ตอน ตอนที่ 93 หลานถิงจี๋ จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 93 หลานถิงจี๋ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 93 หลานถิงจี๋
คำตอบที่ตรงไปตรงมาของฟู่เสี่ยวกวนทำให้ต่งซิวเต๋อเสียใจขึ้นมาทันพลัน
คุณชายเศรษฐีที่ดินแห่งหลินเจียงร่ำรวยมหาศาลนัก ! หากรู้เร็วกว่านี้จะรีดไถให้มากกว่านี้
คุณชายรองผู้น่าสงสารของจวนเสนาบดี มิใฝ่ศึกษา เอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อยเปื่อย ในแต่ละวันหากมิเดินเล่นไปทั่วก็จะดื่มสุรา แต่การเงินของจวนเสนาบดีมิได้มั่งคั่ง ก็เหมือนกับที่ซูม่อและฟู่เสี่ยวกวนได้กล่าวไป รากฐานของจวนต่งในเมืองหลวงนั้นค่อนข้างจืดจาง เมื่อใคร่ครวญแล้วเสนาบดีต่งก็ยังคงเป็นรุ่นแรก เทียบกับตระกูลชั้นสูงมากมายในเมืองหลวงมิได้โดยสิ้นเชิง แต่คุณชายรองต่งผู้นี้กลับมีปัญหาอยู่หนึ่งอย่าง สุราหากมิใช่เทียนเซียงก็มิดื่ม หอนางโลมหากมิใช่หงซิ่วจาวก็มิไป ทานข้าวหากมิใช่หอซื่อฟางก็มิอร่อย…
โดยสรุปแล้ว คนผู้นี้เป็นโรคคนรวย แต่ชีวิตมิได้ร่ำรวย !
ฮูหยินต่งเป็นผู้จัดการครอบครัว เคร่งครัดต่อเรื่องการเงินของครอบครัวยิ่ง แต่ละเดือนจะมอบเงินให้เขา 30 ตำลึง นั่นก็ถือว่าสูงยิ่งแล้ว แต่คุณชายรองต่งก็ใช้หมดไปในเวลาไม่กี่วัน
ชายผู้นี้หากในกระเป๋ามิมีเงินติดกายสักตำลึงก็จะไร้เรี่ยวแรง ดังนั้นวันที่เหลืออยู่ก็ทำเพียงอยู่เรือนเล่นกับนก หากมีมิตรสหายมาเชื้อเชิญ ก็ยกข้ออ้างเรื่องชิวเหวยมากล่าว ว่าต้องการศึกษาตำราอย่างจริงจัง
เขารู้ว่าในครอบครัวคนที่มีเงินมากที่สุดก็คือน้องสาวของเขา แต่น้องสาวผู้นั้นตระหนี่นัก หากไปขอร้องเป็นเวลานาน ก็จะให้เขามาหนึ่งหรือสองตำลึงเท่านั้น แต่ก็สามารถไปที่หอซื่อฟางและเชิญสหายสามถึงห้าคนมาทานก๋วยเตี๋ยวร่วมกันได้
พรุ่งนี้จะเป็นวันแรกของชิวเหวย แต่คนผู้นี้กลับมิได้ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย ยามเช้าได้ชูหลานกล่าวว่ามีธุระจะไหว้วาน เขาจึงไปที่ห้องรับรองของชูหลาน ชูหลานได้มอบภาพเหมือนของฟู่เสี่ยวกวนมา กล่าวว่าเจ้าต้องพาเขาไปเที่ยวเล่น เมืองหลวงมีสถานที่น่าสนใจมากมาย เขามาเมืองหลวงเป็นคราแรกยังมิรู้ที่ทาง
คุณชายรองต่งได้ยินเยี่ยงนั้น ก็หันศีรษะและพร้อมที่จะออกเดินกลับ ข้ามีเวลาว่างถึงเพียงนั้นที่ไหนกัน ชิวเหวยเล่า
แต่เมื่อต่งชูหลานกล่าวประโยคต่อมา เขาก็กระเหี้ยนกระหือรือขึ้นมาทันที ช่างหัวชิวเหวยมันไปเถอะ
ต่งชูหลานกล่าวว่าเจ้าไปบอกเขาว่าทุกวัน 10 ตำลึง เขาจะให้เจ้าอย่างแน่นอน
10 ตำลึงหรือ เยี่ยงนั้นก็สามารถไปหงซิ่งจาวได้ตั้งหนึ่งคืน !
ต่งซิวเต๋อเคยได้ยินชื่อฟู่เสี่ยวกวนมาก่อน แท้จริงแล้วคนผู้นี้คือผู้ประพันธ์ความฝันในหอแดงที่ขายได้ราคาสูงในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นี้ยังได้มีชื่อขึ้นบนหินเชียนเปยสืออีกด้วย
สำหรับเรื่องระหว่างฟู่เสี่ยวกวนและน้องสาว… เขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก เยี่ยนซีเหวินผู้นั้นเพียงพบหน้าก็ติเตียนเขาทันที กล่าวว่าเขานั้นงานการไม่สนใจ ไม่ใฝ่ศึกษา คบหาเพื่อนฝูงที่เสเพลและไร้ประโยชน์ต่าง ๆ นานา ทำตัวเหมือนกับบิดาของเขา !
เจ้ากล่าวมาสิว่านี่น่ารำคาญหรือไม่ ?
