ตอนที่ 913 ดูไปพลางพลาง
ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งฟังอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็รินน้ำชาให้กับเสนาบดีทั้งสามคน
“ทูลฝ่าบาท สายลับทั้งหมดของราชวงศ์อู๋อยู่ในมือของโจวถงถง ดังนั้นต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ ! ” หนานกงอี้หยู่ทูลอย่างจริงจัง
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า “โจวถงถงก็เป็นผู้ที่อยู่ในราชวงศ์อู๋มานาน ในปีนั้นเขาใช้ความสามารถปราบปรามกบฏไทเฮาซี วันนี้ที่เขาแสดงความคิดเห็นในท้องพระโรงซวนเต๋อก็เป็นสิ่งข้าอยากเอ่ยอยู่แล้ว จึงมิควรใช้สิ่งที่เขาเอ่ยในวันนี้มาตัดสินว่าเขามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง”
“แล้วจะอธิบายเรื่องที่เขาส่งคนในตระกูลไปจินหลิงเยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“เรื่องนี้เขาเคยเอ่ยกับข้าแล้วว่ามารดาเป็นโรคปวดตามข้ออย่างรุนแรง พวกท่านก็ทราบดีว่าสภาพอากาศที่เมืองกวนหยุนชื้นยิ่งนัก ส่วนที่จินหลิงนั้นแตกต่างกันเพราะสภาพอากาศที่นั่นสบายกว่ามากโข มารดาของเขาเป็นผู้เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่และนี่เป็นสิ่งที่บุตรควรแสดงความกตัญญู แล้วข้าจะปฏิเสธได้เยี่ยงไร ? ”
เสนาบดีอาวุโสทั้งสามมองหน้ากันไปมา พวกเขามิได้เอ่ยอันใดออกมาอีก
แม้ว่าโจวถงถงจะโง่เขลาไปบ้าง ทว่าเรื่องความกตัญญูของเขาก็เป็นที่ทราบโดยทั่วกันอยู่แล้ว
ทว่าเรื่องเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้พวกตนกังวลยิ่งกว่าเดิม เพราะหากโจวถงถงคิดมิซื่อ แม้ว่าราชวงศ์อู๋ในตอนนี้จะอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์จักรพรรดิโดยสมบูรณ์ โดยเฉพาะเรื่องกองทัพ หากโจวถงถงคิดจะก่อความวุ่นวาย ฝูงมดที่อยู่ในมือของเขาย่อมมิสามารถก่อเรื่องที่ร้ายแรงได้ ทว่าเยี่ยงไรเสนาบดีทั้งสามก็กังวลอยู่ดีเพราะหากเขาพุ่งเป้าไปที่ฝ่าบาทซึ่งแม้ข้างพระวรกายจะมีปรมาจารย์ 2 ท่านคอยคุ้มกัน แต่หากเขามีปืนคาบศิลาติดตัว…ผลที่ตามมาก็มิอาจคาดเดาได้เช่นกัน
ความปลอดภัยของฝ่าบาท ต้องรัดกุมมากกว่านี้เสียแล้ว
หนานกงอี้หยู่เหลือบมองจัวอี้สิง “ข้าคิดว่าควรให้โหยวเป่ยโต้วคอยติดตามอยู่ข้างพระวรกายของฝ่าบาทอีกแรง”
จัวอี้สิงพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็เหลือบมองเจี่ยหนานซิงที่ยืนอยู่บริเวณมุมห้องอย่างเงียบ ๆ เพราะแม้ว่าพวกเขาพี่น้องมิมีความแค้นต่อกัน ทว่าเรื่องที่เข้ากันมิได้ก็มิอาจลบล้างไปได้ แต่สุดท้ายแล้วเจี่ยหนานซิงก็พยักหน้าเห็นด้วย
