ตอนที่ 92 นโยบาย
ค่ำคืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่น่าจดจำ
ฟู่เสี่ยวกวนได้ตัดสินใจเปลี่ยนความคิดของตนเองเสียใหม่ เขาไม่คิดจะไปพึ่งพิงใครอีกต่อไป หากตัวเขานั้นแข็งแกร่งพอ ก็จะสามารถบินได้สูงอย่างอิสระตามต้องการ
ต่งชูหลานไม่เข้าใจว่าเหตุใดฟู่เสี่ยวกวนจึงมีความคิดที่เปลี่ยนไปมากเช่นนี้ แต่ในใจนางก็ชื่นชมเขายิ่งนัก มองดูแล้วคาดว่าคงเกิดจากที่ท่านแม่ของนางปฏิบัติต่อเขาอย่างเยือกเย็นจากเดิมเขาก็มีความสามารถมิใช่น้อยเพียงแต่เขามิยินดีจะไปแข่งขันคัดเลือก แต่ในวันนี้เขาคงคิดได้แล้ว สิ่งนี้จึงเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง
“เนื่องจากการทุจริตอาหารบรรเทาสาธารณภัย ฝ่าบาทจึงมีรับสั่งพิเศษออกมา หยูเวิ่นหวินบอกกับข้าเมื่อตอนที่นางมาเยี่ยม นางบอกว่าทรงมีประกาศติดไว้ที่กำแพงหอหลานถิง หากมีนโยบายในการจัดการให้เขียนแล้วนำไปติดที่ป้ายนั้น ในแต่ละวันจะมีคนจากในวังไปเก็บมาถวายแด่ฝ่าบาท หากมีนโยบายที่ถูกพระทัยฝ่าบาท ก็จะได้รับเชิญให้เข้าวัง ส่วนจะทรงมอบตำแหน่งให้หรือไม่นั้นข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่หากมีโอกาสเข้าเฝ้าฝ่าบาทก็น่าจะมีความเป็นไปได้อยู่ ประกาศนี้ปิดรับนโยบายวันที่ยี่สิบแปดเดือนเก้าที่จะถึง หากเจ้ามีความคิดดี ๆ ก็สามารถลองเขียนไปแปะดูได้ อาจจะได้รับเลือกก็เป็นได้”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าเห็นด้วย เขาครุ่นคิดชั่วครู่และรู้สึกว่าพอจะมีวิธีอยู่
“แต่ข้าเขียนหนังสือมิน่าชมเท่าไรนัก”
“มิเป็นปัญหา นี่มิใช่การแข่งขันคัดลายมือ สิ่งที่ฝ่าบาททรงต้องการคือวิธีการจัดการกับปัญหานี้”
ทั้งสองคนลุกขึ้นและเดินหน้าไป ต่งชูหลานชี้ไปยังเรือลำใหญ่ที่แล่นอยู่บนแม่น้ำแล้วเอ่ยว่า “นั่นคือหงซิ่วจาว สุราเทียนเซียงนั้นมีเพียงเรือหงซิ่วจาวเท่านั้นที่มีขาย ดังนั้นในแต่ละวันจึงมีรายได้มากมายนัก บทกลอนต่าง ๆ ของเจ้าล้วนถูกหงซิ่วจาวขับร้องออกมา”
ฟู่เสี่ยวกวนมองไปยังเรือนั้นแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจเท่าใดนัก แต่กลับเอ่ยถามขึ้นว่า “วัดฟูจื่ออยู่ที่ใดกัน ? ”
“อยู่ด้านหน้านี้เอง ที่แห่งนั้นแทบจะปิดตัวลง เหตุใดเจ้าจึงเอ่ยถามถึงที่นั่น ?”