เจ้าลองดูฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้สิ หรูหรามั่งคั่ง ใฝ่ศึกษามีความรู้ ที่สำคัญฟู่เสี่ยวกวนมิได้กล่าวอะไรไร้สาระให้มากความ แต่เขารู้สึกว่าทั้งสองนั้นกลับใจตรงกันในบางสถานที่
อย่างเช่น…
“ในเมืองหลวงมีร้านอาหารใดที่อร่อยบ้าง ? ”
“เจ้าถามได้ถูกคนแล้ว ที่ริมทะเลสาบเว่ยยาง มีร้านอาหารซื่อฟางอยู่แห่งหนึ่ง ข้าจะบอกให้เจ้าฟัง พ่อครัวในหอซื่อฟางมิใช่ธรรมดา มี 3 คนที่เคยเป็นพ่อครัวหลวง พ่อครัวหลวง เจ้ารู้จักใช่หรือไม่ หอซื่อฟางมีอาหารที่ขึ้นชื่อ 8 อย่าง ล้วนแต่เป็นอาหารอันโอชะ… เจ้าหิวแล้วหรือไม่”
ฟู่เสี่ยวกวนชะงัก นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อครู่เพิ่งจะทานข้าวเช้า หิวกับผีสิ
“พี่รอง ประเดี๋ยวเราค่อยไปหอซื่อฟาง อย่างไรก็ไปหอหลานถิงกันก่อนเถิด ท่านอธิบายหอหลานถิงให้ข้าฟังได้หรือไม่ ? ”
ความจริงแล้วต่งซิวเต๋อก็มิได้หิว เพียงแค่มิได้ไปหอซื่อฟางมานานแล้ว ในใจนั้นยังคงคำนึงถึง ในยามนี้เนื่องด้วยได้ให้ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้ตัดสินใจ เยี่ยงนั้นก็จะมิพูดถึงเรื่องของหอซื่อฟางอีก
“หอหลานถิงอยู่ที่หลานถิงจี๋ หลานถิงจี๋นี้อยู่ใจกลางทะเลสาบเว่ยยาง สถานที่นี้มีประวัติมายาวนานแล้ว หากต้องย้อนกลับไป… เกรงว่าจะมีประวัติยาวนานมา 800 ปีแล้ว หลานถิงจี๋แห่งนี้เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่านักวรรณกรรม มักมีงานชุมนุมบทกวีอยู่เสมอ หากมีบทกวีที่ยอดเยี่ยมพอก็จะได้ไปสลักบนหินเชียนเปยสือ เหมือนกับทำนองเพลงสายน้ำบทนั้นของเจ้า นี่คือความหมายของชื่อเสียงที่จะคงอยู่ตลอดไป”
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างงี่เง่า การสลักนามและบทกวีในบนศิลา เขารับรู้ถึงความรู้สึกของความเป็นอมตะ
ทั้งสี่คนนั่งอยู่บนรถม้า ฟู่เสี่ยวกวนและต่งซิวเต๋อพูดคุยกันมาตลอดทาง และมาถึงทะเลสาบเว่ยยางโดยมิทันได้รู้สึกตัว
“ตกลง ! ”
ขบวนของฟู่เสี่ยวกวนทั้งสามคนขึ้นเรืออูเผิง หัวเรือตวัดเหวี่ยงไม้พายไปมา และมุ่งตรงไปยังหลานถิงจี๋ที่อยู่กลางทะเลสาบ
ต่งซิวเต๋อจึงได้เวลาหยิบตั๋วเงินออกมาดู โอ้สวรรค์…น้องเขย 500 ตำลึงถ้วน !
เงินค่าน้ำชาที่มอบให้อย่างใจกว้าง สามีของน้องสาวผู้นี้ได้รับการยอมรับแล้ว เหมือนว่ามารดามิเห็นด้วยกับเรื่องของทั้งสองคน บิดาก็เหมือนจะมิแสดงท่าทีอันใด เรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยาก คงต้องคิดหาหนทางให้พวกเขา อย่าให้เยี่ยนซีเหวินมาตัดขาด เยี่ยงนั้นแล้วในภายหลังเขาก็ยังมีเงินค่าน้ำชาอยู่ หากน้องเขยของเขาเป็นฟู่เสี่ยวกวน !
……
…..
พรรคพวกของฟู่เสี่ยวกวนได้ก้าวไปยังหลานถิงจี๋ ถึงได้สัมผัสถึงบรรยากาศของที่นี่อย่างแท้จริง
ทางเดินต่างเป็นทางโค้งที่คดเคี้ยว ต่างมีศาลาขนาดเล็กอยู่ทุกที่ รอบด้านต่างเต็มไปด้วยภูเขาประดับและสระบัว ทุกหย่อมหญ้าเต็มไปด้วยดอกไม้และพันธุ์พืชที่แปลกประหลาด
เดินผ่านไปมาระหว่างศาลาและสระบัว ราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์
จนกระทั่งเดินหลุดมาจากทางเดิน ก็ได้พบกับลานกว้างขนาดใหญ่ที่ใจกลางนั้นมีอาคารสามชั้นหนึ่งหลังตั้งตระหง่าน รูปทรงโบราณเรียบง่ายแต่สง่างาม ถึงแม้จะไม่ตระการตาแต่กลับมีเสน่ห์เสียมากล้น ที่นั่นคือการตกตะกอนของประวัติศาสตร์
ที่ชั้นสามของหอหลานถิงมีโล่ขนาดใหญ่ที่สลักมังกรบินหงส์ร่ายรำสามชิ้นประดับไว้ คอยเฝ้ามองนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาในที่นี้ มองมาโดยตลอด 800 ปี
ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองหอหลานถิงอยู่เนิ่นนาน นึกถึงที่ชูหลานเล่าว่าแผนการบรรเทาทุกข์ถูกแปะไว้บนกำแพงของหอหลานถิงแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงก้าวเดินไปยังเบื้องหน้าต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)