“พวกท่านมิต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของข้าหรอก บัดนี้ข้าได้แต่งตั้งหนิงซือเหยียนเป็นผู้บัญชาการองครักษ์หลวงแล้ว และได้ให้เขาฝึกทหารรักษาพระองค์ 13,000 นายเพื่อคอยคุ้มกันเมืองหลวง แม่ทัพไป๋ยู่เหลียน หนิงซือเหยียนและองครักษ์หลวงจำนวน 3,000 นายจะติดตามข้าออกทะเลในครานี้ด้วย เรื่องนี้ให้จบลงเพียงเท่านี้เถิด พวกท่านมิต้องติฉินนินทาโจวถงถงกันอีกล่ะ”
……
ณ หอเทียนจี
โจวถงถงนั่งเงียบอยู่ภายในห้องใต้หลังคา พลางจ้องมองดวงสุริยาที่กำลังจะตกดิน
เขานั่งมองอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว สีหน้าสงบนิ่งดั่งธารน้ำแข็งมิมีผิดเพี้ยน
จวบจนสุริยาลาลับขอบนภา เขาถึงได้แสดงสีหน้าเศร้าโศกออกมา
ชายชุดดำที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา จ้องมองแผ่นหลังของโจวถงถงที่มิขยับเขยื้อนเป็นเวลานาน จนกระทั่งโจวถงถงเอ่ยว่า “ไปแจ้งให้ตระกูลเฉินทราบว่าฝ่าบาทจะออกทะเลในเดือนสองของปีหน้า”
“ใต้เท้า…”
โจวถงถงสูดหายใจเข้าลึก หรี่ตาลงจากนั้นก็เอ่ยว่า “แจ้งให้หยูเวิ่นเต้าและเยียนหานยวี่ทราบด้วยว่า ทั้งผืนปฐพีจะบังเกิดความตกตะลึง…เพราะเสียงฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิ ! ”
……
……
ณ ตำหนักหยางซินแห่งราชวงศ์อู๋
อู๋หลิงเอ๋อร์จ้องมองฟู่เสี่ยวกวนแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “วันนี้ข้าไปที่คฤหาสน์จิ้งหู พบว่าถึงเวลาที่เทียนซื่อจะฝึกฝนวรยุทธแล้ว แต่ข้ากลับมิพบตัวโหยวเป่ยโต้ว เพียงได้ข่าวจากทหารยามว่าเขาออกเดินทางจากที่นั่นได้เกือบ 2 เดือนแล้ว… ท่านมอบหมายงานให้เขาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนเอื้อมมือไปอุ้มอู๋เทียนซื่อ ยกยิ้มขึ้นแล้วเอ่ยว่า “มีเรื่องหนึ่งต้องไหว้วานให้เขาไปจัดการ แต่มิใช่เรื่องใหญ่อันใดหรอกก็แค่เรื่องที่อาจจะใช้เวลานานกว่าปกติก็เท่านั้น… เทียนซื่อยังเยาว์มากนัก จะให้ฝึกวรยุทธแล้วหรือ ? เหตุใดมิให้เขาเล่นซนอย่างสบายใจก่อนเล่า ? ”
อู๋หลิงเอ๋อร์ถลึงตาใส่ฟู่เสี่ยวกวน “ท่านเป็นบิดาแบบใดกัน ? เทียนซื่ออายุ 4 ปีแล้ว ควรเริ่มศึกษาเล่าเรียนได้แล้ว อีกอย่างราชวงศ์อู๋ควรสร้างรากฐานไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ พระสวามีเอ๋ย เรื่องการศึกษาควรเชิญผู้ใดมาเป็นราชครูของเทียนซื่อดีเล่า ? ”
“หรือจะให้เหวินสิงโจวดูแลเรื่องนี้ดี ? ”
ดวงตาของอู๋หลิงเอ๋อร์เป็นประกายขึ้นมาทันใด “ข้าคิดว่าท่านจะเชิญผู้อาวุโสเหวินมาเป็นท่านราชครูขององค์รัชทายาทเสียอีก เยี่ยงนั้นเชิญเหวินชังไห่บุตรชายของผู้อาวุโสเหวินมาเป็นราชครูของเทียนซื่อดีหรือไม่ ? ”
หยูเวิ่นหวินมีฐานะเป็นจักรพรรดินีตามธรรมเนียม ดังนั้นฟู่อี้อันโอรสของหยูเวิ่นหวินควรดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาท
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)