ตลอดทาง เนื่องจากที่นางทาเครื่องแป้ง จึงไม่มีใครมองออกว่าหน้าผากของซูเมิ่งเยียนได้รับบาดเจ็บ
พี่ชายคนโตมีนิสัยที่รักอิสระ และไม่สนใจกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อครู่ท่านพ่อก็มองไม่ออก
แม้แต่มู่เสี่ยว ตอนที่ทั้งสองเผชิญหน้ากันและกันอยู่บนรถม้าเป็นเวลานาน เขาก็ไม่เคยมองออก หรือเขามองออกแต่เพียงไม่ได้สนใจเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้ ไม่คาดคิดว่าจะมีเฉียวฉู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองออก
ไม่แปลกใจเลยที่ในอดีต เพื่อชื่อเสียงของนางแล้ว น้อยครั้งมากที่เฉียวฉู่จะอยู่ในสถานที่เดียวกันกับนางสองต่อสอง แต่วันนี้กลับทิ้งท่านพ่อแล้วมาเดินเคียงข้างนาง แท้จริงแล้วก็เพราะอยากจะมาถามอาการบาดเจ็บตรงมุมหน้าผากของนางนั่นเอง
"ไม่เป็นไรหรอก" ซูเมิ่งเยียนหันหน้ากลับไป แล้วยิ้มให้กับเฉียวฉู่ ซึ่งครั้งนี้ ก็เป็นรอยยิ้มที่เพิ่มความจริงใจมากขึ้นอีกเล็กน้อย
นางก็ไม่ใช่ต้นไม้ใบหญ้า เช่นนั้นจึงรู้สึกได้ด้วยตนเองว่า เฉียวฉู่นั้นเป็นห่วงเป็นใยนางจริง ๆ
"แต่ใช้ยาทาแผลแล้วใช่หรือไม่?" เฉียวฉู่ยังคงกระซิบถาม ดวงตาของเขามองไปข้างหน้า และมองไปด้านข้างบ้างเป็นครั้งคราว อีกทั้งยังเหลือบมองมาที่นางด้วย
"ทาแล้ว แต่ว่ายังบวมแดงอยู่เล็กน้อย ทาอีกสักสองสามวันคงจะไม่เป็นไรแล้วล่ะ"
"อืม" เฉียวฉู่ตอบกลับมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ "หลังจากกลับไปที่จวน ต้องเอาแป้งทาหน้าออก ไม่งั้นเกรงว่าจะอึดอัดจนมีปัญหาอีก"
ซูเมิ่งเยียนหันหน้ากลับไป แล้วจ้องมองไปที่เฉียวฉู่โดยไม่กะพริบตา
เฉียวฉู่ถูกนางจ้องมองจนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ และเมื่อผ่อนคลายลงแล้วครู่หนึ่งจึงหันไปมองทางนาง "มีอะไรหรือ?"
"ไม่มีอะไร" ซูเมิ่งเยียนส่ายศีรษะ "เพียงแค่รู้สึกว่าเหตุใดวันนี้อยู่ ๆ ท่านพี่เฉียวถึงได้จู้จี้ขึ้นบ่นถึงเพียงนี้?" นางกล่าวอย่างหยอกล้อ
เฉียวฉู่ชะงักงันไปทันที ต่อมาก็มีร่องรอยของความจำใจปรากฏอยู่บนคิ้วและดวงตา เขาจ้องมองไปที่นาง จากนั้นก็ส่ายศีรษะเล็กน้อยเป็นเวลานาน "เจ้ากลายเป็นหญิงสาวที่แต่งงานแล้วจริง ๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่ได้ฟังคำพูดของเขาเจ้าไม่เคยรังเกียจมาก่อนเลย แต่ตอนนี้มีสามีแล้วจึงรังเกียจพี่เฉียวแล้วอย่างนั้นหรือ?"
คำพูดนี้ ต้องจะเป็นคำหยอกล้อกับนางอย่างธรรมชาติ แต่มันกลับสอดแทรกการเยาะเย้ยตนเองลงไปด้วยไม่น้อย
นางได้แต่งงานไปแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่เขารู้ดีมากกว่าผู้ใด
"ท่านพี่เฉียวกลั่นแกล้งข้าแล้ว" ซูเมิ่งเยียนน้อยอกน้อยใจ "ตอนที่ข้ายังไม่ได้แต่งงาน ก็รังเกียจท่านพี่เฉียวอยู่ไม่น้อยเลยนะ..."
