ตอนที่ 938 เหตุผล
รัชสมัยเทียนเต๋อ วันที่สิบแปด เดือนสอง
ณ ที่ราบชังซี
สายฝนฤดูใบไม้ผลิกระหน่ำเทลงจากท้องนภามิมีที่สิ้นสุด
หยูเวิ่นเต้าและหยูชุนชิวนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในห้องตำราของจวนแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพชายแดนใต้แห่งราชวงศ์หยู ทว่ามิได้สนทนาเรื่องสลักสำคัญอันใดกันเลย
ในใจของหยูชุนชิวรู้สึกเป็นกังวลมากยิ่งนัก “ฝ่าบาท หลายวันที่ผ่านมานี้กระหม่อมคิดว่าหากฟู่เสี่ยวกวนออกทะเลไปแล้ว ก็จะมีเพียงทหารดาบเทวะกองทัพที่สี่ของราชวงศ์อู๋ซึ่งกำลังฝึกซ้อมอยู่ในที่ราบฮวาจ้ง ทว่าตามอุปนิสัยของฟู่เสี่ยวกวนแล้ว…เขาจงใจวางกับดักไว้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”
เมื่อหยูเวิ่นเต้าได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะร่าออกมาทันที “เสด็จอา ฟู่เสี่ยวกวนมิใช่เทพเซียน เขาต้องพึ่งพาข่าวสารจากหอเทียนจีเพื่อควบคุมใต้หล้า ข้าจะเอ่ยกับท่านตอนนี้เลยว่าโจวถงถง…ทรยศต่อเขาแล้ว”
หยูชุนชิวตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน “ข่าวนี้คือเรื่องจริงเยี่ยงนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“จริงแท้แน่นอน ด้วยกำลังทหารของราชวงศ์อู๋ ถ้าเขารู้แผนการชุนเหลยตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็คงส่งทัพทหารบุกเข้าโจมตีแล้ว พวกเราจะมีเวลาเตรียมการเยี่ยงนั้นหรือ”
“เสด็จอา เรื่องนี้มิสำคัญหรอกเพราะทุกอย่างถูกกำหนดเอาไว้แล้ว…” ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วชี้ไปยังประโยคที่แขวนไว้ในห้องตำราแห่งนี้ “นั่นคือตัวอักษรที่ฮูหยินเผิงเขียนด้วยตนเอง ช่างสง่างามและมีพลังน่าเกรงขามเฉกเช่นดาบของนาง”
“ถึงเยี่ยงนั้นก็เถิด ดูเหมือนว่ากวีบทนี้ จะมิใช่ฮูหยินเผิงประพันธ์ขึ้นมาใช่หรือไม่ ? ”
หยูชุนชิวเงียบไปชั่วครู่ “ทูลฝ่าบาท บทกวีนี้ถูกประพันธ์ขึ้นเมื่อฟู่เสี่ยวกวนเดินทางไปยังราชวงศ์อู๋เพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมครานั้นพ่ะย่ะค่ะ”
หยูเวิ่นเต้าพยักหน้า “ข้าก็คิดว่าน่าจะมาจากฝีมือของเขาเพราะเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบทกวีในใต้หล้านี้ นอกจากเขาแล้ว ข้ายังคิดมิออกว่ายังมีผู้ใดสามารถประพันธ์บทกวีเช่นนี้ออกมาได้อีก”
“แปดร้อยลี้วางธงทัพปักเนื้อย่าง
บรรเลงดนตรีสะท้อนบทเพลงไปไกลยังชายแดน
เหล่าทหารบนสนามรบฤดูใบไม้ผลิ !
ม้าศึกทะยานไปว่องไว คันธนูราวกับสายฟ้าฟาด
เพื่อสำเร็จการแย่งชิงที่ราบของราชันย์
ชนะยามเป็นสร้างชื่อเสียงยามตาย
แต่น่าเสียดายเพราะชราวัย ! ”
“ประพันธ์ได้ดียิ่ง ! บทกวีนี้ควรถูกสลักไว้แถวแรกของหินเชียนเปยสือเพื่อให้ใต้หล้าได้ร่วมชื่นชม ! ”
หยูชุนชิวมิเข้าใจว่าองค์จักรพรรดิเดินทางมาที่นี่ด้วยระยะทางนับพันลี้เพื่อสงครามที่จะเกิดขึ้นมิใช่หรือ ? แทนที่จะตรัสถึงเรื่องกลยุทธ์ทางทหาร ทว่าพระองค์กลับมาเพื่อชื่นชมฟู่เสี่ยวกวนเสียอย่างนั้น… นี่ทรงมั่นพระทัยแล้วหรือว่าสถานการณ์โดยรวมได้คลี่คลายแล้ว ?
