่เพราะการประชุมแสนน่าเบื่อนั่นทำให้ต้องตื่นก่อนเวลาอย่างเลี่ยงมิได้”

“แล้วผลลัพธ์เล่า ? เวลาเข้างานแต่ละคนดูกระสับกระส่าย มิมีกะจิตกะใจจัดการหรือบริหารงานเลยด้วยซ้ำ นี่หมายถึงอันใดน่ะหรือ ? ก็หมายถึงการทำให้เสียงานเพราะกดดันมากจนเกินไปเยี่ยงไรเล่า ! ”

“ข้าขอบอกพวกท่านตามตรงว่าการประชุมโดยเฉพาะการประชุมที่น่าเบื่อเยี่ยงนี้มิจำเป็นเลยสักนิด ! ทั้งสามสำนักมีราชกฤษฎีกาอันใดก็สามารถออกคำสั่งไปยังหกกรมได้โดยตรง จากนั้นก็ให้ทั้งหกกรมถ่ายทอดงานไปยังหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละท้องที่ก็ยังได้”

“สิ่งที่ข้าต้องการคือราชสำนักที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ! ข้ามิต้องการให้ขุนนางหมดแรงอ่อนล้าเยี่ยงนี้ ! ”

“เหตุใดข้าจึงคัดค้านที่จะให้อำนาจรัฐเข้าไปควบคุมกิจการน่ะหรือ ? เหตุใดต้องผลักดันภาคเอกชนอย่างจริงจัง ? นั่นก็เพื่อประสิทธิภาพเยี่ยงไรเล่า ! ”

“เหตุใดภาคเอกชนจึงสามารถทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ? ก็เพราะโครงสร้างของมันนั้นแสนเรียบง่าย การลงมือปฏิบัติจึงแข็งแกร่งมากกว่า แล้วทางราชสำนักเล่า ? ต้องประชุมแลกเปลี่ยนความคิด ต้องพินิจข้อดีข้อเสียทั้งยังต้องดูแลทุกระดับความสัมพันธ์ในทุกระดับชั้นขุนนางอีก”

“ขอบอกพวกท่านอย่างมิเกรงกลัวว่า ข้าผิดหวังในสามสำนักหกกรมเป็นอย่างมาก พวกท่านควรไปเรียนรู้งานจากกรมการค้า ! ”

“กรมการค้ามิต้องเข้างานแบบลงนามในสมุดรายชื่อทุกเช้า หากพวกเขาต้องการกระทำการใดก็จะส่งหนังสือมาถึงข้าเพื่อขอคำชี้แนะ ข้าให้อำนาจแก่พวกท่านอย่างเต็มที่ พวกท่านก็ควรรับผิดชอบหน้าที่ให้ดี แต่พวกท่านกลับคิดว่าควรรายงานทุกเรื่องมาถึงข้าและให้ข้าเป็นผู้รับผิดชอบในการตัดสินใจ พวกท่านคิดว่าการทำเยี่ยงนี้คือการรักษาศักดิ์ศรีของจักรพรรดิ แต่ในสายตาของข้า… มิเพียงเป็นแค่การถอดกางเกงผายลม ข้าคิดว่ามันเกินจำเป็นอีกด้วย ! ”

เสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามเดินทางมาเพื่อเกลี้ยกล่อมองค์จักรพรรดิ แต่คาดมิถึงว่าพวกเขาจะมิได้เอ่ยอันใดเลยสักคำ ทั้งยังถูกองค์จักรพรรดิต่อว่าใส่หน้าเข้าอย่างจังอีกด้วย

แต่เมื่อใคร่ครวญตามคำต่อว่าเหล่านี้อย่างตั้งใจแล้ว ก็จะพบว่าสมเหตุสมผลมากยิ่งนัก ใบหน้าชราภาพของแต่ละคนขึ้นสีแดงก่ำทันพลัน จนถึงขั้นเอ่ยอันใดมิออกเลยทีเดียว

“ยกเลิกการประชุมราชสำนักในภายภาคหน้าไปเสีย จากนี้แต่ละกรมมีเรื่องอันใดก็ให้เปิดการประชุมเพื่อตัดสินใจร่วมกัน จากนั้นก็ให้ทั้งสามสำนักเป็นผู้ตัดสินในขั้นสุดท้าย หากมีเรื่องใหญ่เช่นสงคราม โรคระบาด ภัยพิบัติหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของราชอาณาจักรค่อยมาหาข้า… นอกเหนือจากนี้อย่ามายุ่งกับข้า ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)