“ท่านพ่อเอ่ยว่ามีต้นพุทราต้นหนึ่งอยู่ที่นั่น คาดว่าบัดนี้คงใกล้สุกเต็มที ท่านพ่อบอกว่าพุทรานี้ทั้งลูกโตและมีรสหวาน”
ต่งชูหลานมีท่าทีประหลาดใจ นางเองก็ไม่เคยไปยังที่แห่งนั้น จึงไม่รู้ว่ามีต้นพุทราอยู่
“วันหลังพวกเราไปเก็บมากินกันสักหน่อยเป็นไร ? ”
“อืม ตกลง”
เวลาดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งดึกดื่น ควรส่งต่งชูหลานกลับไปยังจวนแล้ว หากถูกแม่ยายในอนาคตจับได้คาดว่าคงตายแน่ ๆ
ทั้งสองคนนั่งรถม้าเพื่อเดินทางกลับ พวกเขาร่ำลากันอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจากกันต่งชูหลานเอ่ยถามขึ้นว่า “คืนพรุ่งนี้เจ้าจะมาเวลาใด ? ”
“เวลาใดจึงจะปลอดภัยที่สุด ?”
ต่งชูหลานครุ่นคิดและเอ่ยกลับไปว่า “ถ้าเช่นนั้น……ช่วงค่ำ ๆ ”
“ตกลง ! ”
ซูม่อแอบฟังอยู่เงียบ ๆ ภายในใจเขาคิดว่าเรื่องนี้เมื่อไหร่จะมีจุดจบที่ดีเสียที ?
เมื่อกลับมายังโรงเตี๊ยม ฟู่เสี่ยวกวนเองก็ไม่สามารถหลับตาลงได้
“ซิ่วเอ๋อร์ ฝนหมึก !”
“หืม ? คุณชายเจ้าคะ มิได้เอามาด้วย”
ฟู่เสี่ยวกวนนึกในใจ อืมนั่นสิ เช่นนั้นคงต้องไปซื้อในวันรุ่งขึ้นแล้ว
……
……
วันต่อมา ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เดินทางไปยังจวนต่งอีก
ชุนซิ่วซื้อหมึก กระดาษ ที่ฝนหมึกและพู่กันกลับมา หลังจากฝนหมึกเรียบร้อยแล้วฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบไปชั่วครู่แล้วจึงหยิบพู่กันขึ้นมาขีดเขียน ซูม่อและชุนซิ่วคิดว่าเขาจะเขียนบทกวี แต่เขากลับร่างนโยบายบรรเทาสาธารณภัย
“นโยบายบรรเทาสาธารณภัย”
“นับตั้งแต่ราชวงศ์หยูก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลากว่าสองร้อยปี ภายใต้การปกครองขององค์ฮ่องเต้ผู้ชาญฉลาด ทำให้ประเทศเกิดการพัฒนาและเข้มแข็ง และมาตรฐานการดำรงชีวิตของประชากรก็เฟื่องฟูเช่นกัน จวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ประชากรอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข มีสำนักศึกษา มีสถานพยาบาล ผู้ชรามีคนดูแล และไม่มีผู้คนไร้ที่อยู่อาศัย สิ่งเหล่านี้ทำให้ประชากรของประเทศอยู่อย่างสงบสุขเสมอมา และนับว่าเป็นโชคดีของประชากรยิ่งนัก !”
“แม้ว่าโลกจะสวยงามเพียงใดแต่ก็มีวัชพืชขึ้นแทรกเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์น้ำท่วมจากแม่น้ำหวงเหอในเดือนเจ็ดของรัชสมัยเซวียนลี่ที่แปดเป็นตัวอย่าง องค์ฮ่องเต้ทรงห่วงใยประชาชนและทรงจัดสรรเงินพร้อมทั้งอาหารจำนวนนับไม่ถ้วน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย นี่คือพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของฝ่าบาท แสงสว่างจากฝ่าบาทควรจะถูกส่องไปยังประชากรโดยทั่วถึง แต่กลับถูกบดบังไว้โดยแมลงโลภกลุ่มหนึ่ง ส่งผลให้ผู้ประสบภัยไร้ซึ่งอาหารประทังชีวิต ผู้ประสบภัยนับแสนคนถูกบีบบังคับให้เดินทางออกจากบ้านเกิด ทำให้เกิดเรื่องราวน่าสลดใจยิ่ง แต่สิ่งนี้มิใช่สิ่งที่ฝ่าบาทต้องการเห็น ที่เป็นเช่นนี้เพราะแกะดำเหล่านั้นเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง จึงทำให้พระบารมีของฝ่าบาทถูกบดบังลงไปด้วย ต่อให้ลงโทษประหารนับพันครั้งก็ยังไม่อาจชดใช้ได้ ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)