คำพูดนี้ทำให้ทั้งสองคนส่งเสียงหัวเราะออกมา
ภายในห้องโถงใหญ่ตรงเรือนหลัก มู่เสี่ยวและซูอวี๋เหนียนกำลังพูดคุยเรื่องบางอย่างอยู่ บางทีอาจจะมีสาเหตุมาจากการแต่งงาน หรืออาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ซูอวี๋เหนียนไม่ค่อยเที่ยวเล่นไปทั่วเหมือนเดิม ทั้งสองคนจึงได้เจอกันอีกครั้งน้อยมาก เมื่อได้เจอหน้ากันวันนี้ บรรยากาศก็ไม่เงียบเหงาอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะมาจากด้านนอก มู่เสี่ยวที่เดิมที่มีท่าทางที่สงบนิ่งก็ตึงเครียดขึ้นมาไม่น้อยเลย เขาค่อย ๆ จ้องมองไปทางประตู แต่กลับพบว่าด้านหลังของซูเจียงไห่ มีซูเมิ่งเยียนและเฉียวฉู่กำลังพูดคุยอะไรบางอย่างอยู่ อีกทั้งยังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอีกด้วย และเมื่อแสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันตกกระทบลงบนร่างของทั้งสอง จึงทำให้เพิ่มความอบอุ่นขึ้นมาอีกไม่น้อยเลย
มู่เสี่ยวหรี่ดวงตาลง และอำพรางลำแสงของความอันตรายเอาไว้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เฉียวฉู่ก็มาที่จวนวันนี้ด้วย และ...
เขาสามารถทำให้ซูเมิ่งเยียนที่มีท่าทางยิ้มแย้มเช่นนั้นได้
"ในที่สุดก็ยอมมาแล้วอย่างนั้นหรือ?" ถึงอย่างไรซูเจียงไห่ก็เป็นผู้ใหญ่ บวกกับสาเหตุที่ทำให้ซูเมิ่งเยียนได้รับบาดเจ็บก็เป็นเพราะมู่เสี่ยว วันนี้เมื่อได้เห็นเขา ก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดดุสักสองสามประโยค
มู่เสี่ยวถอนสายตากลับอย่างแผ่วเบา เขาลุกขึ้นโค้งคำนับเล็กน้อย ร่างที่สูงระหงทั้งสงบและสง่างาม "ลูกเขยขอคารวะท่านพ่อตา อาการบาดเจ็บของเมิ่งเยียนเป็นความผิดพลาดของข้า ที่ลูกเขยมาวันนี้ก็เพื่อแบกหนามขอขมาโดยเฉพาะ"
คำพูดนี้ถึงจะดูธรรมดาไปบ้าง แต่เมื่อเขากล่าวออกมาจากปากของตนเอง ก็มักจะดูจริงใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงอ๋อง ในเมื่อโค้งคำนับขอโทษเป็นการส่วนตัวแล้ว ซูเจียงไห่ก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว จึงทำได้แต่ปล่อยวางมันไป "รีบลุกขึ้นเถิด วันนี้เมิ่งเยียนไม่เป็นไรแล้ว ข้าก็วางใจไปได้บ้างแล้ว" ขณะที่พูดอยู่นั้น ก็เหลือบมองไปที่ทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังของเขา "ท่านอ๋อง..."
"ท่านพ่อตาเรียกข้าว่ามู่เสี่ยวก็ได้" มู่เสี่ยวพยักหน้ากล่าว
ซูเจียงไห่ชะงักไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็กล่าวเรียกขึ้นมาว่า "ลูกเขย นี่คือลูกศิษย์ของตระกูลซูชื่อว่าเฉียวฉู่ เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการเรียนรู้แน่นมาก เฉียวฉู่ ท่านนี้ก็คืออ๋องหย่งอัน และก็เป็นสามีของเมิ่งเยียนด้วย"
สีหน้าของเฉียวฉู่ยังคงสดใสอยู่ เขายกมือขึ้น เพื่อแสดงความเคารพต่อมู่เสี่ยว "เฉียวฉู่คารวะท่านอ๋อง"
"..." มู่เสี่ยวพยักหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ซูเมิ่งเยียนขมวดคิ้วมุ่น
เมื่อเห็นถึงการตอบสนองของหญิงสาว สีหน้าของมู่เสี่ยวยิ่งเคร่งขรึมขึ้น
ในทางกลับกันสีหน้าของมู่เสี่ยวยังคงเรียบเฉยอยู่เสมอ เขายืดตัวตรง แล้วยิ้มอย่างอบอุ่น "ก่อนหน้านี้ ข้าน้อยเคยพบหน้ากับท่านอ๋องมาหลายครั้งแล้ว ไม่ทราบว่าท่านอ๋องยังจำได้หรือไม่?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน
อัพต่อหน่อยจ้าา...
อัพต่อด้วยค่ะ อยากอ่านต่อ...
อัพอีกหน่อยค่า อยากอ่านต่อ...
4/4/2567 ใครช่วยตอบที ไม่อัพตอนเพิ่มแล้วใช่ไหมค่ะ.... อยากอ่านต่ออะ 😢😢😢...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ หายไปเลย รออยู่นะคะ...
ไม่อัพแล้วหรอครับ...