หยูเวิ่นเต้าถอนสายตาจากสิ่งที่มองอยู่ “เสด็จอา ท่านเอ่ยว่าตอนนั้นน้องเขยของข้าคิดเช่นนี้ใช่หรือไม่ ? ทว่าทุกงานที่ฮ่องเต้ได้ปฏิบัติทั้งก่อนและหลังขึ้นครองบัลลังก์ล้วนแตกต่างกัน ดังนั้นบัดนี้เขายังคิดเช่นนี้อยู่จริงหรือ ? ”
หยูชุนชิวสูดหายใจเข้าลึก “ทูลฝ่าบาท ในตอนนั้นฟู่เสี่ยวกวนเพิ่งมาเยือนเมืองจินหลิงใหม่ ๆ ทั้งยังมีประสบการณ์ชีวิตน้อยมากยิ่งนัก กระหม่อมคิดว่าเขาอาจจะคิดเช่นนี้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”
หยูเวิ่นเต้าพยักหน้าเล็กน้อย “ข้ารู้สึกว่ามันควรจะเป็นเช่นนี้ เพราะตอนอยู่ที่จินหลิง ข้ามักจะไปดื่มสุราและสนทนากับเขาอยู่บ่อยครั้ง”
“ในตอนนั้นข้ามิคาดคิดว่าตนเองจะได้เป็นฮ่องเต้ ข้ากับฟู่เสี่ยวกวนมีบางอย่างที่เหมือนกันอยู่”
“เขานั้น…อยากเป็นนายน้อยเศรษฐีที่ดินในหลินเจียง ส่วนข้าอยากทำให้หอชิงเฟิงซี่หยู่มีชื่อเสียงไปทั่วหล้า”
“ท่านว่าหากข้าและเขาล้วนมิใช่จักรพรรดิ หากเขาเป็นเพียงเศรษฐีที่ดิน ส่วนข้าเป็นเพียงหัวหน้าหอชิงเฟิงซี่หยู่ พวกเรายังจะสามารถนั่งดื่มสุราพลางสนทนาเรื่องชุนฮวาชิวเยว่1 ได้อยู่หรือไม่ ? ”
หยูชุนชิวขมวดคิ้วมุ่น ฝ่าบาทพระองค์นี้ช่างมีอารมณ์อ่อนไหวยิ่งนัก !
ทว่าหยูเวิ่นเต้ามิใช่คนเยี่ยงนี้ !
หรือว่าเขากำลังระลึกถึงเรื่องราวในอดีตอยู่กัน ?
“ฝ่าบาท โดยมากแล้วผู้ที่ยืนอยู่บนยอดเขาและคุ้นชินกับการชมทิวทัศน์เบื้องบน จะมิอยากมองลงมายังหญ้าบนไหล่เขาที่ต่ำกว่าอีกเลย… ระหว่างพวกท่านทั้งสองเกรงว่าจะย้อนคืนอดีตมิได้อีกต่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“คงเป็นเช่นนั้น…” หยูเวิ่นเต้าลุกขึ้นยืน สองมือไพล่หลังแล้วเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าตัวอักษรนี้ เขามองประโยคนี้อยู่เนิ่นนาน ก่อนจะเอ่ยออกมาเพื่อยืนยันอีกคราว่า “พวกเรามิอาจกลับไปเป็นเหมือนในอดีตได้อีก ! ”
สิบอึดใจต่อมาเขาก็เอ่ยต่ออีกว่า “แปดร้อยลี้วางธงทัพปักเนื้อย่าง บรรเลงดนตรีสะท้อนบทเพลงไปไกลยังชายแดน เหล่าทหารบนสนามรบฤดูใบไม้ผลิ ! ในอดีตเจ้านั่นก็มีจิตวิญญาณเช่นนี้ ข้าประเมินเขาต่ำจนเกินไป ดังนั้นการสู้รบครานี้ ข้าจะชี้ผลแพ้ชนะกับเขา ! ”
“จงรับราชโองการ ! ”
หยูชุนชิวลุกขึ้นยืนแล้วทำความเคารพไปหนึ่งที “กระหม่อมหยูชุนชิวน้อมรับราชโองการพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)