หากกล่าวถึงข่าวลือเหล่านั้นสำหรับภายในใจของซูอวี๋เหนียนยังคงมีความสงสัยอยู่หลายส่วน แต่หลังจากที่ได้เห็นมู่เสี่ยวและน้องสาวของตนเองในวันนี้แล้ว ความสงสัยของเขาก็จางหายไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าเวลาปกติมู่เสี่ยวจะมีสมญานามว่า "อ๋องแห่งความเกียจคร้าน" แต่ทว่าดวงตาทั้งคู่นั้น กลับทำให้ยากที่ผู้ใดจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่เมื่อครู่นี้ ตอนที่เขาเดินมาข้างหน้าเพื่อยืนเคียงคู่อยู่กับน้องสาวของตน ภายในแววตากลับเผยความสุขออกมา
"ท่านอ๋อง หวางเฟย..." ทางด้านหลัง ไป๋เยว่ก็แสดงความเคารพทั้งสองเช่นกัน
เมื่อในอดีตผู้คนในจวนนี้ต่างก็เรียกตนเองว่า"คุณหนู" แต่ในตอนนี้ เมื่อได้ยินคนเรียกตนเองด้วยชื่อที่ไม่คุ้นเคยอย่าง"หวางเฟย"แล้ว ไม่คาดคิดว่านางจะมีความรู้สึกแปลกๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว และด้วยความตกใจนี้ ทำให้ลืมที่จะประคองไป๋เยว่ขึ้นมา
"อะแฮ่ม!" ซูอวี๋เหนียนกำมือเบา ๆ แล้วป้องไว้ข้างริมฝีปากจากนั้นก็ไอขึ้นมาอย่างชัดเจน
แล้วซูเมิ่งเยียนก็ตอบสนองกลับในทันที และรีบร้อนยื่นมือออกไปพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องพิธีมากเช่นนั้น" นางไม่ได้ลืมว่า ไป๋เยว่ในชีวิตที่แล้วก็เป็นพี่สะใภ้ของนาง
ในตอนนี้ เมื่อได้เห็นท่าทางของพี่ชายแล้ว เกรงว่าน่าจะรู้ใจขึ้นมาบ้างแล้ว
"ขอบพระทัยหวางเฟย"ไป๋เยว่ยิ้มให้นาง
"เอาล่ะ อย่ายืนที่ประตูอยู่เลย เข้าไปในจวนกันก่อนเถอะ"ขณะที่ซูอวี๋เหนียนกล่าว ก็จะใช้มือช่วยประคองหลังของไป๋เยว่ไปด้วย และพวกเขาทั้งสองก็เดินเข้าไปข้างในจวนด้วยกันกับซูเมิ่งเยียน
แต่กลับไม่ทันรอให้เขาได้ยืนมือออกมา ไป๋เยว่ก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง และเดินตามหลังพวกเขาสองสามคนมาด้วยความเคารพ
สีหน้าของซูอวี๋เหนียนบูดบึ้งขึ้นมาในทันที แต่เขากลับไม่สามารถที่จะเกิดโทสะได้
สถานการณ์เช่นนี้ อยู่ภายใต้การมองเห็นของซูเมิ่งเยียน และมันก็ทำให้นางรู้สึกมีความสุขอยู่ในใจ แม้จะกล่าวได้ว่าในอดีตที่ผ่านมาพี่ชายไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบเนื้อแนบเนื้อกับหญิงสาวในจวนมาก่อน แต่ที่จริงแล้วก็มีความเป็นหนุ่มเจ้าสําราญอยู่ไม่น้อย ในตอนนี้ เกรงว่าไป๋เยว่จะเสียใจต่อเขาไปบ้างแล้ว และหลังจากนี้ไป เขาก็คงจะไม่มีความสุขอีกแล้ว
จวนตระกูลซูนั้นยิ่งใหญ่มาก อย่างไรเสียตระกูลซูก็มั่งคั่งที่สุดในแคว้น ภายในจวนนั้นโถงด้านหน้าและสวนด้านหลังแยกกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็จะมีศาลาไว้ให้คนได้พักผ่อน และภายในสวนก็ยิ่งมีความเขียวชอุ่ม แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความหรูหรา ตรงกันข้ามกลับให้ความรู้ว่าเป็นตระกูลของบัณฑิตเสียมากกว่า
ซูเมิ่งเยียนจ้องมองไปยังบริเวณที่ตนเองอยู่มาตั้งแต่เล็กนี้ และในอนาคต ไม่รู้ว่าหลังจากที่หย่ากับมู่เสี่ยว จะยังสามารถกลับมาที่นี่ได้อีกหรือไม่
"คิดอะไรอยู่หรือ?" เสียงของมู่เสี่ยวดังขึ้นมาจากข้างกาย และมันก็เบามากเสียจน แม้แต่เสียงลมท่ามกลางแมกไม้เขียวขจีโดยรอบก็ยังได้ยิน
ซูเมิ่งเยียนกล่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวว่า "หลังจากที่ท่านและข้าหย่ากัน..."
ก่อนที่จะกล่าวคำนี้จบ ก็รู้สึกได้ถึงความเงียบงันที่ผิดปกติโดยรอบ
ซูอวี๋เหนียนก็คงทำหน้าบูดบึ้งอยู่เพียงลำพังนำหน้า และไป๋เยว่ก็ยังคงเดินติดตามมาอยู่ข้างหลังอย่างนอบน้อม
ดูเหมือนว่าเสียงของลมจะหยุดลงแล้ว และยังมี...เสียงของมู่เสี่ยวที่หยุดลงแล้วเช่นกัน
ซูเมิ่งเยียนหันหน้ากลับมา และเห็นว่ามู่เสี่ยวจ้องมองมาที่นางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แววตาของเขาไม่ไหวติง แล้วภายในใจก็เกิดรู้สึกที่ไม่สบายใจเล็กน้อย "ท่าน...ทำอะไรหรือ?"
มู่เสี่ยวยังคงไม่พูดอะไร เขาเงยหน้าเหลือบมองไปที่บริเวณโดยรอบ และเขาก็ยกเท้าขึ้นเดินตรงไปข้างหน้า โดยที่ไม่ได้สนใจนางอย่างสิ้งเชิง
ซูเมิ่งเยียน "..."
เมื่อรอจนไปถึงห้องโถงกลาง เดิมทีแล้วซูเมิ่งเยียนคิดว่าซูเจียงไห่จะต้องรอตนเองอยู่ที่นี่ แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะว่างเปล่าเช่นนี้ "พี่ใหญ่ ท่านพ่อล่ะ?" นางถามอย่างสงสัย
วันนี้เป็นครั้งแรกที่นางกลับมาที่จวนหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ หรือว่าท่านพ่อจะไม่อยู่บ้าน?
"ใครใช้ให้เจ้าไม่เคยส่งข่าวคราวกลับมาเลยเป็นเดือน ๆ กันล่ะ ท่านพ่อโกรธเจ้าไปแล้ว!" ซูอวี๋เหนียนเหลือบมองไปที่นางด้วยความไม่สบอารมณ์
ซูเมิ่งเยียนตกใจ แล้วใช้มือจับไปที่ไหล่อย่างไม่รู้ตัว หากไม่ใช่เพราะว่าไหล่ได้รับบาดเจ็บ เดิมทีนางก็ควรจะได้กลับมาเยี่ยมบ้านหลังแต่งานสามวันแล้ว
ที่อีกข้างหนึ่ง มู่เสี่ยวสังเกตเห็นถึงการเคลื่อนไหวของนาง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และก็เข้าใจความหมายของนางขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก ความโกรธเคืองเมื่อครู่ยังไม่ทันได้จางหายไป จนทำให้เขาอดที่จะเหลือบมองไปทางซูอวี๋เหนียนไม่ได้
แน่นอนว่าซูอวี๋เหนียนจัต้องได้รับ "คำเตือน" ของเขาอยู่แล้ว แล้วเขาก็ค่อย ๆ ชำเลืองมองไปยังสวนหลังบ้าน "ท่านพ่อกำลังดื่มชาอยู่ที่ศาลาข้างเขาหินที่สวนหลังบ้าน!"
ดวงตาของซูเมิ่งเยียนเปล่งประกาย จากนั้นจึงรีบหยิบชุดชงชาและวิ่งไปที่สวนด้านหลัง แม้แต่มู่เสี่ยวต่างก็ไม่ทันได้ดูไปชั่วขณะหนึ่ง
ซูอวี๋เหนียนมองไปที่แผ่นหลังของนางอย่างช่วยไม่ได้ แล้วหันกลับมามองที่มู่เสี่ยว "เด็กน้อยคนนี้ ถึงวันนี้จะแต่งงานไปแล้วแต่ไม่คิดเลยว่าจะยังบุ่มบ่ามเช่นนี้อยู่อีก!"
ถึงสีหน้าของมู่เสี่ยวจะยังปกติดี และยังพยักหน้ารับพลางกล่าวว่า "ไม่เป็นไร" แต่ภายในใจกลับแข็งทื่อไปเล็กน้อย ตอนอยู่ที่จวนอ๋อง นางไม่ค่อยทำตัวสบายๆ แบบนี้ และส่วนใหญ่นางต่างก็ดูเป็นคนสุภาพและเยือกเย็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน
อัพต่อหน่อยจ้าา...
อัพต่อด้วยค่ะ อยากอ่านต่อ...
อัพอีกหน่อยค่า อยากอ่านต่อ...
4/4/2567 ใครช่วยตอบที ไม่อัพตอนเพิ่มแล้วใช่ไหมค่ะ.... อยากอ่านต่ออะ 😢😢😢...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ หายไปเลย รออยู่นะคะ...
ไม่อัพแล้วหรอครับ...