อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 43

ซูเมิ่งเยียนไม่ได้ทำลายร่างกายของตนเองอีก

ยาก็ดื่มตรงเวลาอยู่ทุกวัน ยาที่ใช้รักษาบาดแผลภายนอกก็ใช้อยู่ตลอดเวลา และรอยบวมแดงตรงมุมของหน้าผากก็หายไปไม่น้อยแล้ว อีกทั้งแผลจากดาบก็ดีขึ้นมาแล้วเช่นกัน เหลือเพียงก็แต่ใบหน้าของนางที่ยังคงซีดเซียวกว่าปกติอยู่บ้าง

วันที่กลับไปเยี่ยมบ้าน แต่งหน้าทาแป้งให้หนาขึ้นสักหน่อยก็สามารถฟื้นคืนให้ดูปกติได้แล้ว

และนางก็เร่งให้ชิวซวงไปซื้อชุดเครื่องชงน้ำชามาอีกครั้ง ท่านพ่อนั้นไม่ได้ชอบอะไรเลย แต่ในยามว่างวันปกติกลับชอบที่จะชงชาดื่ม และหลับตาพักสมองจากเรื่องที่หมกมุ่น

อาจจะเป็นเพราะไม่กี่วันมานี้โล่งใจมากขึ้นแล้ว ซูเมิ่งเยียนก็ไม่ได้อุดอู้อยู่ภายในห้อง อีกทั้งในช่วงเวลายามเช้าและก่อนพระอาทิตย์ตกดินของทุกวัน นางก็จะออกมาเดินอยู่รอบ ๆ จวนอ๋องอีกด้วย

ศาลา ธารน้ำ ต้นไม้ทุกคนและกอหญ้าทุกแห่ง รวมไปถึงอิฐทุกก้อนกระเบื้องทุกแผ่นนางต่างก็คุ้นเคยทั้งหมดแล้ว มีเพียงแต่ที่หลิงหย้วน ที่นางไม่ได้ไปอีกแล้ว

นางก็ยังเคยได้เจอกับมู่เสี่ยว และข้างกายของเขา ก็มักจะมีสตรีที่มีนามว่าฮั้วเหมยผู้นั้นตามติดไปด้วยอยู่เสมอ

เมื่อมองเห็นจากที่ไกล ๆ ซูเมิ่งเยียนก็อาจเลี่ยงไปได้ แต่ทว่าในบางเวลาที่หลบเลี่ยงไม่ได้นั้น ก็ทำแค่เพียงผงกหัวเล็กน้อยถือเป็นการทักทายเท่านั้น

เป็นเช่นนี้ก็ยิ่งดีเลย

ซูเมิ่งเยียนคิดว่า ก็ถือเป็นการเคารพซึ่งกัน

มันดีกว่าการกลายเป็นหญิงปากร้ายเหมือนอย่างในชาติที่แล้ว และยังต้องคอยขับไล่เหล่าสตรีทั้งหมดที่อยู่รายล้อมรอบตัวของเขา จนในที่สุดแล้วตนเองเจ็บปวดหัวใจ แต่เขากลับยังอยู่ดีโดยไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย

เพียงไม่นาน วันที่ต้องกลับเยี่ยมบ้านก็มาถึงแล้ว

เนื่องจากอาการบาดเจ็บจึงเป็นเหตุผลให้นางพึ่งจะได้กลับเยี่ยมบ้าน

ในขณะนี้ นางกำลังนั่งอยู่ในรถม้า และพิงผนังเก้าอี้เสลี่ยงอยู่ ซวนหยวนที่อยู่ข้างนอกก็กำลังถือบังเหียนเอาไว้ และรอมู่เสี่ยวอยู่

หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา ซูเมิ่งเยียนลืมตาขึ้น และม่านของรถม้าก็ถูกคนเปิดออก ชายสวมชุดสีคลุมสีขาวเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ และเมื่อมองผ่านช่องว่างของม่านรถม้า นางก็เห็นว่าฮั้วเหมยยืนส่งเขาอยู่ตรงหน้าประตูของจวนอ๋อง

"ข้าคิดว่าท่านอ๋องจะพาสาวงามผู้นั้นกลับบ้านข้าไปด้วยเสียอีก"ซูเมิ่งเยียนกล่าวอย่างเย้ยหยัน

เพียงแค่ออกมาแค่วันเดียวเท่านั้น เหตุใดจะต้องอาลัยอาวรณ์ถึงเพียงนี้ด้วย?

มู่เสี่ยวขมวดคิ้วมุ่น เขาเงยหน้าพลางเหลือบมองไปที่นางแล้วตอบกลับไปว่า "หวางเฟยสนใจด้วยหรือ?"ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบและแผ่วเบา

หลายวันนี้ ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้เจอกันเลย เพียงแต่ทุกครั้งที่เจอหน้านางต่างมักจะแสดงท่าทางแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นซึ่งมันช่างกวนใจเขาเสียจริง ๆ และถึงแม้ว่าเขาจะแสร้งทำเป็นเอ้อระเหย แต่ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนาง คนที่รู้นิสัยที่แท้จริงของกันและกัน แล้วอารมณ์ที่สูงส่งของเขาก็ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่

"แม้คนจะงดงามมาก แต่ก็เกรงว่าสุดท้ายแล้วมันจะกลับมาแว้งกัดท่านอ๋องเสียมากกว่า"ซูเมิ่งเยียนยืดตัวตรง และกล่าวขึ้นมาอย่างทีเล่นทีจริง

"ที่หวางเฟยกล่าวคำพูดเช่นนี้ จะให้ข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังหึงหวงอยู่อย่างนั้นสิ"มู่เสี่ยวส่งเสียงฮึดฮัดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ความหดหู่อย่างอธิบายไม่ได้เมื่อหลายวันนี้ก็คลายได้เนื่องจากการทะเลาะกันเพียงไม่กี่ประโยคนี้

สีหน้าของซูเมิ่งเยียนแข็งทื่อไป และสีหน้านางก็เปลี่ยนไปอีก "..." นางปิดปากลง แล้วไม่กล่าวอะไรอีก

ความอิจฉาและหึงหวง อารมณ์แบบเด็กผู้หญิง และการแสดงกลระหว่างชายหญิงเช่นนั้น นางได้พยายามอย่างหนักที่จะหลีกเลี่ยงมันแล้ว

เมื่อได้มีชีวิตใหม่อีก ความทรมานเหล่านั้นนางเพียงพอไปตั้งนานแล้ว

เมื่อสังเกตเห็นถึงความระมัดระวังและความเหินห่างของหญิงสาว การแสดงออกของมู่เสี่ยวก็เคร่งขรึมขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขาไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้ แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาพึ่งจะตระหนักได้เมื่อครู่นี้ ระหว่างทั้งสองคน...หากนางไม่พูดอะไรออกมา เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรจริง ๆ

และในท้ายที่สุด ก็มีเพียงเสียงไอเท่านั้น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงตึงเครียดว่า "ทำสีหน้าให้ดูดีกน่อยเสีย เกรงว่าเมื่อกลับไปถึงตระกูลซู ผู้อื่นอาจจะคิดว่าคนของจวนอ๋องหยวนอันรังแกเจ้าเป็นแน่!"

ซูเมิ่งเยียนเหลือบมองไปทางมู่เสี่ยว "ท่านอ๋องไม่ได้รังแกเช่นนั้นหรือ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน